Movie Review Sisters on the Road (2008) เก่าแต่ดีที่ความอบอุ่นตั้งบนความร้าวใจกับการแสดงเยี่ยมๆประชันกันระหว่าง “ชินมินอา” กับ “กงฮโยจิน” ทีอาจไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! สำหรับผู้เขียนแล้วการติดตามดูและเก็บงานแสดงของกงฮโยจินที่แฟนๆเรียกแบบเก๋ๆว่าเจ๊กงนั้นนับเป็นภารกิจอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียวหลังจากได้ดูซีรีส์ที่เข้าไปนั่งอยู่ในใจอย่าง When the Camellia Blooms (2019) แต่ข้อจำกัดคือหนังหรือซีรีส์บางเรื่องมันหาดูยากหรือกระทั่งหาดูไม่ได้ยิ่งเป็นงานเก่าๆยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะได้ดูแถมกงฮโยจินก็ไม่ต่างจากนักแสดงแถวหน้าของเกาหลีที่ส่วนมากนักแสดงเบอร์ใหญ่ๆจะมีผลงานการแสดงหนังมากกวาซีรีส์ แต่บางครั้งอะไรที่ไม่คาดหวังมันก็มาแบบไม่คาดคิดอย่างหนังเก่าๆที่ผ่านมาแล้วสิบเจ็ดปีเรื่องนี้ที่เอาจริงผู้เขียนไม่คิดว่าจะได้ดูเหมือนกันแต่เมื่อผ่านไปเห็นในแอปเหลืองที่นานๆจะเข้าไปเยือนสักที แล้วแอปเหลืองนั้นสำหรับผู้เขียนมีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะคือไว้หาหนังเกาหลีที่ไม่ได้เข้าฉายหรือหนังเกาหลีเก่าแต่ดีที่หาดูยากๆและมักจะมาเจอที่นี่ที่แอปเหลือง กับหนังเรื่องนี้ที่เป็นผลงานการแสดงของกงฮโยจินประชันกับชินมินอาที่ยอมรับเถอะว่าในปัจจุบันคงยากมากที่นักแสดงชื่อดังทั้งสองคนจะมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันเป็นแน่แท้ พัคมยองอึน (ชินมินอา) และโอมยองจู (กงอโยจิน) สองพี่น้องต่างบิดาที่ห่างเหินเพราะมยองอึนไปอยู่โซลโดยแทบไม่กลับมาบ้านที่เกาะเชจูแต่มยองจูผู้พี่ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวดำรงชีพด้วยการเปิดร้านขายปลาอยู่ที่บ้าน จนวันหนึ่งแม่ของสองพี่น้องเสียชีวิตลงกระทันหันสองพี่น้องจึงได้มาพบกันที่บ้านที่เหลือเพียงมยองจูกับลูกสาวและน้าสาวอีกหนึ่งคนที่ไม่ต้องใจมยองอึนเท่าไหร่ แต่แล้วเมื่อเสร็จงานศพแม่มยองอึนที่พ่อของเธอทิ้งไปตังแต่เธอยังไม่ลืมตาดูโลกก็ตัดสินใจชวนมยองจูพี่สาวไปตามหาพ่อตามที่อยู่ที่เธอสืบมาได้ แต่มยองจูก็พยายามบ่ายเบี่ยงจนสุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้จึงฝากลูกไว้กับน้าที่บ้านแล้วร่วมเดินทางไปกับน้องสาวมยองอึน เมื่อสองคนพี่น้องที่นิสัยและทัศนคติต่างกันได้มาอยู่ร่วมกันก็เหมือนไฟบางอย่างปะทุเมื่อมยองอึนผู้เคร่งตึงไม่พอใจพี่สาวที่ทำตัวสบายๆง่ายๆไปเสียทุกอย่างสุดท้ายก็ทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ แล้วหลังจากนั้นเมื่ออารมณ์คลายลงความทรงจำบางอย่างก็เข้ามาโดยที่เหมือนกับว่ามยองจูเก็บงำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพ่อมยองอึนไว้ เงียบขรึมเรียบง่ายเหมือนเป็นดราม่าครอบครัวธรรมดาที่หาได้ทั่วไปแต่ซ่อนความจริงไว้อย่างเหนือชั้นจนอดคิดไม่ได้ว่าคิดได้ไง บทหนังเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้วที่มาดูเอาตอนนี้ยังรู้สึกทึ่งว่าการเขียนบทที่ซับซ้อนทางอารมณ์แต่เล่าออกมาอย่างเรียบง่ายโดยธงที่ปักไว้คือการเป็นดราม่าครอบครัวที่แตกสลายจริงหรือ? ซึ่งเมื่อหนังมันผ่านเวลามานานก็เขียนง่ายหน่อยเพราะไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนคือหนังใช้ดราม่าครอบครัวแตกแยกนั้นเป็นตัวหลอกด้วยการวางทัศนคติของสองพี่น้องที่ต่างกันชัด แถมยังแยกกันให้ออกด้วยการแต่งตัวหนึ่งเรียบๆหนึ่งฉูดฉาดและแน่นอนใช้การปะทะกันทางความคิดในเรื่องเดียวกันคือเรื่องของการที่ไม่มีพ่อหนึ่งมองในมุมที่เข้าใจโลกอีกหนึ่งมองในมุมที่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง แน่นอนเมื่อมันออกมาเป็นหนัง Road Trip ที่ระหว่างเดินทางความเข้าใจกันจะเข้ามาเพราะตลอดเวลาก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากพอ จนสุดท้ายปริศนาคาใจคนน้องถูกซ่อนด้วยความรักของพี่ที่สามารถปลดเปลื้องทกอย่างลงพร้อมเฉลยปริศนาอย่างเหนือชั้นชนิดที่คิดได้ไง ด้วยทิศทางเป็นดราม่าที่ร้าวใจประสานงาด้วยความต่างระหว่างพี่น้องที่เหมือนเป็นไปตามครรลองแต่ลงเอยด้วยความอบอุ่นซาบซึ้ง เพราะหนังเดินเรื่องด้วยความคิดส่งต่อมาเป็นความรู้สึกแล้วสิ่งที่ตาเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิดและเพราะคิดไม่ถึงหรือคิดแทนคนอื่นหนังจึงเริ่มต้นที่ความร้าวใจ ซึ่งหนังจะโฟกัสไปที่ความรู้สึกของมยองอึนมากกว่าที่สายตาของเธอไม่สามารถจับต้องอะไรที่สำคัญที่อยู่รอบตัวได้แม้กระทั่งความรักความห่วงใย พลังของการเดินเรื่องจึงไปในทางของการปะทะกันระหว่างพี่น้องที่ยิ่งรักกันก็ยิ่งเกลียดกันเพราะรักกันมากเกินไปซึ่งมันคือครรลองของหนังดราม่าครอบครัวใจร้าวๆแบบนี้ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างหลังเรื่องของพ่อที่จากไปจนต้องตามหาเพื่อรู้เหตุผลว่าเพราะอะไรและทำไมมันคือปริศนาหลักที่บทหนังโยนให้คนดูแบกรับไปพร้อมๆกับมยองอึน แต่คนดูไม่เฉลียวใจสักนิดในการพยายามบ่ายเบี่ยงของมยองจูที่รู้อยู่แก่ใจแต่เก็บมันเอาไว้เพราะรักน้อง จนสุดท้ายพ่อที่หายไปกลับอยู่ใกล้สัมผัสได้ตลอดมาแค่ว่าหัวใจไม่ได้เปิดรับเท่านั้นร้ายมาก ทุกอย่างเชิงอารมณ์ในหนังขึ้นอยู่กับบทหนังที่ร้อยเรียงเรื่องราวที่เหนือคาดและถูกส่งเสริมด้วยพลังการแสดง ด้วยบทหนังที่เรียบง่ายแต่ซับซ้อนเชิงอารมณ์แต่สามารถทำให้คนดูรู้สึกเข้าใจทั้งสองพี่น้องทั้งที่ทั้งสองหน้าตาอุปนิสัยและทัศนคติต่างกันแต่คนดูเข้าใจทั้งสอง อาจเพราะคนดูที่จะดูหนังเรื่องนี้อย่างเข้าใจต้องมีวัยวุฒิสักนิดที่จะคิดตามความคิดตัวละครที่สื่อสารความคิดออกมาผ่านการแสดงที่เบื้องหน้า และสิ่งนี้เองที่เป็นความยอดเยี่ยมเหลือหลายสำหรับการแสดงของชินมินอากับกงฮโยจินที่อาจไม่มีอีกแล้วที่สองคนนี้จะได้มาแสดงร่วมกัน เพราะนี่คือหนังที่ฉายเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้วสองคนนี้ยังแสดงได้เด็ดขาดปานนี้และในปัจจุบันนี้จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมสองคนนี้จึงยืนอยู่แถวหน้าของวงการบันเทิงเกาหลี ง่ายๆเลยคือการสื่อสารสิ่งที่คิดในใจหรือทัศนคติที่มีข้างในให้ออกมาจนสัมผัสรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องอธิบายมากความมันก็สุดๆแล้ว ทำให้หนังสร้างซีนประทับใจมากมายในการประชันของสองนักแสดงนำโดยเฉพาะซีนปะทะกันทางอารมณ์ที่เป็นที่จดจำแน่นอน เอาจริงนี่คือหนังเกาหลีเก่าๆเป็นหนังเกาหลีแท้ๆที่อาจไม่ใช่จะเข้าถึงกันง่ายๆและมีเอกลักษณ์กับอะไรที่เหนือความคาดหมายเสมอ หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2008 ที่ช่วงนั้นหนังเกาหลีกำลังเบ่งบานในบ้านเราแต่ด้วยความที่หน้าหนังเป็นหนังดราม่าจัดๆก็คงเป็นที่รู้กันว่าไม่ได้มาเข้าฉายในบ้านเราแน่นอน เพราะเท่าที่จำได้คือหนังเกาหลีที่มาบูมตอนนั้นจะเป็นหนังแอ็กชันหนังรักโรแมนติกและหนังตลกแต่หนังดราม่าเรียกน้ำตาแบบนี้นึกไม่ออกจริงๆ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อเวลานั้นหนังเกาหลีก็จะเป็นแบบนี้จริงๆคือค่อนข้างเรียบและเงียบเกือบๆไปทางหนังญี่ปุ่นที่เรียบเรื่อยแต่เกาหลีจะไม่เล่าเรื่องจากภาพและเพลงเท่านั้น แล้วยิ่งเป็นหนังดราม่า Road Trip ที่ไปเรื่อยๆแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่เข้าฉายอาจไม่มีคนดูเพราะด้วยเนื้อหาและการเล่าเรื่องอาจไม่ใช่งานที่เข้าถึงง่าย และหนังเกาหลีตอนนั้นจะเป็นแบบนี้เสมอคือพาให้คิดก่อนจะปิดท้ายด้วยอะไรที่เหนือคาดที่อาจเรียกว่าหักมุมทุกแนว อย่างเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นที่เป็นงานดีในแบบเกาหลีแท้ๆที่คุ้มค่ากับเวลาทุกนาทีที่ฉายบนจอ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 2,3,4 จาก Instagram tvn.movies เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !