วิล สมิธ รู้สึกผิด "I Am Legend" หนังหายนะไวรัสของเขา ให้ข้อมูลโรคระบาดพลาด
ข่าวสารวงการหนัง I Am Legend
หากคุณยังจำหนังหายนะไวรัสระบาดเรื่องดัง ที่ทำให้โลกทั้งใบถูกทิ้งร้าง พร้อมกับสร้างอสูรกายน่ากลัวออกมาหลอกหลอนในทุกคืน หนังเรื่องนั้นก็คือ "I Am Legend" เมื่อปี 2007 ที่แสดงนำโดย "วิล สมิธ" แต่ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว และในวันนี้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ได้ระบาดขึ้น และลามไปถึงสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการตื่นตัวของสังคมเป็นอย่างมาก
วิล สมิธ และสมาชิกครอบครัวของเขา ได้มานั่งล้อมวงพูดคุยถึงประเด็นไวรัส COVID-19 ในรายการ Red Table Talk โดยในบางช่วงบางตอนได้กล่าวถึงประเด็นการสื่อสารและให้ข้อมูลกับคนทั่วไปได้รู้สึกภัยจากไวรัสที่แพร่ระบาด และเขาก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมา ออกปากอยากจะแก้ไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะในหนังที่เขาเคยแสดงเอาไว้ ได้ให้ข้อมูลผิดๆ และทำให้ผู้คนที่ได้ดูหนังรับข้อมูลผิดเพี้ยนไปนานหลายปี
"เอาจริงๆ ผมอยากทำนะ อยากแก้ไขสิ่งที่พลาดไป เพราะว่าเมื่อปี 2007 ผมได้สร้างหนัง 'I Am Legend' ฉายออกไป และผมก็ต้องการจะรับผิดชอบกับการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาดออกไปในหนังหลายอย่างเลยทีเดียว" วิล สมิธ ได้กล่าวเอาไว้ แต่อันที่เป็นการพูดในเชิงติดตลกขบขันและเสียดสีตัวเอง
สำหรับในหนังเรื่องดังกล่าว เขารับบทเป็นนักไวรัสวิทยา ที่รอดชีวิตจากการแพร่ระบาดของไวรัสที่เปลี่ยนให้คนกลายเป็นสัตว์ประหลาด เขาเล่าว่า ในช่วงที่เตรียมตัวรับบทนี้ เขาได้พบกับเจ้าหน้าที่กรมการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่กำลังพยายามให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับไวรัส COVID-19 อยู่ในเวลานี้
"คือมันมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับไวรัสและเชื้อโรคที่มาจากไวรัส เอาจริงๆ การศึกษาเรื่องนั้นมันได้เปลี่ยนชีวิตและมุมมองของผมที่มีต่อโลกใบนี้ไปเลยนะ และที่สำคัญมันยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้เข้าใจพื้นฐานเหล่านี้ และทำให้พวกเขาไม่ทันได้ระมัดระวังตัว" วิล อธิบายเพิ่มเติม
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ยังพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเกือบจะแตะถึง 10,000 เคสแล้ว ถึงแม้ว่าอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสในอเมริกายังค่อนข้างต่ำ แต่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศมาตรการควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน เนื่องจากได้รับผลกระทบกับหลายภาคส่วน ขณะที่วงการหนังก็จำเป็นต้องปิดโรงหนังอย่างน้อยๆ 6-12 สัปดาห์ โปรแกรมหนังต่างพากันเลื่อนฉายหลายเรื่อง
Source: Entertainment Weekly
----------------------------------------------------