เรียกได้ว่า บุพเพสันนิวาส แทบจะเป็นละครแห่งชาติเลยก็ว่าได้ถ้าหากย้อนไปเมื่อห้าถึงหกปีก่อน นับจากความสำเร็จของเรตติ้งที่ถล่มทลายสร้างสถิติอันดับหนึ่งของยุคดิจิตอลและถูกสานต่อมายังรูปแบบภาพยนตร์ที่ก็ยังคงการันตีรายได้ที่แรงไม่แพ้เรตติ้งของละครเลย และก็ถึงเวลาการสานต่อจักรวาลการย้อนเวลามาอยุธยาของนักแสดงคู่บุญอย่างโป๊ปและเบลล่า ใน พรหมลิขิต จึงเป็นที่น่าจับตามองตั้งแต่ละครจะออนแอร์จนได้เชิญชมกันในที่สุด เรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวของญาติห่าง ๆ ของเกศสุรางค์ในชาติปัจจุบันอย่างพุดตานได้ย้อนเวลากลับมาสมัยอยุธยาสมัยเดียวกับที่เกศสุรางค์เลือกจะใช้ชีวิตอยู่ในยุคนั้นไม่ยอมกลับทำให้พุดตานต้องปรับตัวและค้นหาวิธีที่จะกลับยุคตนจึงเริ่มขึ้น ความรู้สึกหลังรับชมจำนวนทั้งสิ้น 26 ตอน ต้องบอกเลยว่าเป็นละครไทยที่ยังสามารถเสพความบันเทิงในแบบแยก ๆ แต่ละซีนออกมาได้อย่างออกรสออกชาติใช้ได้อยู่ โดยเฉพาะความคอมเมดี้ที่ใส่กลิ่นอายจาก บุพเพสันนิวาส มาได้อยู่ครบผสมผสานด้วยมุขและคำพูดที่ทันสมัยกว่าภาคแรกเพราะตัวเอกมาจากในสมัยที่ใหม่กว่าเลยค่อนข้างจะเอนจอยและดูเพลิน ๆ ได้ในช่วงเติมเต็มความบันเทิงได้ ด้านเนื้อหาหลัก ๆ ที่ถูกสานต่อจากภาคแรกก็ถูกเล่าด้วยสไตล์เดิม ประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์ตัวละครภายในเรื่องก็ยังพอคงเรียบเรียงเรื่องราวได้พอโอเค สิ่งที่อยากชมและทึ่งมาก ๆ คือการแสดงของสองนักแสดงคู่บุญที่ภาคนี้ค่อนข้างจะงานหินกับคาแรคเตอร์ที่เยอะกว่าภาคแรกเท่าตัว อย่าง เบลล่า ราณี ในบทเกศสุรางค์ พุดตาน การะเกด ที่ยังสามารถแสดงแล้วคนดูแยกออกว่าใครคือใครและสามารถทำให้คนดูอินตามได้อย่างดีถือว่าสอบผ่านมาก ๆ เช่นเดียวกับ โป๊ป ธนวรรธน์ กับสามบทบาท ที่แตกต่างกันก็ยังสามารถแสดงได้เชื่อทุกครั้งว่าเข้าซีนกับเบลล่า ว่านี่คือรุ่นลูก และนี่คือรุ่นพ่อรุ่นแม่ ไม่สับสนในการแสดง ถือว่ารับจบบทบาทตัวเองได้มหัศจรรย์มาก ๆ กับกรอบของละครที่พาไปรวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ ทั้งหน้าเก่าและใหม่ต่างชวนมาสร้างสีสันแต่ด้านตัวละครใหม่ต้องยกดาวเด่นให้ เกรท วรินทร ในบทบาท สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 หรือพระเจ้าท้ายสระ ได้อย่างน่าเกรงขามอย่างดี บทสรุปเรื่องราวจากพาร์ทอดีตที่เฉลยในช่วงท้ายซึ่งเป็นที่มาของ บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ถือสร้างสรรค์ออกมาได้ดีและตอบโจทย์คำถามมากมายที่เคยสงสัยและความเชื่อมโยงระหว่างสองภาคได้โอเคกับเรื่องราวที่ปูมาทั้งหมดทั้งมวล แถมการเล่าควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์ก็ยังใช้ได้อยู่ แต่เสียดายในแง่ของตัวบทที่ปรับเปลี่ยนจากนิยายมาสู่บทละครทำให้เรื่องราวหลัก ๆ ของ พรหมลิขิต ที่เป็นเนื้อเรื่องของตัวเองถูกบดบังด้วยการใส่ฉากที่ต้องการขายบันเทิงเพียว ๆ มากจนเกินไปทำให้หลายครั้งเนื้อเรื่องไม่ขยับและมุ่งเน้นจะสร้างซีนที่ไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อนเรื่องราวและความสัมพันธ์ไปจึงสร้างความเบื่อหน่ายให้กับผู้ชมได้โดยเฉพาะในช่วงกลาง ๆ ของละครยิงยาวยันช่วงท้ายที่พอจะเข้าเนื้อหาจริงจังก็เปิดโหมดเล่าร้อยเรียงเรื่องราวออกมาได้ไวจนเกินไป ขาดความละมุนที่ต่างอย่างสิ้นเชิงในภาคแรก ที่รู้จักสเต็ปการบิ้วอารมณ์ เล่าเรื่องราว ของตนได้เข้าใจแต่กลับกันภาคนี้ใช้สัดส่วนเล่าที่ไม่ละมุนจึงเกิดความรู้สึกที่ล้นไปขาดไปและส่งผลให้องค์ประกอบภาพรวมทั้งตัวบทและความสมเหตุสมผลการตั้งคำถามถึงเรื่องราวตกบกพร่องไปอย่างน่าเสียดายมาก ๆ ภาพรวม พรหมลิขิต ยังคงเป็นละครฟอร์มยักษ์ภาคต่อจากละครดังในตำนานที่มีองค์ประกอบและวัตถุดิบมากมายที่พร้อมหยิบจับมาใช้งานให้ไชน์ความสนุกและตื่นเต้นพร้อมเป็นกระแสอีกรอบได้สบายแต่ด้วยกลวิธีการปรุงและใช้สัดส่วนที่ผิดจุดส่งผลให้ภาพรวมละครมีความไม่พอดีในตัวสูงมาก ๆ มีเพียงบางจังหวะที่ละครสามารถมีจังหวะที่ดีและถูกต้องได้แต่ในมวลรวมยังคงเป็นจังหวะที่ยังฝืนไม่ถูกต้องเหมือนที่เคยเป็นใน บุพเพสันนิวาส แต่ด้วยดีกรีนักแสดงและความตลกระหว่างคนสองเจนตามสไตล์แนวคนย้อนยุคมายังพอทำให้บันเทิงขำ ๆ อยู่ได้บ้างถือเป็นละครอีกหนึ่งเรื่องที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ปะปนผสมปนเปในสัดส่วนใกล้เคียงกันเรื่องหนึ่ง พรหมลิขิต26 ตอนพากย์ไทยและซับไทยเฉลี่ยตอนละ 1 ชั่วโมง รับชมได้ที่ Netflix และ 3Plus ฝากช่องทางในการติดตามพวกเราFacebook FanPage แค่เคยดูYoutube Chanel แค่เคยดูแหล่งที่มาทั้งหมดจากที่ Facebook Page broadcastthaitvภาพหน้าปก ภาพที่ 1ภาพประกอบ ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !