วันนี้อยากจะมาพูดถึงหนังเรื่อง Upside Down ซึ่งจัดอยู่ในหนังประเภท Sci-Fi เป็นการพูดถึงจักรวาลแห่งหนึ่ง ที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดเป็นดาวเคราะห์ 2 ดวง มีแรงดึงดูดระหว่างกันหรือเกิดเป็น 2 โลกนั่นเองโดยโลกเบื้องบนจะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความเจริญงดงาม ส่วนโลกเบื้องล่างจะเป็นโลกของความยากจนและล้าหลัง แต่ทั้งสองโลกก็สามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วย ทรานส์เวิลด์ ตึกสูงเสียดฟ้าที่ทำให้คนทั้งสองโลกสามารถทำงานร่วมกันได้ภาพประกอบจากผู้เขียนเรื่องราวของโลกคู่ขนานทั้งสองจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เลย ถ้าวันหนึ่ง อดัม เด็กน้อยจากโลกเบื้องล่างจะไม่ซุกซนและแหกกฎเพื่อไปเก็บน้ำผึ้งจากสองโลกในบริเวณต้องห้าม และที่นั่นเด็กหนุ่มได้พบกับเด็กสาวจากโลกเบื้องบน อีเด็น และคงเป็นเพราะความต่างที่กลายเป็นแรงดึงดูด เด็กหนุ่มจากโลกข้างล่างกับเด็กสาวจากโลกข้างบน ได้ตกหลุมรักกัน แม้ทั้งสองจะไม่สามารถยืนบนระนาบเดียวกันได้ เนื่องจากคนหนึ่งต้องเอาหัวขึ้นอีกคนหนึ่งต้องกลับหัวลง แต่ความรักก็เกิดขึ้นได้ เรียกว่าความรักเอาชนะทุกสิ่งจริง ๆแต่ความยากของทั้งคู่ ก็คือการที่พวกเขามาจากคนละโลก การคบหากันเป็นสิ่งต้องห้าม และเมื่อวันหนึ่งของการนัดพบ ทั้งคู่ถูกจับได้แล้วก็ถูกจับแยกกันไปนานนับ 10 ปี ฝ่ายอดัมคิดว่าอีเด็นได้ตายจากไปด้วยอุบัติเหตุครั้งนั้นไปแล้ว แต่กลับมาพบเธออีกครั้งบนหน้าจอทีวี ความรักที่เคยคิดว่าตายไปแล้วก็ถูกปลุกฟื้นขึ้นมาใหม่ เขาต้องการที่จะปีนไปยังโลกข้างบนเพื่อพบกับหญิงคนรัก โดยผ่านการทำงานที่ทรานเวิลด์ เนื่องจากโลกเบื้องบนกำลังค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า อดัมก็เลยทำโครงการนี้ไปเสนอค่ะการคิดว่าตนเองสูญเสียคนรักไปนานนับสิบปี แต่เมื่อมาเจอตัวจริงกลับพบว่าเธอจำเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอสูญเสียความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ที่นี้ก็เป็นภารกิจที่อดัมจะต้องตามความรักกลับมาให้ได้ แต่ระหว่างนี้ก็ต้องพยายามเอาชนะเรื่องแรงดึงดูดของสองโลกควบคู่ไปด้วย นี่คือจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกกว่าหนังรักทั่วไป แล้วก็มีจุดขายยิ้มที่หนัง Sci-Fi มักจะขาดหายไป เรียกว่าดูได้แบบเพลิน ๆ สนุก ๆ ค่ะ อีกเรื่องหนึ่งที่หนังนำมาพูดถึงก็คือเรื่องของการกีดกันทางชนชั้น โดยในหนังเรื่องนี้จะแยกออกเป็นโลกชั้นบนกับโลกชั้นล่าง ซึ่งในความเป็นจริงโลกของเราก็มีการกีดกันทางชนชั้นแบบนี้เหมือนกันนะคะภาพประกอบจากผู้เขียนจริง ๆ หนังเรื่อง Upside Down เป็นหนังที่ดูได้แบบทุกเพศทุกวัย แต่อาจจะไปไม่สุดเลยสักด้าน คือถ้าใครเป็นคอหนังวิทยาศาสตร์จ๋า เรื่องนี้ก็อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ หรือใครเป็นคอหนังรัก ก็ยังมีหนังที่รักไม่หวานกว่านี้ หรือถ้ามาสายปรัชญา สายตีความ ก็ยิ่งรู้สึกว่าพล็อตของเรื่องนี้เบาไป แต่ถ้าเป็นผู้ชมสายบันเทิงแบบผู้เขียน ก็ถือว่าหนังเรื่อง Upside Down ทำให้วันว่าง ๆ ถูกเติมเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความเบิกบานใจได้พอสมควรเลยค่ะภาพหน้าปกจากผู้เขียน