[รีวิวซีรีส์] Alchemy of Souls ซีซัน 2: ความสนุกยกกำลัง 2 ที่เฟี้ยวฟ้าวกว่าซีซันแรก
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาจากความตายท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน เธอก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายแม้ร่างจะกลายเป็นหินและจมอยู่ก้นทะเลสาบคยองชอนแดโฮ ชายหนุ่มที่หัวใจของเขาได้กลายเป็นที่อยู่ของหินน้ำแข็ง กับหญิงสาวที่สูญสิ้นพลังและความทรงจำทั้งหมดในอดีต ได้กลับมาพบกันอีกครั้งและกำลังจะสร้างตำนานรักหน้าใหม่แต่หัวใจดวงเดิม ให้ป้อมแดโฮสั่นสะเทือนเสียยิ่งกว่าซีซัน 1 ไปเลยจ้า
Alchemy of Souls : Light and Shadow หรือในชื่อไทย เล่นแร่แปรวิญญาณ ภาค 2 เปิดตัวมาปัง ๆ กว่าซีซันที่แล้วด้วยเรตติ้ง 1.65 สูงกว่าภาคแรกที่เปิดตัวอยู่ที่ 1.29 กันเลยละค่ะคราวนี้ ภาคนี้เริ่มต้นขึ้นมาเวลาก็ล่วงเลยไปถึง 3 ปีกันเลยทีเดียว หลังจากที่นักซูในร่างของ ‘มูด็อก’ (จองโซมิน) ถูกควบคุมด้วยเสียงกระดิ่งจนทำให้ ‘จางอุก’ (อีแจอุค) เสียชีวิต ด้วยน้ำมือของเธอเอง ความเสียใจทำให้เธอโดดหน้าผาลงไปในทะเลสาบคยองชอนแดโฮเพื่อจบชีวิตร่างแปรวิญญาณของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่า เขาได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายด้วยพลังของหินน้ำแข็งอย่างน่าอัศจรรย์
3 ปีผ่านไปจางอุกได้กลายเป็นเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในป้อมแดโฮ วัน ๆ ก็ควงดาบของนักซูไปทำหน้าที่เป็นมือปราบผู้แปรวิญญาณ จนวันหนึ่งขณะที่ไล่ล่าผู้แปรวิญญาณที่หลบหนีเข้าไปในจินโยวอน ก็ทำให้เขาได้พบกับ ‘จินบูยอน’ (โกยุนจอง) ลูกสาวคนโตแห่งตระกูลจิน ที่ถูกจินโฮกยอง แม่ของเธอขังเอาไว้ในห้องลับมาตลอด 3 ปี โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าใบหน้าของจินบูยอนคนนี้คือนักซู ที่มีร่างกายเป็นของมูด็อกหญิงคนรักของเขา
บทที่แยบยลกับนางเอกใหม่แบบว้าว ๆ
หมดห่วงกันไปได้เลยสำหรับแฟน ๆ ของซีซันแรกที่อาลัยอาวรณ์จองโซมิน และคิดว่าการเปลี่ยนตัวนางเอกเป็นโกยุนจองครั้งนี้จะทำให้อารมณ์เราสะดุดกันหรือเปล่า เพราะหลาย ๆ คนก็ตกหลุมรักมูด็อกเข้าไปแล้วเต็มเปา แต่การเปลี่ยนตัวนางเอกใหม่ครั้งนี้โกยุนจองก็ทำให้เห็นแล้วว่า เธอทำได้ดีไม่มีที่ติแถมทำให้เราหลงรักจินบูยอนได้แบบฉับไวอีกด้วยแน่ะ ด้วยความน่ารัก ขี้เล่นและใสซื่อชนิดที่ปากตรงกับใจสุด ๆ แถมยังมีความโก๊ะเล็ก ๆ ที่สร้างรอยยิ้มกว้าง ๆ ให้กับผู้ชมได้อีก เป็นคนละแบบกับมูด็อกที่เราคุ้นเคย
ในซีซันนี้บทได้ไขข้อข้องใจของใครหลายคน ที่ก็ยังสับสนว่าผู้เขียนบทจะเขียนให้นางเอกเปลี่ยนจากมูด็อกเป็นนักซูได้ยังไง นางจะฟื้นคืนชีพจากการกลายเป็นหินแล้วดิ่งลงหน้าผามาสวยสดหวานแหววแบบนี้อีท่าไหน จนในที่สุดความแยบยลของผู้เขียนบทก็ทำให้เรานะจังงังมากกว่าเดิมจนต้องบอกว่า โอโห นี่ก็ช่างคิดได้อ่ะเนอะแม่คุณ แม่ทูลหัวทูลกระหม่อม บทเขียนให้จินโฮกยอง นายหญิงตระกูลจินที่ตามหาลูกสาวคนโตมาทั้งซีซัน จนวันที่มูด็อกถูกทดสอบด้วยหินน้ำแข็งแล้วเอ่ยปากเรียกว่าแม่เอะใจขึ้นมาแว๊บ ๆ ว่า เอ๊ะ..หรือนี่จะเป็นลูกสาวฉันนะ
พอมูด็อกกลายเป็นหินและกระโดดน้ำตาย เธอก็ไปงมร่างมูด็อกขึ้นมาจ้ะ อย่างที่เราจะเห็นการทิ้งท้ายไว้ในซีซันแรกว่ามีผู้หญิงสองคน มาเอาร่างมูด็อกขึ้นไป ก็มาเปิดเผยไว้ในซีซันนี้แล้วว่าเป็นสาว ๆ จากตระกูลจินนี่เอง แล้วไปอ้อนวอนให้อาจารย์อี ผ้าใยป่านช่วยเหลือ อีตาอาจารย์อีนี่ก็เก่งเหลือเชื่อ สามารถทำให้ร่างที่กลายเป็นหินของมูด็อกฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่วิธีการและเงื่อนไขก็ปวดใจแม่เหลือเกินเพราะใบหน้าของมูด็อกจะต้องกลายเป็นใบหน้าของนักซูแทน อ้าว ทำไมล่ะ อยากไขข้อข้องใจนี้ใครที่ยังไม่ได้ดูก็ไปดูต่อกันเอาเอง ซึ่งเฉลยไว่ใน ep2 แบบหมดเปลือกแล้วละ
แต่แอบบอกเอาไว้นิดนึงว่า สาเหตุของการเปลี่ยนหน้าทางผู้เขียนบทไม่ได้เขียนขึ้นมามั่ว ๆ นะจ๊ะ จองอึนฮงและฮงมีรัน สองศรีพี่น้องผู้เขียนบทเรื่องนี้ ได้ผูกปมและใส่เหตุผลในครั้งนี้ไว้โดยเชื่อมโยงกับการแปรวิญญาณของนักซูในภาคที่แล้ว ที่นักซูได้แปรวิญญาณเข้าร่างมูด็อก ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือจินโบยอนที่หายตัวไป แต่ร่องรอยการแปรวิญญาณไปอยู่ที่ดวงตาแทนหน้าอกด้านซ้ายทำให้นางมองเห็นทั้ง ๆ ที่เป็นคนตาบอด และยังสามารถควบคุมพลังวิญญาณภายในร่างได้ไม่กลายเป็นหินแล้วต้องดูดวิญญาณชาวบ้านเหมือนผู้แปรวิญญาณคนอื่น ๆ เพราะร่างนี้เป็นร่างของจินโบยอนผู้มีพลังเวทแข็งแกร่ง การเปลี่ยนใบหน้าเห็นใบหน้าของนกซูก็มีความอัศจรรย์คล้าย ๆ กันนี้แหละจ้ะ
เอาเป็นว่าเราสามารถปรบมือให้ผู้เขียนบทเรื่องนี้ได้อีกครั้งแบบไม่ยั้งมือกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผู้เขียนบทซีรีส์ที่มีภาคต่อเรื่องอื่น ๆ ของเกาหลี ที่ทำเอาแฟน ๆ ต่างรอคอยซีซันต่อไปกันไม่หวาดไม่ไหว
นายน้อยเคมีสาธารณะกับนางเอกใหม่ที่น่าจับตามอง
ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรกของโกยุนจองในฐานะนางเอกเต็มตัวก็คงไม่ผิด ถ้าไม่นับ ‘Sweet Home Season 1’ ในบทของ พัคยูรี ผู้ดูแลผู้ป่วยมะร็งระยะสุดท้ายที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงไม่น้อย ว่าเธอคือนักแสดงน้องใหม่ว่าที่นางเอกในอนาคตที่ความโด่งดังกำลังรอเธออยู่ข้างหน้า แล้วเมื่อมาถึงเรื่องนี้ที่เธอรับหน้าที่เป็นนางเอกเต็มตัว เสน่ห์ที่ปล่อยออกมาไม่มีแผ่วก็ทำให้เราต้องจ้องแล้วจ้องอีกกับใบหน้าหวาน ๆ ซ่อนเปรี้ยวที่ต้องยกความดีความชอบให้กับช่างแต่งหน้าประจำกองนี้กันไปเลยว่า สามารถทำให้สาวน้อยคนนี้ดูดุดันในภาคแรก และดูสวยหวานหยดย้อยขนาดนี้ได้ในภาค 2 จนทำให้หลายคนสับสนว่า เอ๊ะ นี่ใช่นักซูในภาคแรกจริง ๆ ดิ
เอาจริง ๆ คือหลงไม่ไหว บอกเลยว่ามองเพลินมากกับใบหน้าที่สวยเหลือเกินของนักแสดงคนนี้ เพราะฉะนั้นแล้วในยามที่เธอส่องกระจกเธอจะอดใจไหวได้ยังไงที่จะไม่บอกตัวเองว่า “ฉันเป็นคนที่หน้าตาสวย” และความมั่นใจนี้ก็ถูกส่งออกไปถึงพระเอกของเรื่องจนอึ้งและอดขำกับความมั่นเบอร์แรงนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ ผู้เขียนบทก็ใช้ความน่ารักและของดีที่มีอยู่กับตัวถึงแม้ว่าจะนั่งเฉย ๆ ของเธอมาเป็นมุกหยิกแกมหยอก มุกใสซื่อแต่พูดจริงนะของนางเอก ที่ส่งเสน่ห์ให้แตกต่างจากนางเอกซีซันแรกอย่างสิ้นเชิง
แต่เคมีที่เข้ากันกับพระเอกก็กินกันไม่ลง เรียกว่าหนึ่งก็ดี สองก็ใช่ โดยไม่ได้ทำให้การเปลี่ยนใหม่มาด้อยค่าภาคแรกลงไปได้เลย นับว่าเป็นเคมีใหม่ที่คืนกำไรให้คนดูแบบเต็มกระบุงกันเลยทีเดียว แถมด้วยการพลิกชะตาฟ้าลิขิตที่ในภาคนี้ปรับเปลี่ยนให้พระเอกเป็นผู้พิทักษ์กับเขาบ้าง ในขณะที่ภาคแรกได้รับการปกป้องและผลักดันจากมูด็อกอาจารย์ผู้บ้าระห่ำของเขามาตลอด มาในภาคนี้อุกกลายเป็นคนที่ต้องกางปีกปกป้องนักซูในร่างจินบูยอนบ้าง เพราะเธอกลับมาในฐานะสาวน้อยที่มีพลังเวทแข็งแกร่ง แต่ความจำเสื่อม
แถมยังเป็นนางเอกสายรุกที่ขอให้พระเอกช่วยมาชิงตัวเธอในวันแต่งงานให้หน่อย แล้วอีตานี่ก็บ้าจี้ทำให้ แต่วิธีการนั้นบ้ากว่า ชนิดที่สมกับเป็นจอมเวทย์อันดับหนึ่งของป้อมแดโฮจริง ๆ ใครที่ยังไม่ได้ดูอย่าพลาดฉากนี้จ้ะ แว้บเดียวหาย มันต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับที่เป็นผู้ครอบครองหินน้ำแข็ง
สมศักดิ์ศรีดราม่าแฟนตาซี
แน่นอนเลยว่าความต่อเนื่องจากภาคแรกไม่ใช่ดราม่าของคู่พระนางเท่านั้น บทยังกระจายความสำคัญไปที่ตัวละครตัวอื่น ๆ แบบไม่ทิ้งรายละเอียดของใครไปเลยสักคน แถมยังมีความกระชับกว่าซีซันแรกซะด้วยซ้ำ เรียกว่าเป็นการดำเนินเรื่องที่ฉับไว ไม่เยิ่นเย้อ ทำให้ใน 2Ep ที่ผ่านมาดูสนุกและเพลิดเพลินกว่าการเปิดตัว 2Ep ของซีซันแรกไปมาก ถึงแม้ว่าการเปิดตัวตอนแรกจะทำให้เรื่องราวในเมืองแดโฮดำเนินไปแล้วถึง 3 ปี แต่ก็ทำให้เราสามารถเดาเหตุการณ์ที่เป็นไปในเมืองสมมติเมืองนี้ได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวสุดปวดร้าวของ ‘พัคดังกู’ (ยูอินซู) และ ‘จินโซยอน’ (อาริน) ที่สุดท้ายแล้วงานวิวาห์ของทั้งคู่ก็กลายเป็นหมัน เพราะการตายของพ่อจินโซยอน
เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครสองตัวนี้ได้อย่างชัดเจน จากคาแร็กเตอร์ที่เปลี่ยนไป บ่งบอกว่าเวลา 3 ปีและบาดแผลในใจที่เจ็บปวดทำให้สองคนต้องโตขึ้นเดี๋ยวนั้น แต่ก็ยังมีความเป็นตัวตนอยู่เช่นเดิม เพียงแต่มันไม่สามารถเอาแต่ใจได้พร่ำเพรื่อได้เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น และความรักที่ต้องเก็บมันเอาไว้เพียงเพราะเหตุผลที่คนดูอย่างเรานี่แหละไม่เห็นด้วย จนทำให้ตัวละครสองตัวนี้มีอะไรให้น่าติดตามอีกมากมายไม่แพ้คู่หลักเลยก็ว่าได้
และก็เป็นไปตามธรรมเนียมของเนื้อเรื่องที่ มีคู่หลัก มีคู่รองแล้วก็จะต้องมีพระรองซ้ำซ้อนเข้าไปให้มันช้ำกันไปข้าง เพราะไม่ว่าเรื่องไหน ๆ พระรองของทุกเรื่องก็จำเป็นจะต้องผิดหวังเพราะดันไปหลงรักนางเอกที่ไม่มีวันจะคู่กับตัวเองได้แน่นอน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘ซอยูล’ (ฮวังมินฮยอน) ที่ช้ำหนักมาแล้วในภาคแรก ในภาคนี้ก็ต้องช้ำอีกแหละจ้ะและเป็นการช้ำที่หนักกว่าเก่าชนิดที่ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ เพราะนางเอกเป็นนักซูที่หลงรักมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในร่างใครเขาก็ไม่รักตัวอยู่ดี แล้วนี่ขนาดเป็นใบหน้าของนักซูที่มีดวงจิตของจินบูยอนอยู่ด้วย ก็ยังไม่ได้อีกอยู่ดีนั่นแหละ ยูลเอ้ย สงสารเชียว
ก็เป็นการขยี้ปมที่แอบซาดิสม์ของคนเขียนบทเขาละค่ะ แถมเขายังสามารถทำให้เราเดาดราม่าของเขาได้แบบมั่นใจด้วยว่าเดาถูก แต่ก็ยังอยากติดตามผลว่าการคาดเดาของเรานั้นจะขยี้หัวใจซอยูลให้แหลกคามือได้แค่ไหน งานนี้ก็ไม่รู้ว่าระหว่างคนเขียนบทกับคนดู ใครมันจิตกว่ากันแน่ แต่ผู้อ่านก็อย่างเพิ่งเข้าใจผิดว่าภาคนี้จะซีเรียสหรือดราม่ากันหนักหน่วงหรอกนะคะ เพราะถึงแม้ว่าบทในภาคนี้จะเข้มข้นและดูท่าทางจะเคล้าน้ำตากว่าภาคแรก ก็ยังไม่ทิ้งความคอมเมดี้ที่สอดเข้ามาในทุกฉาก เรียกว่าสอดจริง ๆ นั่นแหละค่ะเพราะอารมณ์ขันตามสไตล์เล่นแร่แปรวิญญาณมาได้ตลอดทั้งเรื่องไม่มีแผ่ว
โดยเฉพาะคู่แม่บ้านคิมกับท่านผู้นำแห่งซงริม ที่เอาฮามากกว่าเอาเครียด ทำให้เบรกความซีเรียสของเนื้อเรื่องไปได้เยอะเลยละค่ะ และสำหรับใครที่คาดหวังว่าการต่อสู้ของซีซันนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ CG จะร้องว้าวได้รึเปล่า บอกเลยว่าคาดหวังเถอะ เพราะสองตอนที่ผ่านมาเขาโชว์พาวเอาไว้เยอะ ไหนจะความเก่งกาจของอุกที่เหนือชั้น เวทมนตร์ที่ใช้กันอย่างเหลือเฟือมากกว่าซีซันแรก สนุกค่ะ และดูเพลินมากมายจนอยากดู Ep3 แล้วละเนี่ย