เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยได้ยินชื่อหนังผีแฟรนไชส์ในตำนานอย่าง "จูออน (Ju-On)" กันมาแล้ว นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ "จูออน" ถูกยกให้เป็นหนังผีขึ้นหิ้งของญี่ปุ่นที่โด่งดังไปทั่วโลกจนมีเวอร์ชั่นฮอลลีวูดอย่าง "The Grudge" ตามมา ทั้งผีเด็กตัวขาวหรือผีคุณแม่ผมยาวสุดหลอนก็ล้วนแล้วแต่สร้างภาพจำติดตาให้แก่คนดูมาจนถึงทุกวันนี้ และครั้งนี้ตำนานความหลอนของจูออนก็ได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งแบบที่เล่าชัดละเอียดจัดเต็มกว่าเดิมในฉบับ "ซีรีส์" ในชื่อ "จูออน กำเนิดโคตรผีดุ (Ju-On: Origins)" อำนวยการสร้างโดย "Netflix" มีด้วยกัน 6 ตอน ตอนละ 20 นาทีกว่าหลอนทีเดียวม้วนเดียวจบได้เลย ตัวอย่าง "จูออน กำเนิดโคตรผีดุ (Ju-On: Origins)""จูออน กำเนิดโคตรผีดุ (Ju-On: Origins)" ในเวอร์ชั่นซีรีส์จะพาคนดูย้อนไปในอดีตถึงต้นกำเนิดของคำสาปอาฆาตในบ้านผีดุซึ่งดัดแปลงมาจากภาพยนตร์เวอร์ชั่นญี่ปุ่น โดยเล่าเรื่องผ่านตัวละคร "ฮอนโจ ฮารุกะ" (รับบทโดย คุโรชิม่า ยุยนะ) นักแสดงสาวที่ได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนาในบ้านของเธอทุกคืน จนทำให้ "โอดะจิม่า ยาสุโอะ" (รับบทโดย โยชิโยชิ อาราคาวะ) นักจิตวิทยาชื่อดังที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับเข้ามาช่วยเธอค้นหาความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนพาไปสู่เรื่องราวอันน่าขนลุกตามมามากมายหลังจากดูจบส่วนตัวรู้สึกว่า "จูออน กำเนิดโคตรผีดุ (Ju-On: Origins)" เป็นซีรีส์แนวดราม่า ระทึกขวัญ สืบสวน มากกว่าแนวสยองขวัญ ตัวเรื่องเน้นเล่าบรรยากาศเนิบๆ ตามแบบฉบับหนังญี่ปุ่นซึ่งใครที่เคยดูหนังญี่ปุ่นน่าจะเข้าใจวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ดี ตัวซีรีส์ไม่ได้เน้นผีมากเท่าไรนักพอมีบ้างเป็นองค์ประกอบแต่ยังคงความหลอนด้วยความรู้สึกกดดันของบรรยากาศในเรื่อง ส่วนตัวคิดว่าความน่ากลัวของซีรีส์เรื่องนี้มาจากจิตใจของคนมากกว่าผีเสียอีกจากเหตุการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราจมดิ่งและหดหู่ตามได้ไม่ยากเลยตัวซีรีส์เน้นเล่าประเด็นสะท้อนปัญหาสังคมออกมาได้อย่างจัดเต็มจนได้เรท 18+ ไปครอง ทั้งเรื่องปัญหาความรุนแรงในครอบครัว การเลี้ยงลูก การข่มขืน การฆาตกรรม และอาชญากรรม เรียกได้ว่ากล้าเล่าแบบจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว ใครที่ชอบหนังแนวดาร์กๆ มีฟิลเตอร์หม่นๆ ก็คงจะชอบ การเล่าเรื่องมีการเล่าผ่านไทม์ไลน์ที่มีความสลับไปมาทำให้ดูแล้วงงเล็กน้อยแต่ความงงจนต้องกลับมานั่งคิดมานั่งตีความนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของจูออนเช่นกันสิ่งที่ชอบในซีรีส์ "จูออน กำเนิดโคตรผีดุ (Ju-On: Origins)" เวอร์ชั่นนี้คือด้วยความที่เป็นซีรีส์เลยทำให้เล่ารายละเอียดต่างๆ ได้เยอะทำให้เรารู้สึกอินกับตัวละครหลายตัวได้ดี แถมตัวซีรีส์แต่ละตอนมีความยาวไม่มากทำให้ดูได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อจนต้องดองไว้ก่อน ที่ชอบอีกอย่างคือเวอร์ชั่นซีรีส์นี้ไม่ได้เล่าถึงผีแค่อย่างเดียวแต่ยังเล่าประเด็นทางสังคมที่หลากหลายเข้มข้นออกมาได้ดี เป็นซีรีส์ที่ดูจบแต่อารมณ์ไม่จบต้องมีมานั่งคิดต่อถึงแม้จะไม่ได้มีฉากผีเยอะแต่ก็ทำเอาเราหลอนนิดๆ ได้เหมือนกันพูดถึงสิ่งที่ชอบไปแล้วขอพูดในสิ่งที่ไม่ค่อยชอบบ้างนะคะ อย่างแรกเลยคือรู้สึกว่าตัวซีรีส์เล่าเรื่องได้ค่อนข้างงง คือดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจถ้ามีเพิ่มอีกสัก 1-2 ตอนน่าจะทำให้เข้าใจได้มากขึ้น ปมต่างๆ ก็ยังเฉลยออกมาได้ไม่หมดทำให้เราค่อนข้างคาใจอยากรู้ว่าคืออะไรกันแน่ หรืออาจจะเพราะเขามีแพลนจะทำซีรีส์ Season 2 ต่อหรือเปล่าไม่แน่ใจ ด้วยความที่เขาสลับเล่าเรื่องไปมาและตัวละครค่อนข้างเยอะเลยทำให้เราต้องตั้งใจดูไม่งั้นจะมีสับสนตัวละครได้โดยรวมถึงแม้จะมีงงๆ ไปบ้างแต่เราก็ชอบซีรีส์เรื่องนี้นะคะทำออกมาได้ดีเลยเชียร์ให้มี Season 2 ต่อ ด้วยโทนเรื่องและการเล่าเรื่องสไตล์ย้อนยุคแบบญี่ปุ่นทำให้ตัวซีรีส์มีเสน่ห์มาก ฟิลเตอร์ที่ใช้ในเรื่องก็ดีมีความไม่น่าไว้วางใจอยู่ตลอดทำให้คนดูรู้สึกหดหู่กดดันได้ดี ใครที่สนใจสามารถดูได้ทาง Netflix นะคะเครดิตภาพ imdb: ภาพปก/ภาพที่1/ภาพที่2/ภาพที่3/ภาพที่5/ภาพที่6