Cover Photo by StockSnap on Pixabay เคยสังเกตไหม เวลาที่คุณดูหนังสักเรื่องแล้วยิ้มหรือร้องไห้ อารมณ์จะเกิดขึ้นได้ไหมถ้าตัด “ดนตรีประกอบหนัง” ออก“ดนตรีประกอบหนัง” นั้นคือส่วนสำคัญที่ชักนำอารมณ์ของคุณให้เป็นไป ฉันเคยเรียนมาว่าดนตรีประกอบหนังที่ดีไม่ควรให้คนดูรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีดนตรีอยู่ในซีนนั้น พูดง่าย ๆ คือห้ามเด่นจนนำหนัง แต่อยู่ข้างหลังเพื่อสนับสนุนอารมณ์แต่นอกจากดนตรี หนังยังมี “เพลงประกอบ” ที่มักถูกใส่เข้ามาในจังหวะสำคัญ เพื่อหนุนนำอารมณ์ของสตอรี่ช่วงนั้นให้เด่นขึ้นอีก แต่เวรกรรมที่เพลงบางเพลงก็โดดเด่นเหลือใจ เรียกว่าสมบูรณ์แบบเกินไปจนขโมยซีนนั้นไปครอบครองผู้เดียวผลคือคนดู “อิน” จนลืมเพลงนั้นไม่ได้ ยังเวียนวนติดหูไปอีกหลายวัน บางเพลงติดตรึงในใจไปตลอดกาลเลยก็มี นอกจากจะขโมยหัวใจ ยังขโมยเงินและความสำเร็จไปครอบครองอีกต่างหาก บางเพลงสร้างรายได้ถล่มทลายยิ่งกว่าตัวหนังเสียอีกมาดูกันว่ามีเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง ที่กลายเป็นเพลงฮอตฮิตตลอดกาล ยาวนานแบบไม่มีแววจะเลิกราPhoto by Brett Sayles from Pexels1) “I Will Always Love You” : The Bodyguard (1992) วิทนีย์ ฮุสตัน ดังขั้นสุดในฐานะนักร้องมาตั้งแต่ช่วงปี 1980 แล้ว แต่ชีวิตเธอขึ้นสู่จุดพีคเมื่อมารับบทนำในหนัง The Bodyguard ร่วมกับ เควิน คอสต์เนอร์ฉากที่เธอร้องเพลง “I Will Always Love You” มันคือมนต์สะกดที่ทำให้โลกทั้งใบต้องหยุดฟัง หลังจากภาพยนตร์ออกฉาย เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดทุกชาร์ต ระบาดไปทั่วทุกคลื่นวิทยุคนส่วนใหญ่ (รวมทั้งฉันด้วย) คิดว่าเพลงนี้ถูกแต่งมาเพื่อหนังเรื่องนี้ แต่จริง ๆ เพลงนี้เป็นเพลงคัฟเวอร์ ต้นฉบับมาจากเพลงของ ดอลลี่ พาร์ตัน นักร้องเพลงคันทรี่ระดับตำนานของอเมริกา มีเกร็ดว่าเอลวิส เพรสลีย์ เคยจะขอซื้อเพลงนี้ไปร้อง แต่คนของเอลวิสขอมีส่วนร่วมครึ่งหนึ่งในลิขสิทธิ์เพลง จึงถูกดอลลี่ปฏิเสธ สุดท้ายเมื่อวิทนีย์ ฮุสตัน นำเพลงนี้ไปร้องในหนังและทำยอดขายได้มโหฬาร รายได้ของดอลลี่ พาร์ตัน ก็พุ่งทะยานตามไปด้วยCredit : Netflix.com 2) "Over the Rainbow" : The Wizard Of Oz (1939)นี่คือเพลงจากภาพยนตร์ที่คนดูจดจำฝังใจตลอดกาล American Film Institute จัดให้เป็นเพลงประกอบหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จูดี้ การ์แลนด์ รับบทนำเป็นโดโรธี สาวน้อยที่พลัดเข้าไปในดินแดนแห่งออซ เธอร้องเพลงนี้ได้อย่างงดงามในหนังและมันกลายเป็นเพลงประจำตัวเธอไปเลยอาจด้วยเนื้อหาที่แฝงไว้ด้วยปรัชญา การเฝ้าฝันถึงโลกในอุดมคติชีวิตสุดปลายสายรุ้ง "Over the Rainbow" จึงกลายเป็นเพลงที่ถูกกล่าวขานถึงเสมอ เป็นที่รักและจับหัวใจผู้คนทุกเจเนอเรชั่น โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เพลงนี้ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง เพราะมีการสร้างหนัง Judy เพื่อระลึกถึงเธอCredit : The Wizard Of Oz IMAX 3D Official Trailer3) "My Heart Will Go On" : Titanic (1997)โศกนาฏกรรมเรือเดินสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ย่อมคู่ควรกับเพลงรักที่เปี่ยมไปด้วยพลังและเสียงร้องอันสุดอลังการ เพลงนี้ดังข้ามหน้าข้ามตาหนัง ขนาดที่มีคนเม้าว่า ต่อให้ดูหนังแล้วเผลอหลับกลางเรื่อง ก็ยังต้องได้ยินเพลงนี้อีกหลายร้อยรอบในชีวิตประจำวัน นี่คืออภิมหาซิงเกิ้ลขายดีตลอดกาล ทุกวันนี้ยังถูกนำมาร้องกันทุกโอกาส โดยเฉพาะในงานแต่งงานและตามคาราโอเกะมีเกร็ดสนุกเล่ากันว่า ตอนที่เซลีน ดิออน เข้าห้องอัดเพลง "My Heart Will Go On" สิ่งที่เธอคิดในใจคือ “รีบร้องให้มันเสร็จ ๆ เถอะจะได้กลับบ้านเสียที” ปรากฏว่าเพลงที่คุณแม่รีบร้องให้เสร็จ ๆ นี้ขายไปได้ 11 ล้านก็อปปี้เลยจ้ะแม่Credit : Netflix.com4) "Let It Go" : Frozen (2014)แค่พูดชื่อเพลงเท่านั้น ก็ได้ยินเสียงมันวนอยู่ในสมองแล้วใช่ไหม ทั้งที่หนังเพิ่งฉายมาไม่ถึงสิบปี แต่ "Let It Go" เพลงนี้ก็ขึ้นแท่นขายดีระเบิดระเบ้อตามเพลงรุ่นพี่ไปเรียบร้อยแล้ว มันโด่งดังจนคนทั้งโลกคลั่งใคล้ รุมเอามาคัฟเวอร์เป็นเวอร์ชั่นใหม่ลงในยูทูบเป็นล้านคลิป เด็ก ๆ ทั้งโลกล้วนร้องเพลงนี้ตามเอลซ่า จนเจนนิเฟอร์ ลี ผู้กำกับภาพยนตร์ถึงกับต้องออกมาขอโทษขอโพยผู้ปกครองว่า เธอรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อแม่ลุงป้าน้าอาต้องทนดูและฟังเพลงซ้ำตามลูก ๆ เป็นร้อยเที่ยวCredit : Frozen Official Disney Website นี่คือ 4 เพลงอมตะ จาก 4 ดิว่าชั้นนำของวงการเพลง ที่ทำให้บทเพลงโด่งดัง ไม่แพ้หนังหรือยิ่งกว่าหนังเสียอีกส่วนฉันเอง ถ้าถามว่าเพลงโปรดจากหนังของฉันคือเพลงอะไร เพลงที่ผุดขึ้นมาในความคิดทันใด น่าจะเป็นเพลงจากหนังโรแมนติคคอมเมดี้สมัยสาว ๆ ในช่วงปี 1990 ที่นึกได้ตอนนี้ก็มี "Kiss Me" จาก “She's All That" และ “Out of Reach” จาก "Bridget Jones's Diary" แล้วคุณผู้อ่านล่ะ อ่านมาถึงตอนนี้ บอกฉันทีคุณกำลังฮัมเพลงจากหนังเรื่องอะไร?