“ยอจินกู” (Yeo Jin Goo) นักแสดงชาวเกาหลีใต้ เพิ่งฉลองวันเกิดครบ 24 ปี ไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีแฟน ๆ ส่งของขวัญมาให้มากมาย ซึ่งเขาก็ได้เขียนขอบคุณแฟน ๆ ครอบครัวและเพื่อน ๆ ไว้ใน IG yeojin9oo ที่แสดงความยินดีกับเขาในวันเกิดว่าเป็นวันที่เขามีความสุขมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะทุกคนได้ร่วมฉลองด้วยกิจกรรมต่าง ๆ และบอกกลับไปว่าเขาก็หวังว่าทุกคนจะมีวันที่ดีเหมือนกับเขาเช่นกัน“สุขสันต์วันเกิดจินกู”https://www.instagram.com/p/CSgEQXNhDxQ/“ยอจินกู” เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 8 ขวบเท่านั้นเอง ผู้เขียนเป็นแฟนที่ติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ จำได้ถึงภาพเด็กชายตัวน้อย ๆ ที่ยิ้มสดใส ยิ้มสวยมาก และเวลาที่เล่นบทเศร้า ๆ ก็บ่อน้ำตาแตกไปกับการแสดงของเขา มาถึงวันนี้เป็นหนุ่มเต็มตัว ด้วยความหล่อที่ต่อยอดมาจากเด็กน้อย ทำให้ได้เป็นพระเอกเต็มตัว "ยอจินกู" เริ่มต้นจากภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมอดี้ เรื่อง “Sad Movie อีกนิยามรัก” (2005) โตขึ้นมาอีกหน่อย ขณะที่มีอายุ 15 ปี ประความสำเร็จจากซีรีส์ “Moon Embracing the Sun” เรื่องนี้ถือว่าเป็นซีรีส์แห่งชาติ ที่มีเรตติ้ง 40% ปีต่อมา "ยอจินกู" เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง “Hwayi: A Monster Boy" (2013) ได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากเวที “Blue Dragon Film Awards” จากนั้นเขาก็มีงานในแวดวงบันเทิงมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี 2019 ในวัย 22 ปี มีซีรีส์ที่ก้าวมาเป็นพระเอกเต็มตัวให้ดูกันถึง 3 เรื่อง ในบทที่โชว์ความสามารถแตกต่างกันไป ติดลมบนในฐานะพระเอกขวัญใจแฟน ๆ มากขึ้น ๆ จากที่มีแฟนคลับที่ตามมาในช่วงที่เป็นนักแสดงเด็กอยู่แล้ว “ยอจินกู” มีผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์ และ ซีรีส์ ผู้เขียนขอเลือกซีรีส์ 5 เรื่อง ที่เชื่อว่าผู้อ่านจะรักเขาจากผลงานเหล่านี้ จนต้องย้อนกลับไปดูอีกเหมือนกัน1. ซีรีส์ The Crowned ClownThe Crowned Clown สลับร่าง ล้างบัลลังก์ ออกอากาศทาง tvN ปี 2019 เป็นซีรีส์รีเมคมาจากภาพยนตร์ "Masquerade" (2012) ที่ได้รับรางวัลว่าเป็นภาพยนตร์คุณภาพในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เกาหลี จากหลาย ๆ สาขา หลาย ๆ เวที จนเป็นที่ฮือฮาในยุคนั้น และได้ขึ้นทำเนียบภาพยนตร์เกาหลีใต้ ที่ได้รับความนิยมอันดับ 9 ของภาพยนตร์ที่มียอดขายตั๋วสูงสุดตลอดกาล ในเวอร์ชันซีรีส์ “ยอจินกู” รับบทเดียวกับ “อีบยองฮอน” ในเวอร์ชันภาพยนตร์ ที่ต้องรับ 2 บทบาท บทหนึ่งคือ กษัตริย์อีฮอน ฮ่องเต้องค์ใหม่ในยุคโซซอนที่อ่อนแอ เต็มไปด้วยความระแวงกลัวจะถูกลอบปลงพระชนม์จนสติฟั่นเฟือน สั่งฆ่าคนบริสุทธิ์ไปมากมาย กับอีกบทคือ “ฮาซอน” นักแสดงตลกที่โดดเด่นในบทล้อเลียนกษัตริย์อีฮอน เพราะมีใบหน้า รูปร่างคล้ายฮ่องเต้อยู่แล้ว จึงถูกนำตัวเข้าวังปลอมตัวเป็นฮ่องเต้ เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองThe Crowned Clown นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกชวนติดตาม ก็ได้เห็นความสามารถทางด้านการแสดงของ “ยอจินกู” เพราะบทกษัตริย์ กับบทนักแสดงตลก มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในความดราม่าของกษัตริย์กับดราม่ามองสามัญชนไม่เหมือนกันเลย ซึ่งเขาก็ถ่ายทอดทั้งสองดราม่าได้อย่างเข้าถึงตัวละครนั้น ๆ เริ่มแรกจากที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วมาปรับตัวให้เหมือนอีกคนหนึ่งโดยที่ไม่ถูกจับได้ บทสุดจะท้าทาย ดูกันแบบหยุดดูต่อไม่ได้เลยแม้ว่าตอนหนึ่งจะมีความยาวชั่วโมงกว่า ๆ รวมทั้งหมด 16 ตอนการดำเนินเรื่อง The Crowned Clown เป็นไปอย่างน่าติดตาม เนื้อหาของเรื่องสามารถเล่าเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างน่าสนใจ ดูไม่เบื่อสักตอนเดียว เพราะปมเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ต้องลุ้นไปด้วยตลอดเวลา และกับตัว "ยอจินกู" เอง ในความที่ต้องแสดงบทบาทที่แตกต่างกัน ทำให้รู้สึกร่วมไปด้วยได้ ทั้งไม่ชอบนิสัยกษัตริย์ฮีฮอน ทั้งเอ็นดูฮาซอนและเศร้าเมื่อเขาเศร้า "ยอจินกู" เปิดตัวในฐานะพระเอกได้แบบไม่ธรรมดาเลย สองบทบาทที่ "ยอจินกู" แสดง แน่นอนว่าเขาต้องทำการบ้านมาอย่างหนัก ในความรู้สึกของผู้เขียน ติดตามเรื่องราวและรู้สึกเชื่อในการแสดงเป็นกษัตริย์อีฮอน เชื่อในความเป็นฮาซอน เหตุการณ์ที่ฮาซอนตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกษัตริย์ครั้งแรก ต้องทำตามคำสั่งสวมเสื้อผ้าที่กษัตริย์ถอดแล้วโยนมาให้ สถานการณ์สามารถถูกสั่งประหารได้ทุกเมื่อหากไม่เป็นที่พอใจ "ยอจินกู" แสดงได้อย่างที่ทำให้รู้สึกเป็นห่วงตามไปด้วยเลย ประทับใจมาก ซึ่งส่วนที่เล่าเป็นเพียงมุมเล็ก ๆ ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ดูแล้วทำให้ลุ้นไปกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ เรื่องนี้ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือการนำบันทึกประวัติศาสตร์ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ ที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้มาต่อยอดเป็นภาพยนตร์ เป็นซีรีส์ขึ้นมา "ยอจินกู" ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ สายรักซีรีส์แนวอิงประวัติศาสตร์ รวมทั้งคนที่รัก "ยอจินกู" ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เลย2. Absolute BoyfriendMy Absolute Boyfriend เมื่อแฟนฉันเป็นหุ่นยนต์ เป็นซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ “ยอจินกู” ได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่ “พังมินอา” อดีตสมาชิกวง Girl’s Day เรียกว่าพอก้าวมาเป็นพระเอกเต็มตัวจาก ซีรีส์ The Crowned Clown ก็ต่อด้วยเรื่องนี้ทันที ในบทที่แตกต่างจากเดิมโดยรับบทเป็น “ยองกู” หุ่นยนต์ รหัส Zero9 ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ หล่อ นิสัยดี มีความสามารถเหนือมนุษย์ เป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงมากมาย และผู้หญิงที่ได้ “ยองกู” ไว้ในครอบครองแบบงง ๆ ก็คือ “ออมดาดา” (รับบทโดย พังมินอา) เมกอัพอาร์ทิสต์มากความสามารถ แต่ผิดหวังเรื่องความรักมาจากพระเอกคนดังที่แอบคบกันมานาน กระทั่ง “ยองกู” เข้ามาในชีวิต ในฐานะคุณแฟน มุมมองในชีวิต ในความรักของเธอก็เปลี่ยนไป แต่ความรักของคนกับหุ่นยนต์ จะเป็นความรักที่ยาวนานได้นานขนาดไหน ไม่ได้น่าสนใจไปกว่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของทั้งคู่ที่ผ่านไปแต่ละวันที่ สนุก ฮา และเต็มไปด้วยความซาบซึ้งMy Absolute Boyfriend เปิดตัวครั้งแรกในฐานะการ์ตูนญี่ปุ่น เมื่อปี 2003 เคยสร้างเป็นซีรีส์เวอร์ชันญี่ปุ่น ปี 2008 นำแสดงโดย โมโคมิจิ ฮายามิ และ ซากิ ไอบุ และในปี 2012 สร้างในเวอร์ชันไต้หวัน นำแสดงโดย หวังตงเฉิน และคูฮเยซอน ถัดมาอีก 7 ปี ในปี 2019 เกาหลีใต้ได้นำมาสร้างอีกครั้ง นักแสดงเด็กที่โตเป็นหนุ่มพอดีอย่าง “ยอจินกู” จึงได้รับงานแสดงเรื่องนี้ คู่กับ “พังมินอา” ในขณะที่ตัวละครที่ต้องร่วมงานด้วยรับบทเป็นมนุษย์สาวแสนสวย “ยอจินกู” ได้โชว์ให้เห็นความสามารถที่แตกต่างจากการแสดงของทุกคน ในบทของหุ่นยนต์ ที่วิ่งได้ 120 กม./ชม เก่งกว่ามนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน มีพัฒนาการเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นหุ่นยนต์ที่มีความนิ่ง ซึ่งก็จะได้เห็นรอยยิ้มหล่อ ๆ ของหุ่นยนต์ที่ยิ้มกว้าง ๆ ที่หล่อเร้าใจ ได้เห็นฉากยิ้มของ “ยอจินกู” เยอะมากเรื่องนี้ คาแรคเตอร์ที่ไม่ว่ายังไงก็จะต้องแตกต่างจากความเป็นมนุษย์ ก็ติดตัว “ยอจินกู” ตลอดเวลาแบบไม่มีหลุดเลย หุ่นยนต์หล่อขนาดนี้ มีชีวิตใจจิตขนาดนี้ ไม่หลงรักไม่ได้เลยการดำเนินเรื่อง My Absolute Boyfriend เชื่อว่าคนรักซีรีส์อยู่แล้วและอยากเห็นเบื้องหลังจะต้องชอบ เพราะเนื้อเรื่องหลักเล่าถึงการทำงานเบื้องหลังของการถ่ายทำซีรีส์ ว่านอกจากภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็นกัน เบื้องหลังทำงานกันอย่างไร "ออมดาดา" เป็นเมคอัพสเปเชียล การโชว์แต่งเอฟเฟคเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ซีรีส์น่าสนใจ บท "ยองกู" ที่ "ยอจินกู" แสดงคือความแตกต่างจากตัวละครทั้งหมด ผู้เขียนชอบหลาย ๆ ความคิดผ่านตัว "ยองกู" โดยเฉพาะความคิดเรื่องความรัก ที่ทำให้รู้สึกว่าหุ่นยนต์ตัวนี้คลั่งรักขนาดหนักซะจริง ๆ แต่นั่นก็คือความน่ารักที่ทำเอาสาว ๆ ใจละลาย อยากมีหุ่นยนต์น่ารัก ๆ เป็นของตัวเองบ้าง ถ้าชอบซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมอดี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขได้ แม้อาจจะเสียน้ำตาไปบ้างเมื่อยามที่หุ่นยนต์ตัวนี้หมดพลัง “ยอจินกู” เลือกรับงานแสดงแต่ละเรื่องได้ประทับใจแฟน ๆ อย่างมาก เขาทำให้ “ยองกู” แม้จะเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคนรัก ด้วยความรู้สึกที่ว่า... “เธอไม่ชอบฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะเป็นฝ่ายรักเธอเอง” ทำเอามูฟออนจากซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เลย 3. Hotel Del LunaHotel Del Luna คำสาปรัก โรงแรมจันทรา ซีรีส์แนวผี ที่คนดูต้องหลงรักเหล่าผีอย่างคาดไม่ถึง “ยอจินกู” มองว่าบทบาทการแสดงแต่ละบทล้วนแล้วแต่ท้าทายความสามารถ บทที่เขาชอบคือบทที่เป็นอาชีพที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็น หมอ ทนาย อัยการ ผู้พิพากษา ฯลฯ เป็นอาชีพที่น่าสนใจสำหรับเขา ซึ่งแน่นอนว่า บทผู้จัดการโรงแรม ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะได้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานโรงแรม ซึ่งตัวเขาเองเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นการทำงานเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน และสำหรับ “Hotel Del Luna” ที่ต้อนรับแขกที่ล้วนแล้วแต่เป็นผี เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงเลย ดังนั้นการที่ “ยอจินกู” มารับบท “กูชานซอง”คู่กับ “ไอยู” ในบท ”จางมันวอล” จึงน่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนไทยเราถ้ามองชีวิตหลังความตาย ส่วนใหญ่จะมองไปที่การขึ้นสวรรค์เมื่อทำความดี หรือตกนรกเมื่อทำความผิดบาป แต่ด้วยจินตนาการ ก็สามารถมองเรื่องราวหลังความตายออกไปได้อีกหลาย ๆ รูปแบบ ทั้งจากการจินตนาการขึ้นมาล้วน ๆ หรือจากการต่อยอดมาจากตำนานเก่า ๆ นิทานพื้นเมือง เรื่องเล่าสืบต่อกันมา ฯลฯ “Hotel Del Luna” เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวหลังความตาย ที่จะตอบคำถามว่าตายแล้วไปไหน ผู้คนในโลกมนุษย์จบลงตรงที่ความตาย ขณะที่ “Hotel Del Luna” คือจุดเริ่มต้นของคนที่ตาย เป็นสถานที่พักพิงก่อนที่คนตายจะเดินทางต่อไป ทั้งไปรับกรรมที่เคยทำมา ไปเสวยสุขกับความดีที่ทำมา และท้ายที่สุดคือการเกิดใหม่ในโลกหน้า เวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดHotel Del Luna เป็นโรงแรมที่นอกจากคนที่เพิ่งเสียชีวิตมาพักผ่อน เพื่อปรับตัวกับโลกหลังความตาย ยังมีบริการให้คนที่ยังมีเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ ไม่สามารถจะเดินทางต่อไป ได้จัดการกับเรื่องที่ติดค้าง ซึ่งค่าจ้างก็คือทรัพย์สินส่วนตัวที่ทิ้งไว้บนโลกโดยที่ไม่มีใครรู้ ความสนุกที่ได้ดูก็คือเรื่องราวของผู้คนในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรม อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา และเขาจะปล่อยวางเรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในชีวิตลงได้อย่างไร รวมทั้ง “จางมันวอล” ผู้บริหารโรงแรม และเหล่าพนักงานของโรงแรมก็ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวในใจที่ต้องสะสาง พล็อตเรื่องดีงาม น่าสนใจกับทุกเรื่องราวของทุกตัวละคร ไม่เพียงแค่ตัวละครหลักเท่านั้น ส่วนคอสตูม โดดเด่นสุดก็คือ “จางมันวอล” ที่เหมือนนางแบบหลุดมาจากนิตยสารแนวแฟชั่นทุกชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยของ “จางมันวอล” ที่ทำให้โรงแรมประสบปัญหาขาดทุน และผู้ที่เข้ามาแก้ปัญหาแทบจะทุกอย่างในโรงแรมก็คือ “กูชานซอง” ซึ่งการได้พบกันของ “จางมันวอล” ที่ต้องคำสาปให้ดูแลโรงแรมมามานานนับพันปี และ “กูชานซอง” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความผูกพันผ่านอดีตชาติ“ยอจินกู” เมื่อเข้าฉากกับ “ไอยู” น่ารัก หลากหลายอารมณ์มาก ๆ ชอบที่ทั้งคู่ผลัดกันโมโหที่ถูกขัดใจ และฉากง้องอนแบบน่ารักน่าหมั่นไส้ สำหรับบท “กูชานซอง” ช่วงแรกที่ยังไม่สามารถทำใจได้ ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวหลังความตาย ช่วงเวลาที่เริ่มจะเข้าใจ และช่วงเวลาที่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ตายแล้วได้อย่างลึกซึ้ง “ยอจินกู” ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้อย่างที่ยิ้มตามไปกับความรู้สึกดี ๆ ของเขาได้ เรื่องนี้สมกับเป็นซีรีส์แนวแฟนตาซี โรแมนติก ให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความแฟนตาซีของเรื่อง ฉากโรงแรมที่อลังการงานสร้าง แค่เปิดประตูห้องพักออกไป ก็ได้นั่งเล่นริมชายหาดมองทะเลสวยงาม และให้ความรู้สึกโรแมนติกในความรักได้อย่างมากมาย แล้วที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือตอนจบของเรื่องที่เปิดตัวพระเอก “คิมซูฮยอน” กับการกลับมาของโรงแรมผีใหม่ “Hotel Blue moon” ทำเอารอภาค 2 และหวังว่า”ยอจินกู” กับ “ไอยู” จะกลับมา เพราะการจบของภาคแรกก็เข้าใจสถานการณ์ในการจบได้ เพียงแต่หวังว่าทั้งคู่จะกลับมาเพื่อทำให้ความรู้สึกของคนดูถูกเติมเต็มความสุขอีกครั้งการดำเนินเรื่องของ Hotel Del Luna แต่ละเหตุการณ์เล่าเรื่องอย่างกระชับ ทำให้เดินเรื่องค่อนข้างเร็ว ต้องไม่พลาดเลยสักตอน เพราะตัวละครที่ไม่ใช้ตัวละครหลักเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนเรื่องราวไปอย่างเร็ว ถ้าพลาดไปสักตอนอาจจะงงได้ เพราะแม้ตัวละครจะเปลี่ยนเร็ว แต่ก็มีความเชื่อมต่อกับบางเหตุการณ์ทำให้ซีรีส์น่าติดตามและสนุก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนรักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ชอบทุกอย่างเลยจริง ๆ ทั้งบท ฉาก และนักแสดง "กูชานซอง" ที่ชีวิตถูกกำหนดให้ต้องมาอยู่ที่โรงแรมของคนตายโดยที่เขาไม่เต็มใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยกับเหล่าผีจนผูกพันกับทุกคน "ยอจินกู" ที่รับบทนี้ ในความคิดของผู้เขียน รู้สึกเหมือนกับเขาเป็นตัวแทนของคนดู ที่ทำให้ค่อย ๆ รู้จัก ค่อย ๆ เข้าใจถึงผู้คนที่มีชีวิตหลังความตาย การแสดงออกทั้งการกระทำ สายตา ที่สื่อออกมา เหมือนมาจากตัวตนของเขา เหมือนไม่ได้แสดง แต่ภาพรวมนั่นคือการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ 4. CircleCircle: Two Worlds Connected เป็นซีรีส์แนวไซไฟ ลึกลับ ดราม่า ครบรส เล่าถึงเรื่องราวของ โลกมนุษย์ โลกอัจฉริยะ โลกอดีต โลกอนาคต มนุษย์ มนุษย์ต่างดาว และ มนุษย์โคลน นำแสดงโดย ยอจินกู, คิมคังอู, กงซึงยอน, อีกีกวัง ด้วยความที่มีความยาว 12 ตอนเท่านั้น จึงเป็นซีรีส์ที่ต้องหยุดกิจกรรมอื่น เพื่อตั้งหน้าตั้งตาดู หรือถ้ามากตอนกว่านี้ก็เชื่อว่าจะดูต่อไป และต้องดูแบบดูให้จบ ไม่ให้พลาดสักตอนเดียว เพราะเป็นซีรีส์ที่สนุกมาก เนื้อเรื่องมีการหักมุมอยู่ตลอดเวลาคาดเดาอะไรล่วงหน้าไม่ได้เลย ซีรีส์เล่าถึงเรื่องราวของ 2 ช่วงเวลา คือปี 2017 และ 2037 ที่เล่าคู่ขนานกันไปแม้จะเป็นช่วงเวลาของอดีตและอนาคต ซีรีส์เล่นเรื่องความทรงจำของคนที่ถูกควบคุมจากการฝังชิฟเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ ทำให้ความทรงจำบางช่วงสูญหาย เรื่องราวเล่าผ่านพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง แฝดพี่ "คิมบอมกยุน" รับบทโดย "คิมคังวู" แฝดน้อง "คิมวูจิน" รับบทโดย "ยอจินกู" และ "ฮันจองยอน" หญิงสาวจากต่างดาว รับบทโดย "กงซึงยอน" ตัวละครแต่ละตัวใน Circle มีความซับซ้อนในคาแรคเตอร์ “ยอจินกู” แม้จะเพิ่งเริ่มงานแสดงในฐานะพระเอก แต่ก็เก๋าประสบการณ์ เพราะเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก ผ่านการแสดงมาหลายรูปแบบ เขาจึงสามารถแสดงบทบาทในเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว ทำให้แฟน ๆ ซีรีส์หลงรักตัวละคร "คิมวูจิน" ฝาแฝดผู้น้องได้ไม่อยากเลย ตอนจบของซีรีส์ยังจบแบบปลายเปิด ทำให้ลุ้นกันเลยว่าจะมีภาคต่อ โดยปกติผู้เขียนไม่ใช่คอละครแนวนี้ ตามดูเพราะนักแสดงนำเลยจริง ๆ แต่พอได้ดูก็ชอบพล็อตเรื่องมาก เพราะซับซ้อน ซ้อน ๆ ปม ต้องวนดูหลายรอบมากเพื่อคลายความงง จากเนื้อเรื่อง จากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงตลอดเวลา ทำเอาหลงทางเดาผิดจนต้องตั้งสติว่าห้ามเดาเองเด็ดขาด และที่น่าประทับใจคือความเป็นแนวไซไฟ เนื้อเรื่องก็โดดเด่นเรื่องของดราม่าด้วย "ยอจินกู" ในบท "คิมวูจิน" เป็นตัวละครที่ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านสีหน้า ท่าทาง แววตา มากกว่าผ่านบทสนทนา ซึ่งทำให้คนดูรับรู้ได้ถึงความเป็นตัวละครที่ต้องแบกรับปัญหาไว้มากมายตั้งแต่เด็กจนโต จึงกลายเป็นแนวไซไฟที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้ง ประทับใจในความสัมพันธ์ของตัวละครด้วย ทั้งยังได้มองโลกในอีก 20 ปีข้างหน้าที่ถูกจินตนาการขึ้นมา เรื่องนี้ตั้งใจเลยว่าจะไม่เล่าเยอะ เพราะอยากให้ผู้อ่านที่ยังไม่เคยดู หาเวลาว่าง ๆ สัก 12 ชั่วโมง ดูไปยาว ๆ จนจบเลย เพราะสนุกมากเกินจินตนาการเลยจริง ๆ การดำเนินเรื่องของ Circle เหมือนกับการเล่าเรื่องหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน เล่าเรื่องของปี 2017 เล่าเรื่องของปี 2037 ก่อนที่จะเล่าเรื่อง ณ ปัจจุบัน กับเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่จริง และยังแยกย่อยเรื่องราวออกไปอีกมากมาย เป็น 12 ตอนของซีรีส์ที่คนดูต้องแบกรับเรื่องอย่างหนักหน่วง แบบไม่น้อยหน้าตัวละครในเรื่องเลยจริง ๆ "ยอจินกู" ไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน และซีรีส์แนวแบบนี้ก็ไม่ได้มีเยอะ ดังนั้นการรับงานแสดงเรื่องนี้จึงท้าทายความสามารถมาก ๆ ในบทผู้ชายนิ่ง ๆ พูดน้อย ที่คิดฉลาด ๆ และเมื่อมีความเศร้าก็ฉายความรู้สึกออกมาทางแววตาได้อย่างลึกซึ้ง ประทับใจกับการแสดงครั้งนี้ของเขาสุด ๆ5. Beyond Evil เมื่อมีข่าวว่า “ยอจินกู” รับงานซีรีส์เรื่องใหม่ ชื่อที่ถูกประกาศออกมาคือ “Monster” แต่สุดท้ายมาลงเอยที่ชื่อ “Beyond Evil” เป็นซีรีส์แนวสืบสวน ระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวของตำรวจที่ต้องตามหาตัวคนร้าย โดยเฉพาะคนร้ายที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง และเมื่อเวลาผ่านมา 20 ปี แล้วกลับไปมีเหตุการณ์ซ้ำเดิม ให้ต้องสืบย้อนอดีตกันอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ละสายตาสักฉากไม่ได้เลยจริง ๆ เพราะเงื่อนงำของคนร้ายมักจะโผล่มาในจุดที่ทำให้ผู้ต้องสงสัย อยู่ในตัวละครทุกตัวเสมอ “Beyond Evil” นอกจากมีเรื่องการสืบสวนสอบสวนหนัก ๆ ยังระทึกขวัญไปกับทุกช่วงเวลาที่ฆาตกร ฆาตกรรมเหยื่ออย่างทารุณ และการตามหาฆาตกรที่ทำเอาหลอนไปแทบจะทุกฉาก จากที่ตั้งใจเข้ามาดูเพราะเป็นผลงานที่ “ยอจินกู” เล่น กลายเป็นติดเนื้อเรื่องไปเลยดู “Beyond Evil” แล้วเหมือนตกอยู่ในภวังค์ติดอยู่กับเรื่องราวและตัวละคร เรื่องคอสตูม เสื้อผ้าหน้าผมนี่ไม่สนใจเลย ในหัวมีแต่คำถามใครเป็นฆาตกร ฉันต้องเดาให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ สารวัตรฮันจูวอน (ยอจินกู) ตำรวจใหม่ไฟแรง ลูกชายของรองผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ “อีดงชิก” (ชินฮากยูน) รองสารวัตรสืบสวนสุดเก๋า แห่งสถานีตำรวจมุนจู จังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ไม่สงบ เพราะมีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เหยื่อคือเด็กสาว ที่ถูกฆ่าแล้วตัดนิ้วมาวางไว้ที่หน้าบ้านเหยื่อเอง ทั้งยังมีเด็กสาวที่หายไปอย่างเป็นปริศนา กระทั่ง 20 ปีแล้วก็ยังจับตัวฆาตกรตัวจริงไม่ได้ “ฮันจูวอน” ต้องสืบคดีใหม่ที่มีหญิงสาวที่ต้องตายในลักษณะเดียวกับคดีเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ส่วน “อีดงชิก” คู่หูของเขา คือคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะน้องสาวฝาแฝดของ "อีดงชิก" คือหญิงสาวหนึ่งคนที่หายสาบสูญไปในช่วงเวลานั้น“อีดงชิก” เป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าน้องสาว เพราะในช่วงวัยรุ่น ขณะที่น้องสาวเก่งทุกด้าน แต่เขากลับเป็นคนที่ไม่เอาไหนไปเสียทุกเรื่อง จึงถูกมองว่าฆ่าน้องเพราะอิจฉาน้อง แม้ "อีดงชิก" จะยืนยันตลอดเวลาว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ “ฮันจูวอน” จึงทำงานกับ “อีดงชิก” ด้วยความระแวง คนดูก็ด้วยที่ทั้งระแวง สงสัย หลอน ใจเต้นตุ๊บตั๊บไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของ "อีดงชิก" ที่ดูน่ากลัวจริง ๆ แล้วก็หลอนไปกับบรรดาตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครที่คาดเดาได้ตั้งแต่เปิดฉากว่าน่าจะเป็นเหยื่อ หลอนใจกับการตายสยอง ๆ เรื่องนี้แทบจะไม่เห็นรอยยิ้มของ “ยอจินกู “ เลย เพราะเหตุการณ์ที่ “ฮันจูวอน” ต้องประสบนั้นเต็มไปด้วยความเครียด เครียดน้อย เครียดมาก แต่ก็เครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิต แค่เขายืนนิ่ง ๆ น้ำตาไหลออกมา ท่ามกลางความเงียบ ก็ร้องไห้ตามเลยสิ่งที่อยากเขียนถึง “Beyond Evil” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ สิ่งที่แทรกไว้ในซีรีส์ คือการให้ความรู้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับกรณีคนหายของเกาหลีว่ามีอยู่ข้อเดียว คือการแจ้งคนหายต้องรอ 2- 3 วัน เพราะกฎหมายการคุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กหาย มาตราที่ 2 คำว่าลูกหมายถึงเด็กอายุที่ต่ำกว่า 18 ปี บุคคลที่บกพร่องทางปัญญา ออทิสติก หรือพิการทางจิต หรือคนไข้สมองเสื่อม ที่จะแจ้งความคนหายได้ และจะทำการค้นหาหรือสืบคดีทันที ซึ่งนอกเหนือจากนี้ จะถือว่าเป็นคนหนีออกจากบ้าน ซีรีส์ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปจนถึงตอนจบของเรื่องเลยทีเดียว ที่ได้เล่าเรื่องคนแก่ที่ความจำเสื่อม หลงลืม หายตัวออกไปจากบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นคดีคนหนีออกจากบ้านเช่นเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลก็ได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องนี้ เพื่อให้คนที่สูญหายไปเหล่านั้น มีโอกาสที่จะได้กลับมาสู่ครอบครัว และหากว่าใครมีเบาะแส แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงเบาะแสเล็ก ๆ ก็สามารถแจ้งสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดได้ทันทีบท “ฮันจูวอน” สามารถทำหน้าที่ดูแลคนที่สูญหายได้อย่างสมบูรณ์แบบในซีรีส์ สำหรับ “ยอจินกู” เขาบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขในการได้แสดง เพราะสามารถสัมผัสและแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ได้มาก ๆ เขาใช้ชีวิตเป็น “ฮันจูวอน” นานถึง 7 เดือน ได้สัมผัสถึงชีวิตผู้คนในตัวละครเป็นจำนวนมาก ที่แตกต่างจากผู้คนในชีวิตจริงของเขา ดังนั้นทุกช่วงเวลาของการแสดงจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าทะนุถนอมไว้ที่สุด ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมเช่นกันการดำเนินเรื่องของ “Beyond Evil” เป็นการเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งในอดีตเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว และในปัจจุบันที่เกี่ยวโยงกัน เรื่องนี้ "ยอจินกู" รับบทเป็นตำรวจครั้งแรก มาดตำรวจหนุ่มตรงฉิน ที่ทั้งนิ่งและจริงจัง จะพูดเล่นยังจริงจัง จะนิ่งก็สำรวจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว เอาไป 10/10 เลย ด้วยบทที่ทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกเรื่องที่เคยแสดงมา "ยอจินกู" สามารถเป็นตัวละครได้อย่างสมจริง ดูแล้วเครียดมากเรื่องนี้ แต่ถ้าไม่ดูให้จบจะเครียดยิ่งกว่า เพราะต่อมอยากรู้สะกิดเตือนให้ดูต่อ ๆ https://www.instagram.com/p/CLgPdRyA7PG/ผลงานทั้ง 5 เรื่องของ "ยอจินกู" เป็นผลงานที่ผู้อ่านควรที่จะได้รับชม และไม่ควรพลาด หากว่าติดตาม "ยอจินกู" เพราะเป็นผลงานในวัยวันที่เขาเติบโต และก้าวผ่านจากการเป็นนักแสดงเด็กมาเป็นพระเอกอย่างเต็มตัว เป็นการโชว์ความสามารถในบทการแสดงที่แตกต่างกันทุกเรื่อง อยากเห็นการแสดงแบบไหนเรียกเลือกดูได้เลย แต่ในการเป็นนักแสดงนั้น ในความท้าทายของบทบาทไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ต้องติดตามกันต่อ ๆไป หรือจะย้อนกลับไปดูผลงานเก่า ๆ ก็ได้ มีให้ดูหลายเรื่องหลายแนว สำหรับผู้เขียน รักผลงานทุกเรื่องที่ "ยอจินกู" เลือกรับ เพราะเชื่อมั่นในตัวเขาที่บอกว่าอยากให้ทุกคนได้จดจำเขาจากทุก ๆ ผลงานในแบบที่เขาเป็น เป็นตัวเขาในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งนั่นก็คือการเป็นนักแสดงคุณภาพคนหนึ่งของบันเทิงเกาหลีนั่นเอง ผลงานการแสดงซีรีส์ และ ภาพยนตร์ ของ “ยอจินกู”ปี 2005- ภาพยนตร์ Sad Movie ปี 2006- ซีรีส์ Queen of the Game - ซีรีส์ Yeon Gae So Mun - ซีรีส์ Want to Love Again - ภาพยนตร์ No Mercy for the Rude ปี 2007- ภาพยนตร์ Are You Crazy / Santamaria - ภาพยนตร์ Sorry Apple - ภาพยนตร์ Antique - ภาพยนตร์ A Frozen Flower https://www.instagram.com/p/CLvui5kg17T/ปี 2008- ซีรีส์ Il Ji-Mae: The Phantom Thief - ซีรีส์ Tazza - ซีรีส์ Gourmet ปี 2009- ซีรีส์ Can Anyone Love - ซีรีส์ Princess Ja-Myung - ซีรีส์ Swallow the Sun ปี 2010- ซีรีส์ Giant - ซีรีส์ The Reputable Family https://www.instagram.com/p/B4V1jcFnHJn/ปี 2011 - ซีรีส์ Tree With Deep Roots - ซีรีส์ Warrior Baek Dong Soo ปี 2012 - ซีรีส์ Missing You - ซีรีส์ Moon Embracing the Sun ปี 2013 - ซีรีส์ Potato Star 2013QR3 - ภาพยนตร์ Sky Force 3D - ภาพยนตร์ Hwayi: A Monster Boy https://www.instagram.com/p/B36tL0KJjx9/ปี 2014- ภาพยนตร์ Mr. Perfect - ภาพยนตร์ Tazza: The Hidden Card ปี 2015- ซีรีส์ Orange Marmalade - ภาพยนตร์Shoot Me in the Heart - ภาพยนตร์ The Long Way Home ปี 2016 - ซีรีส์ Daebak Jackpot / The Royal Gambler ปี 2017 - ซีรีส์ Reunited Worlds - ภาพยนตร์ 1987- ภาพยนตร์ Warriors of the Dawn https://www.instagram.com/p/B2TrVcAHmXA/ปี 2019- ซีรีส์ Hotel Del Luna - ซีรีส์ Absolute Boyfriend - ซีรีส์ The Crowned Clown - ซีรีส์ Circle ปี 2020- ซีรีส์ Beyond Evil https://www.instagram.com/p/B1Dqi77nbvm/ ขอบคุณภาพประกอบจาก - ภาพปก yeojin9oo ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5-6- เนื้อเรื่อง yeojin9oo ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพที่ 5 ภาพที่ 6 ภาพที่ 7 ภาพที่ 8- ซีรีส์ The Crowned Clown yeojin9oo ภาพที่ 1 - ซีรีส์ Absolute Boyfriend SBS DRAMA ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 - ซีรีส์ Hotel Del Luna TVN ภาพที่ 1-3 , yeojin9oo ภาพที่ 4 - ซีรีส์ Circle: Two Worlds Connected 써클 : 이어진 두 세계 ภาพที่ 1 ภาพที่ 2- ซีรีส์ Beyond Evil yeojin9oo ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !