Moonrise Kingdom หรือชื่อไทยว่า คู่กิ๊กซ่าส์ สารพัดแสบ เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้สุดน่ารัก ผลงานกำกับโดย Wes Anderson เป็นเรื่องราวของแซม (Jared Gilman) เด็กชายวัย 12 ผู้เก็บตัวและซื่อตรง กับซูซี (Kara Hayward) เด็กหญิงวัย 12 ที่อวดเก่งและรักการอ่าน เมื่อความรู้สึกพิเศษของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจหนีออกจากค่ายลูกเสือและโรงเรียนประจำ ไปลี้ภัยบนเกาะอันเงียบสงบเนื้อเรื่องย่อแซมเป็นเด็กชายที่โดดเดี่ยว เขาไม่มีเพื่อนและถูกมองว่าแปลกแยก ซูซีเป็นเด็กหญิงที่ชอบเก็บความรู้สึกอยู่ภายใต้กฎระเบียบสังคม พวกเขาบังเอิญพบกันและผูกมิตรกัน โดยอาศัยหนังสือเป็นสื่อกลาง ซูซีอ่านเรื่องราวการผจญภัยให้แซมฟัง ปลูกฝังความฝันอยากมีชีวิตอิสระเมื่อทั้งสองทนแรงกดดันและความไม่เข้าใจอีกไม่ไหว แซมและซูซีตัดสินใจร่วมมือกันวางแผนหนีจากที่ที่พวกเขาอยู่ โดยเตรียมเสบียง สิ่งของจำเป็น และแผนที่แต่การผจญภัยของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญกับพายุฝน ปัญหาอาหาร และการตามล่าจากผู้ใหญ่ ทั้งนายอำเภอ (Bruce Willis) ที่เคร่งครัดกฎระเบียบ และผู้ปกครองที่เป็นห่วง (Bill Murray & Frances McDormand)ระหว่างการเดินทาง ความผูกพันของแซมและซูซีก็แน่นแฟ้นขึ้น พวกเขาเรียนรู้ค้นพบตนเอง เผชิญหน้ากับความกลัว และต่อสู้เพื่อปกป้องความรักของตัวเองข้อมูลประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่านำแสดงโดย: Jared Gilman , Kara Haywardผู้กำกับ: Wes Andersonความยาว: 94 นาทีตัวอย่างหนังhttps://www.youtube.com/watch?v=_eOI3AamSm8ความรู้สึกหลังดูผมคิดว่า ถ้าใครที่ไม่เคยได้มีโอกาสดูหนังของ Wes Anderson คงไม่อาจเข้าถึงรสชาติสุดแปลกของผลงานของเขาได้เลย ด้วยองค์ประกอบศิลป์ จังหวะการเล่าเรื่องที่ผิดแปลกจากหนังชาวบ้าน ทำให้ หนังของ Wes Anderson ถือเป็นหนังเฉพาะทาง ไม่ถูกจริตคนส่วนใหญ่ แต่เมื่อได้ดูผลงานของเขาสัก 3-4 เรื่อง คุณจะเริ่มรู้สึกชอบขึ้นมาเองMoonrise Kingdom ถือเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่สอดแทรก Message ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยประเด็นของความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ซึ่งก็คือ แซม ลูกเสือของเก่งกาจ และ ซูซี สาวน้อยผู้รักการผจญภัย ทั้งสองจะต้องเรียนรู้และผจญอุปสรรคต่างๆ ภายในเรื่อง ที่ทำให้พวกเขาและคนดูตระหนักว่า “ความรู้ที่เรียนมายังไม่เท่ากับสิ่งที่เจอในโลกความเป็นจริง”ด้วยการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ทำให้ผมดูหนังเรื่องนี้แบบไม่ค่อยคิดอะไร จนมาเริ่มตะหงิดใจจากโทนสีที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามเวลาที่เรื่องดำเนินอยู่ ยิ่งผ่านไปเรื่อยๆ สีที่สดใสจะค่อยๆ หม่นลง แสดงถึงความเป็นจริงที่ค่อยๆ เผยออกมา เป็นจุดที่ผมชอบมากๆโดยสรุปแล้ว ถ้าใครอยากชอบหนังที่ดำเนินเรื่องเรียบง่ายแต่แฝงด้วยข้อคิดให้ชวนขบคิด หนังเรื่อง Moonrise Kingdom ถือเป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดฉากที่ประทับใจไม่มีฉากไหนที่ผมชอบใน Moonrise Kingdom เป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ทัชใจผมมากที่สูด คือ การเลือกที่จะหนีของเด็กสองคน หนีออกจากกฎเกณฑ์ที่ตีกรอบพวกเขาไว้ เป็นอะไรที่ชวนคิดมากสำหรับผมเครดิตภาพmoonrise kingdom : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3Universal Pictures Ireland : ตัวอย่างหนังบทความที่น่าสนใจรีวิวหนัง Wild (2014) - การเดินทางค้นหาชีวิตที่จะเปลี่ยนความคิดคุณรีวิวหนัง The Secret Life of Walter Mitty (2013) - ชีวิตพิศวงของวอลเตอร์ มิตตี้รีวิวหนัง 127 Hours (2010) - ที่สุดของหนังเอาตัวรอดกับตอนจบที่คุณต้องดูรีวิวหนัง The Blind Side (2009) - แม่ผู้นี้มีแต่รักแท้รีวิวหนัง The Great Gatsby - รักเธอสุดที่รัก(ของคนอื่น)รีวิวหนัง The Darjeeling Limited (2007) - หนังมิตรภาพพี่น้องจากผู้กำกับ Wes Andersonรีวิวหนัง Little Miss Sunshine (2006) - นางงามตัวน้อย ร้อยสายใยรักรีวิวหนัง 500 Days of Summer (2009) - ซัมเมอร์ของฉัน 500 วัน ไม่ลืมเธอรีวิวหนัง A Star is Born (2018) - เริ่มต้นด้วยความรัก จบกันด้วยความเศร้ารีวิวหนัง Jack Reacher (2012) - ยอดคนสืบระห่ำรีวิวหนัง The Curious Case of Benjamin Button (2008) - ชีวิตอัศจรรย์ของเบนจามิน บัตตัน จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !