รีเซต

[รีวิวซีรีส์] "The Days วันวิบัติ" บันทึกหน้าประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ

[รีวิวซีรีส์] "The Days วันวิบัติ" บันทึกหน้าประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ
แบไต๋
13 มิถุนายน 2566 ( 09:00 )
314
“นิวเคลียร์” คือขุมพลังมหาศาลที่มีทั้งประโยชน์และโทษ โลกของเราได้รับรู้ผลลัพธ์ของการนำพลังงานทรงพลังอย่างนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ หนึ่งในนั้นก็คือเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิเมื่อปี 2011 โศกนาฏกรรมครั้งนั้นกินเวลายาวนานกว่า 7 วัน และเรื่องราวประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมจริงผ่านซีรีส์ ‘The Days – วันวิบัติ’

‘The Days – วันวิบัติ’ เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นความยาว 8 ตอน สามารถรับชมได้ทาง Netflix ได้ มาซากิ นิชิอุระ (Masaki Nishiura) และฮิเดโอะ นาคาตะ (Hideo Nakata) นั่งแท่นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังรวมนักแสดงมากฝีมือของญี่ปุ่นเอาไว้คับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น โคจิ ยาคุโช (Koji Yakusho), ยูทากะ ทาเคโนะอุจิ (Yutaka Takenouchi), ฟูมิโยะ โคฮินาตะ (Fumiyo Kohinata) และ คาโอรุ โคบายาชิ (Kaoru Kobayashi)

เรื่องย่อ: ‘The Days’ หรือ ‘วันวิบัติ’ เป็นซีรีส์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 9.0 ริกเตอร์บริเวณนอกชายฝั่ง ส่งผลให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา สิ่งที่สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดคือคลื่นยักษ์สึนามิที่ถาโถมข้ามผ่านแนวกั้นคลื่นเข้าสู่บริเวณโรงไฟฟ้า จนก่อให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

การจ่ายไฟและระบบหล่อเย็นของเครื่องปฏิกรณ์ฟุกุชิมะไดอิจิหยุดทำงาน กลายเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ตามมา เป็นหน้าที่ของผู้จัดการโรงไฟฟ้า ทีมช่างเทคนิค ผู้บริหารบริษัท ผู้เชี่ยวชาญ และนักการเมืองผู้มีอำนาจของภาครัฐ ต้องร่วมมือกันยับยั้งวิกฤติครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่จะทำอย่างไรเมื่อพวกเขามีข้อจำกัดทั้งด้านการสื่อสาร ข้อมูล และแนวทางการรับมือ!?

ก่อนอื่นต้องบอกว่าใครชอบซีรีส์แนวภัยพิบัติระทึกขวัญ ดำเนินเรื่องรวดเร็ว ฉับไว พลิกสถานการณ์เอาตัวรอดได้แบบทันใจอาจไม่ถูกกับซีรีส์เรื่องนี้ เพราะ ‘The Days’ บอกเล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์จริง เก็บรายละเอียดแบบเรียงไทม์ไลน์ของแต่ละช่วงเวลาตลอดทั้ง 7 วันของการปัญหาวิกฤติโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิเอาไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยตัวละครหลายตัว หลายฝ่าย และข้อมูลเทคนิคเบื้องลึกมากมาย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ต้องมีสมาธิและใช้พลังในการดูพอสมควร

เรื่องราวบอกเล่าผ่านตัวละครหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการโรงไฟฟ้า ผู้บริหารบริษัท TEPCO (Tokyo Electric Power Co) นายกรัฐมนตรี ฝ่ายเทคนิค ไปจนถึงญาติของพนักงาน ช่วงแรกอาจต้องใช้เวลาทำความเข้าใจตัวละครและสถานการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญ แต่เมื่อเราค่อย ๆ ซึมซับข้อมูล จะเริ่มเข้าใจว่าแต่ละฝ่ายต้องรับมือและทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่พวกเขาเจอ

เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงระดับวิกฤติ ที่พลิกคู่มือหาทุกหน้าก็ไม่เจอแนวทางการรับมือ (ไม่ใช่การเปรียบเปรยแต่อย่างใด เพราะพวกเขาพลิกคู่มือหากันทุกหน้าจริง ๆ) ดังนั้นจึงต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์รวมถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นใจเอาซะเลยเพราะเมื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้หนึ่งอย่าง ก็จะเกิดเหตุการณ์ชวนระทึกต่อไปมาให้ตามแก้ แถมทั้งข้อมูลและการสื่อสารก็ถูกจำกัด นอกจากนี้ฝ่ายภาครัฐก็กดดันทางบริษัทการไฟฟ้าให้เร่งหาทางแก้ไข มีทั้งเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงไปตรงมาแก่ประชาชน จนกลายเป็นความไม่ไว้วางใจในช่วงเกิดภัยพิบัติซึ่งส่งผลกระทบต่อกันไปเป็นวงกว้าง

เป็นการดูซีรีส์ที่เรียกว่าเครียดมากกว่าลุ้น เพราะเรารู้ว่าทุกวินาทีตรงหน้าหมายถึงชีวิตของผู้คนและธรรมชาติที่อาจสูญเสียไปอย่างมากมายมหาศาลหากสถานการณ์เป็นไปในทางที่เลวร้ายที่สุด นอกจากนี้ซีรีส์ยังทำให้เราได้เห็นภาพว่าการรับมือกับวิกฤติที่ไม่เคยพบมาก่อน ขณะที่การสื่อสารไม่เป็นใจ ข้อมูลมีจำกัด อีกทั้งยังพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญได้ไม่เต็มที่ เพราะแต่ละคนก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้นั้น ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยากลำบากมากแค่ไหนด้วย

ทางด้านการเล่าเรื่องผ่านภาพต้องบอกว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ภาพและเสียงสมจริงจนดูอึดอัดในหลายฉากหลายตอน ซีรีส์แสดงให้เราเห็นถึงความน่ากลัวของสึนามิที่ถาโถมรุนแรง พัดพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างให้จมหายไปกับทะเล นอกจากนี้ยังมีอีกหลายฉากที่งานภาพและเสียงทำให้เรารู้สึกเหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นด้วย ทั้งตอนแผ่นดินไหว การติดอยู่ในที่แคบและน้ำกำลังท่วมขัง หรือแม้แต่ตอนทีมปฏิบัติการต้องสวมชุดป้องกันกัมมันตรังสีเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่มืด ทั้งหมดทั้งมวลสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าประทับใจเหมือนเราได้ไปอยู่ร่วมในสถานการณ์นั้นจริง ๆ

นอกจากถ่ายทอดเรื่องราวผ่านงานภาพและเสียงได้อย่างสมจริง ‘The Days’ ยังมีความโดดเด่นด้านการนำเสนอการต่อสู้อย่างเต็มที่ของพนักงานในโรงไฟฟ้าและผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดบทสรุปของเหตุการณ์ออกมาได้ชวนหดหู่และขบคิด ทำให้เราได้เห็นผลกระทบทางการเมืองและสังคมที่ถกเถียงกันเรื่องการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ ไปจนถึงสิ่งที่ประชาชนและชุมชนโดยรอบต้องเผชิญ ซึ่งผลกระทบอันหนักหนาสาหัสหลายอย่างก็ยังคงส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

สรุป

ซีรีส์ ‘The Days – วันวิบัติ’ สามารถถ่ายทอดประวัติศาสตร์เหตุการณ์จริงที่หดหู่และละเอียดอ่อนออกมาได้อย่างสมจริง โดยให้ความสำคัญกับรายละเอียดจากตัวละครหลายฝ่ายเพื่อให้เราเห็นภาพรวมของการแก้ปัญหาในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้อย่างครอบคลุม รวมถึงได้รับรู้ผลกระทบหลังวิกฤติที่ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน งานภาพและเสียงคุณภาพสูง นับว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงที่ควรค่าแก่การรับชมสักครั้ง โดยเฉพาะหากใครชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ การเมือง และประเด็นทางสังคม แต่สำหรับบางคนอาจมองว่าดำเนินเรื่องช้าและไม่กระชับเท่าที่ควร

สามารถรับชมซีรีส์ ‘The Days – วันวิบัติ’ ทั้ง 8 ตอนได้ทาง Netflix