Short CommentTokyo MER โตเกียว เอ็มอีอาร์ (2021)เข้มระทึกสุดเร้าใจด้วยชั้นเชิงง่ายๆแต่ลุ้นตัวเกร็งได้ในทุกตอนด้วยการเล่าเรื่องย่อยประกอบเป็นเรื่องใหญ่ให้ต้องติดตามบ่อยครั้งที่เมื่อเขียนถึงซีรีส์ญี่ปุ่นก็มักจะต้องอธิบายเอกลักษณ์ของความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นซึงคนที่ไม่ชินกับการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นจะรู้สึกแปลกไปมิใช่น้อย ซึ่งความจริงซีรีส์ญี่ปุ่นถ้าเจาะลงไปให้ละเอียดจริงๆจะเห็นชัดเจนอยู่สองแบบหนึ่งคือเป็นซีรีส์เรื่องยาวทั่วไปที่เล่าเรืองยาวๆไปเลยจะเรียงเวลาหรือสลับไปมาก็แล้วแต่ชั้นเชิงของการเขียนบท อีกหนึ่งคือซีรีส์ที่เล่าเหมือนการ์ตูนหรือมังงะที่เป็นภารกิจจบในตอนเล่าเรื่องย่อยตอนต่อตอน แล้วค่อยๆใส่รายละเอียดกับเรื่องเบื้องหลังที่เป็นแก่นและหัวใจในการติดตามไว้ไม่งั้นระยะยาวความน่าติดตามจะลดลง ซึ่งการเล่าเรื่องของซีรีส์ทั้งสองแบบจะมีความน่าติดตามต่างกันแล้วแต่ความชอบซึ่งถ้าชินกับซีรีส์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะอย่างหลังที่มักได้ผลกว่าเพราะรู้เรื่องในตอนเดียวและส่วนใหญ่มาในงานละครหลังข่าวบ้านเขา แล้วถ้าเอากันที่ความเป็นญี่ปุ่นอย่างเดียวไม่ต้องไปเทียบกับของประเทศอื่นญี่ปุ่นก็ยังเป็นญี่ปุ่นที่จะมีความเป็นตัวเองที่ถ้าให้อธิบายก็จะยาวเกินไปอีก เอาเป็นว่าซีรีส์เรื่องต่อไปนี้เป็นละครหลังข่าวที่มีความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเต็มที่ที่แรงจัดจนอาจอดหลับอดนอนดูได้ดังนี้Tokyo MER หรือ Mobile Emergency Room คือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่จะเข้าไปรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการก่อการร้ายถึงที่เกิดเหตุด้วยรถห้องฉุกเฉินเคลื่อนที่ที่ทันสมัยโดยขึ้นตรงกับผู้ว่าการกรุงโตเกียว ซึงในทีมประกอบด้วยคิตามิ โคตะ (เรียวเฮ ซูซูกิ) อดีตแพทย์สนามอาสาที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัยมาแล้วทั่วโลกเป็นหัวหน้าทีม โอตาวะ นาโอะ (เคนโต คากุ) แพทย์ประจำทีมอีกหนึ่งคนที่มาจากฝ่ายรัฐบาลกลางเพื่อหาทางยุบทีม MER ด้วยเหตุผลทางการเมือง ที่เหลือคือสึรุมากิ ฮินะ (อายามิ นากาโจ) แพทย์ฝึกหัดที่ไม่ค่อยเต็มใจมาร่วมทีม,ฟูยุกิ จิโร่ (ชินยะ โคเตะ) วิสัญญีแพทย์,โทคุมารุ โมโตอิจิ (ฮายาโตะ วาโนะ) วิศวกรทางการแพทย์และพยาบาลวิชาชีพสองคนคือนัตสึเมะ คุรามาเอะ (นานาโอะ) กับมินห์ (โฟนจิ) ซึ่งทุกภารกิจที่ทีม MER ได้รับก็ผ่านพ้นไปด้วยดีโดยการนำของหมอคิตามิที่อาจบุ่มบ่ามแต่จิตใจดีที่เปี่ยมไปด้วยอุดมคติทำให้ใครบางคนต้องเปลี่ยนความคิด แต่ทั้งนี้ก็ต้องวัดใจกับการเมืองที่จ้องจะยุบทีมโดยไม่เห็นคุณค่าของชีวิตนอกจากผลทางการเมืองเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นแท้ด้วยการซอยเป็นตอนย่อยภารกิจย่อยที่จบครบทุกอย่างได้ภายในเวลาจำกัด ความเจ๋งของการเล่าเรื่องแบบนี้แบบการเปิดอ่านการ์ตูนเป็นตอนๆที่ภารกิจจบในตอนแบบนี้คือการเล่าเรื่องที่ควรเล่าได้ในเวลาจำกัด ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากซีรีส์ญี่ปุ่นแนวนี้ที่เล่าได้ครบทุกอย่างที่ควรเล่าทั้งความเร้าใจที่ช่างสรรหาเรื่องมาใส่ให้มีภารกิจที่อาจดูซ้ำแต่ไม่ซ้ำ ทำให้ในทุกภารกิจในแต่ละตอนมีเรื่องเล่าของตัวละครแยกย่อยกันไปหรืออาจเรียกได้ว่าผลัดกันเป็นฮีโร่โดยมีหมอคิตามิเป็นศูนย์กลาง แล้วในเวลาไม่ถึงชั่วโมงในทุกตอนจะมีเรื่องให้จับใจได้แม้จะไม่ลึกล้ำแต่อะไรที่ควรมีก็มีอะไรที่ไม่ควรมีก็ไม่ใส่มาทำให้เวลาเดินไปเร็ว แน่นอนเมื่อนี่คือซีรีส์ทางการแพทย์ก็จะมีอาการบาดเจ็บแปลกๆที่อาจพบได้ในสถานการณ์แบบที่เห็นคืออุบัติเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือการก่อการร้าย ทีสำคัญการไม่ใส่ใจกับเรื่องเชิงเทคนิคมากมายรวมถึงคนดูก็คงไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลยไม่มีอะไรให้จับผิด ตลอดทุกตอนในทุกภารกิจย่อยจึงเดินไปด้วยความเข้มข้นลุ้นกันตัวเกร็งจิกหัวแม่เท้าทั้งที่ใช้วิธีเดิมๆที่เคยเห็นมาจึงจัดว่าเจ๋งวางเรื่องเบื้องหลังเป็นเงาคำทะมึนที่รู้สึกได้สัมผัสได้ด้วยวิธีการง่ายๆที่ยังได้ผลจนต้องเอาใจช่วย ความเจ๋งอีกอย่างคือการวางเงาดำทะมึนไว้เบื้องหลังเรื่องย่อยได้เข้ากันดีทั้งที่ออกนอกหน้าและเป็นปริศนา ที่ออกนอกหน้าคือเรื่องของการเมืองที่จะต้องมีตัวชั่วร้ายที่คอยจ้องจะทำลายสิ่งดีๆที่มีเพื่อประชาชนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง แล้วของมันต้องมีอีกอย่างที่จะเห็นในการ์ตูนหรือซีรีส์แนวนี้คืออดีตของตัวละครที่เป็นปริศนาสร้างความเร้าใจให้ภายหลังที่ทั้งสองอย่างเข้ากันดีสามารถเชื่อมโยงและสร้างความสงสัยเกื้อหนุนกันได้ดี ด้วยวิธีการง่ายๆคือผลักให้คนดูรักและเกลียดไปสุดทางเพราะนี่คือเรื่องทางอุดมคติที่มีชีวิตมนุษย์เป็นเดิมพันหัวใจคนดูจึงเทไปข้างเดียว ส่วนเรื่องปริศนาความน่าสงสัยก็มีวิธีการง่ายๆอีกเช่นกันเช่นการแอบฟังหลังประตูและการใช้ประโยชน์จากความเชื่อใจของคนดูว่าจะมีตัวร้ายที่ไม่ร้ายจริงหรือตัวร้ายที่น่าเห็นใจ เมื่อหัวใจเทไปสุดทางก็สร้างความเร้าใจจนหยุดดูไม่ได้อยู่แล้วยังกล้าหักหาญหัวใจได้ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็คือของเก่าเล่ามาทุกครั้งในซีรีส์แบบนี้แต่ก็ได้ผลทุกทีสิน่าอาจเป็นของเคยๆแต่ได้ผลทุกครั้งกับความต้องการให้เกียร์ติยกย่องและเชิดชูวีรกรรมผู้เสียสละและเรื่องของอุดมคติกับชีวิตจริง เพราะเล่าเรื่องของภัยพิบัติสิ่งที่ต้องมาคือการเชิดชูวีรกรรมผู้เสียสละออกหน้าไปในที่เกิดเหตุที่อันตรายเพื่อช่วยเหลือประชาชน อารมณ์ให้เกียร์ติและเชิดชูจึงมาเต็มทีที่อาจดูเยอะไปบ้างก็พึงเข้าใจว่านี่คือการเล่าเรื่องในเวลาจำกัดในแต่ละตอนเหตุการณ์วัดใจหรือเรื่องสุดวิสัยจึงมาได้แบบไม่หยุดหย่อน อีกสิ่งที่ยังทำได้ดีคือการคัดง้างกันระหว่างอุคมคติกับชีวิตจริงด้วยละครสองคนที่มีอุดมคติทางเดียวกันแต่ต่างวิธีการคือหมอคิตามิกับหมอโอโตวะเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องมีสถานการณ์มาให้ตัดสินใจหลากหลายที่ต้องชมอีกครั้งว่าข่างสรรหาดีเหลือเกิน แล้วองค์รวมของอารมณ์นี้ก็มีหมดทั้งหน่วยกู้ภัยนักดับเพลิงหรือตำรวจแม้กระทั่งนักการเมือง (บางคน) ที่หน้าที่อาจต่างกันแต่จุดหมายเดียวกันคือการปกป้องชีวิตประชาชน สิ่งที่ตามมาก็ของเคยๆอีกแหละที่ต้องวัดใจกันระหว่างหน้าที่กับหัวใจเมื่อคำสั่งมันฝืนมโนธรรมในใจทำให้ด้านของหัวใจก็ยังจัดการได้ในเวลาเท่าที่มีเพราะนี่คืองานระดับละครโทรทัศน์การแสดงจึงมาในมาตรฐานนั้นแต่ไม่เสียหายเพราะเรื่องที่เล่ายังเอาอยู่ อาจเพราะนี่คือละครหลังข่าวเลยเห็นว่าด้านโปรดักชันและด้านเทคนิคก็ตามมาตรฐานนั้น ซึ่งมาตรฐานที่ว่าก็ย้อนมาหาการแสดงที่เมื่อเล่าเรื่องแบบการ์ตูนการแสดงก็มีเป็นการ์ตูนไปบ้างเพราะละครญี่ปุ่นหรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็จะประมาณนี้ คือมีที่อุดมคติสุดโต่งที่ครึ่งๆกลางๆรอการเรียนรู้หรือที่ชั่วไปสุดทางแต่ก็มีบางมุมเป็นตัวตลกที่สามารถหาได้ทั่วไปในละครญี่ปุ่นหรือการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น สิ่งที่ตามมาคือการแสดงทีล้นไปบ้างคือออกอาการเวอร์ไปหน่อยแต่อย่างน้อยในเรื่องของอารมณ์เมื่อถึงเวลาต้องแสวงหาที่พึงทางใจยังจัดการได้แน่นอนก็ล้นไปบ้างอีกแหละ แต่ที่สำคัญแม้การแสดงจะไม่ได้เลิศเลอในเรื่องของอารมณ์แต่การสื่อสารกับคนดูยังได้ผลแต่นั่นเพราะเรื่องที่เล่ายังเอาอยู่คือคนดูโฟกัสไปที่เรื่องที่เล่าในแต่ละตอน นั่นหมายความว่าเรื่องเล่าที่เร้าใจและได้ใจได้สร้างตัวละครที่ติดในใจทั้งทีมจากการแสดงของเรียวเฮ ซูซูกิ,เคนโต คากุ,อายามิ นากาโจ,ชินยะ โคเตะ,นานาโอะและโฟนจิอาจเหมือนเป็น Doctoer-X ในอีกเวอร์ชั่นที่สนุกเข้มข้นทั้งเรื่องย่อยและใหญ่ที่อาจมีอาการยัดเยียดบ้างแต่ใครจะไปสน จะว่าไปผู้เขียนสารภาพเลยว่าดูเรื่องนี้ไปก็คิดถึงซีรีส์การแพทย์ที่แทบจะถอดพิมพ์เขียวกันมาอย่าง Doctor-X ด้วยตัวละครหลักที่เป็นหมอที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยพร้อมบวกทุกทางด้วยความสามารถและจรรยาบรรณคือไดมอน มิจิโกะกับคิตามิ โคตะจนมีบ้างที่อยากให้มาเจอกันสักตอน (แต่อยู่คนละเครือข่าย) การเล่าเรื่องก็ทรงเดียวกันประมาณคับขันแล้วก็โผล่มาตอนนั้นพอดีที่มันก็มีบ้างที่คิดว่านั่นไงว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ แต่ที่น่าประหลาดใจคือก็รู้ทั้งรู้ว่าจะเป็นแบบนี้แต่ก็สนุกได้ลุ้นได้ระทึกเอาใจช่วยทุกทีสิน่า แถมตอนท้ายๆเรื่องนี้ยังมาเพื่อจัดการอารมณ์ชนิดจงใจบีบจนเห็นชัดๆว่ายัดเยียดจนยืดเยื้อที่แปลกไปจากที่เคยเห็นมาไม่น้อย แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดีแม้จะมีให้ติบ้างที่รวบรัดเกินไปซึ่งก็ต้องทำใจว่านี่คือละครหลังข่าวอีกแหละ แต่แม้จะเป็นแบบนี้แต่เมื่อมันสนุกถึงใจใครจะทำไมเพราะเรทติ้งเรืองนี้ในญี่ปุ่นทะลุสองหลักในแทบทุกตอนและมีงานหนังใหญ่ตามมาอีกที่อยากดูตอนนี้แล้วดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram tokyo_mer_tbs ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/y8r0DaOnmOLYhttps://entertainment.trueid.net/detail/DvRQW2nwAo3dhttps://entertainment.trueid.net/detail/J9Wz81joAg3rhttps://entertainment.trueid.net/detail/JpRBDYMad8Ep 7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์