หากพูดถึงดนตรี Jazz แล้วล่ะก็ เราจะนึกถึงชื่อของนักร้องนักดนตรีผิวสีอย่าง Louis Armstrong อยู่ด้วยทุกครั้งไป เพราะทั้งน้ำเสียง ลีลา และชั้นเชิง ฝีมือในการเป่าเครื่องดนตรีทองเหลือง (Brass) ของเขา ได้กลายเป็นภาพแห่งความทรงจำไปแล้ว Louis Armstrong เกิดมาในครอบครัวชนชั้นกรรมกร เป็นชาวเมืองนิวออร์ลีนส์ เมืองที่ถูกนับว่าเป็นเมืองหลวงของดนตรีแจ๊ส รัฐหลุยส์เซียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อนึกถึง Louis Armstrong ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่นึกถึงเพลง "What a Wonderful World" ที่เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะ เคล้าคลอไปกับน้ำเสียงที่แหบพร่าแต่นุ่มนวลชวนฟังของเขาขอบคุณภาพจาก Mr.Nostalgic ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons CC0 1.0 What a Wonderful World แต่งขึ้นโดย บ็อบ ทีเลอร์ (Bob Thiele) และ เดวิด ไวส์ (David Weiss) ในปี 2510 จุดประสงค์ที่แต่งเพลงนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าในช่วงนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาเต็มไปด้วยบรรยากาศของความขัดแย้งมากมาย ทั้งเรื่อง การเมือง ศาสนา การเหยียดสีผิว ชนชั้น ความเหลื่อมล้ำ รวมไปถึงการทำสงครามของมวลมนุษยชาติ โดยเนื้อหาในเพลง What a Wonderful World นั้น จงใจแต่งขึ้นแบบซ่อนสัญญะแบบ Satire เอาไว้ นั่นคือตั้งใจประชดประชัน ironic แดกดันเสียดสี เพราะท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นรายรอบตัว แต่เนื้อเพลงกลับจงใจพูดเฉพาะด้านที่สวยงาม ธรรมชาติ ดอกไม้ สายน้ำ ดินฟ้าอากาศ ฤดูกาล มองเพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว อารมณ์ประมาณคนในยุคสายลมแสงแดดหรือยุคบุปผาชน ประมาณนั้นขอบคุณภาพจาก kate gabrielle ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 2.0แต่พอ 20 ปีให้หลัง ในปี 2530 เพลง What a Wonderful World กลับมาโด่งดังอย่างมากมายอีกครั้ง เพราะปรากฎอยู่ในภาพยนตร์สงครามเรื่อง Good Morning Vietnam ที่นำแสดงโดย Robin Williams, Forest Whitaker และมีนักแสดงไทยอย่างจินตหรา สุขพัฒน์ ร่วมแสดงประกอบด้วย ใน Good Morning Vietnam นั้นก็จงใจที่จะใช้เพลงนี้เสียดเย้ยฉากการรบที่มีทั้งยิงกัน ฆ่ากัน ทิ้งระเบิดในสงครามของมวลมนุษยชาติด้วยเช่นเดียวกัน ในความขัดแย้งนั้นบางทีเราก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า จะแก่งแย่งครอบครองไปเพื่ออะไรกัน โลกทำไมต้องมีสงคราม ประเทศทำไมต้องมีแบ่งเขาแบ่งเรา ทั้ง ๆ ที่เป็นมนุษย์อยู่ร่วมโลกเดียวกันทั้งนั้น แต่คำถามบางคำถามก็ไม่ได้มีไว้เพื่อค้นหาคำตอบ หรือคำตอบบางคำตอบ อนุญาตให้ตอบได้เฉพาะกับเพียงบางคนเท่านั้นI see trees of green, red roses too,I see them bloom for me and you,and I think to myself, What a wonderful world I see skies of blue and clouds of white,the bright blessed day, the dark sacred night,And I think to myself, What a wonderful world. The colours of the rainbow, so pretty in the skyare also on the faces of people going by,I see friends shaking hands, saying How do you doThey're really saying I love you I hear babies cry, I watch them grow,They'll learn much more than I'll ever knowand I think to myself What a wonderful world, Yes, I think to myself, What a wonderful world. ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhereชีวิตของ Louis Armstrong เริ่มต้นด้วยการเป็นนักดนตรี แล้วจบลงที่การเป็นนักร้อง แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งเสียงทรัมเป็ต ทั้งเสียงร้องของเขาก็สร้างความสุขให้กับคนฟังได้แทบจะไม่ต่างกัน เพราะตัวเขาเองนั้นมีเทคนิคการร้อง การเปล่งเสียง การเอื้อนเสียงแบบเลียนเสียงเครื่องดนตรี อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ที่ทำให้คนทั้งโลกตื่นตะลึงและยกย่องในความสามารถด้านนี้เป็นอย่างมาก เสียงแหบ ๆ รอยยิ้มกว้าง ๆ จังหวะลีลาบนเวที สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดรวมกันเป็น Louis Armstrong เพลง What a Wonderful World เป็นเหมือนภาพแทนของ Louis Armstrong จนแทบจะแยกจากกันไม่ออก เพลง What a Wonderful World นี้ได้ถูกบันทึกเกียรติยศไว้ใน Grammy Hall of Fame ในปี 2542 ท่ามกลางความขัดแย้งมากมาย หากเปรียบ What a Wonderful World ก็เป็นเหมือนความหวังหนึ่งในการที่จะหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ เป็นเหมือนอาวุธของศิลปินบนโลกที่ความโหดร้ายซุกซ่อนตัวอยู่ทุกตรอกซอกซอยของเมือง ขณะที่คนหลายคนใฝ่ฝันถึงสันติภาพ แต่ในอีกซีกด้านหนึ่งของโลก คนหลายคนกลับกำลังทำสงครามรบรา ไล่ฆ่ากันอยู่ หากโลกแบบในเนื้อเพลง What a Wonderful World มีจริง และมนุษย์เราเข้าใจถึงเหตุผลของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติแล้วล่ะก็ ความเหลื่อมล้ำ การแก่งแย่ง การเอารัดเอาเปรียบ การทำสงครามปล้นฆ่ากัน ก็คงจะไม่ต้องถูกตั้งคำถามอีกต่อไป ขอบคุณภาพปกจาก pxhere