เครดิตภาพ WarnerBrosสมัยนี้ หนังแนวสงครามย้อนยุค พีเรียดทุนสร้างสูง ๆ หาได้ยากมากแล้ว เมื่อหนังเรื่องนี้ลงโรงฉาย บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ที่ต้องไปชมครับ อีกอย่างเพราะมีพระเอกหนุ่มอย่าง ชาร์ลี ฮันนัมด้วยแล้ว ยิ่งน่าดูไปใหญ่ เรื่องราวจะเล่าถึง อาเธอร์ (Charlie Hunnam) ชายหนุ่มผู้ที่เติบโตมาอย่างยากลำบากในตรอกเล็กๆ อาศัยการค้าขายเป็นยังชีพตนเอง จนกระทั่งเข้าถูกทหารบังคับให้พาไปดึง “เอ็กซ์คาลิเบอร์” ดาบแห่งราชันย์ที่แท้จริงขึ้นจากก้อนหิน แล้วเค้าก็สามารถดึงได้ ทำให้เขาได้รับรู้ว่าตนเองมีเชื้อสายกษัตริย์ และถูก วอร์ทิกัน (Jude Law) อาแท้ ๆ ของตนหวังจะทำลายตนและขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่กลัวอำนาจจะสั่นคลอนเลยพยายามสั่งประหารหลานชาย แต่สุดท้ายเขาหนีรอดมาได้ จากนั้นการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองและชิงบัลลังก์ก็เริ่มขึ้น เครดิตภาพ WarnerBrosด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังแนวย้อนยุค มีกลิ่นอายแฟนตาซี บวกกับลักษณะการตัดภาพสลับเหตุการณ์เชิงเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ทำให้ความอยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากขึ้นไปกว่าเก่า แม้จะเป็นงานPeriod ทุนสร้างยักษ์ หายากมากแล้วสมัยนี้ แต่หนังกลับสร้างรายได้ไม่เยอะตามที่ผมคิดไว้ แต่หนังก็ยังควรค่าแก่การชมสำหรับคอหนังฟันดาบและการต่อสู้แบบย้อนยุค ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนัง เล่าเรื่องอย่างมีสไตล์ หนังพยายามบ่งชี้ว่า มีเวทย์มนต์มาเกี่ยวข้องด้วยนะเออ แต่กระนั้นหนังก็เล่าเรื่องได้กระชับถูกใจวัยรุ่นที่ไม่ชอบความเอื่อยเฉื่อย และสิ่งที่เป็นจุดแข็งอย่างการ ทำซีนหนังซอยเป็นช่วงสั้น ๆ ตัดสลับภาพด้วยความเร็ว คล้าย ๆ พระเอกเล่าเรื่องจากการคาดการณ์ของตัวสลับกับเหตุการ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งผมไม่ค่อยเจอหนังแบบนี้เลย ต้องบอกว่าไม่เคยเห็นเลยดีกว่า และมันกลายเป็นเทคนิคใหม่ที่สุดยอดแห่งความยอดเยี่ยม เครดิตภาพ WarnerBros เมื่ออาเธอร์รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้อสายกษัตริย์ เขาไม่ได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะได้ครอบครองบัลลังก์เลย แต่สถานการณ์มันบีบให้เขาต้องหนีและต่อสู้ เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่สามัญชนธรรมดา เหตุการณ์และอารมณ์หนังก็เปลี่ยนไปทันที ที่ต้องชื่นชมคือจังหวะในการเดินเรื่องครับ คือเท่าที่ผมติดตามผลงานของผู้กำกับ เค้าไม่เคยทำหนังแนวนี้เลย แต่เค้าใช้แนวคิดที่เค้าเคยทำหนังแนวที่ถนัด มาผสมผสานกับการทำหนังย้อนยุค มันเลยเป็นหนังย้อนยุคที่มีกลิ่นอายความเป็นสมัยใหม่ครับเครดิตภาพ WarnerBrosสิ่งที่โดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ คืออาวุธคู่กายและลีลาการใช้ดาบของพระเอกครับ ช่วงกลางเรื่องหนังจะพาคนดูไปกับพระเอก ว่าทำยังไงเค้าถึงจะสามารถควบคุมการใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่ว และเมื่เค้ากับดาบรวมกันเป็นหนึ่ง ศัตรูหน้าไหนก็ไม่สามารถทำอันตรายเค้าได้เลย หนังที่เกี่ยวกับดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ก็มีมากมายหลายบท แต่ว่าหนังเรื่องนี้กลับฉีกแนวความสามารถให้มากขึ้น เมื่อพระเอกถือดาบในมือ เค้าจะกลายเป็นนักสู้ที่หวดทุกคนกระเด็นแบบมองตามกันไม่ทันคะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ถือว่าเป็นหนังที่สนุกและดูเอามันส์ได้เพลิน ๆ ไม่แย่ไปนัก อาจจะมีบางฉากที่ทำให้สับสนตาลายบ้าง แต่ก็ให้อภัยกันได้ หนังมีความเดินเรื่องกระชับ แม้จะเป็นพล็อตเดิม ๆ แต่ผู้กำกับก็พยายามทำให้หนังไม่น่าเบื่อตามแนว Period ถือว่าทำได้ดี ทำให้คนแบบผมชอบหนังแนว Period มากกว่าเก่าคะแนนเอฟเฟคต์ 9.5/10 ตัวเอฟเฟคต์ทำออกมาได้ดี ภาพสวย การตัดสลับฉากทำออกมาได้ดีมาก ๆ รวมถึงดนตรีประกอบที่เป็นข้อโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน ทำให้เอฟเฟคต์ที่ทำออกมาได้ดีมากอยู่แล้ว เพิ่มอรรถรสและความมันส์เข้าไปอีกเป็นเท่าตัวข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. การทำตัวเป็นสามัญชนของอาเธอร์ แม้ว่าเข้าจะรู้ตัวอยู่แล้วว่ามีเชื้อสายกษัตริย์ แต่เขาก็ไม่เคยทะเยอะทะยานอยากเป็นกษัติรย์เลย ที่เค้าต้องต่อสู้และดิ้นรนหาทางรอดก็เพราะว่าอาของเขาพยายามฆ่าเขา เพื่อให้หมดเสี้ยนหนาม เหมือนคำพูดฉากสุดท้ายที่อาเธอร์พูดกับอาของเขา อาเป็นคนสร้างผมขึ้นมา2. เพื่ออำนาจ เวอร์ติกันฆ่าได้แม้กระทั่งลูก ในอุโมงค์ใต้ดิน เวอรติกันเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้ใต้ดิน และทุกครั้งที่เค้าต้องการพลังอำนาจ เค้าก็ต้องหาสิ่งมาและเปลี่ยน และการขออำนาจครั้งสุดท้าย เขาก็ต้องใช้ลูกสาวมาแลกเปลี่ยน เพื่อได้อำนาจมาสู้กับพระเอกที่ใช้ดาบเอ็ซ์คาลิเบอร์ได้อย่างชำนาญแล้ว ถึงแม้เค้าจะดูเสียใจที่ต้องเสียลูกไป แต่เค้าก็ยังกระหายอำนาจมากกว่า สรุป หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังแนวย้อนยุค ที่พยายามฉีกกฎเดิม ๆ ของการเล่าเรื่องแบบเฉื่อย ๆ สำหรับคอหนังAction บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเครดิตภาพปก WarnerBros