Movie Review Chhaava (2025) มหาราชาหัวใจสิงห์ ลิเกอินเดียฟอร์มยักษ์ที่อลังการงานสร้างแบบถึงฟอร์มถึงใจด้วยภาพตระการตาแต่เป็นความบันเทิงซื่อๆทื่อๆไม่หวือหวามาพร้อมฉากบู๊แบบอินเดียขนานแท้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! อย่างที่เคยบ่นมาหลายครั้งว่าถ้าเอ่ยถึงหนังอินเดียในปัจจุบันที่สามารถหาดูได้ง่ายขึ้นจากระบบสตรีมมิ่งที่การแข่งขันสูงมากโดยเฉพาะทาง NETFLIX ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงและถือเป็นเจ้าใหญ่สุดนั้นจะมีอยู่สองแบบ แบบแรกคือหนังที่ทางค่ายสตรีมมิ่งออกทุนสร้างเพื่อลงจอและแบบที่สองคือหนังที่ฉายโรงในบ้านเขาที่ซื้อมาลงจอ ซึ่งอย่างที่ทราบคือหนังอินเดียที่ทางค่ายสตรีมมิ่งออกทุนสร้างเองจะมีความเป็นอินเตอร์มากขึ้นคือมีความกระชับอะไรที่ไม่ถูกจริตของคนดูต่างประเทศก็ถูกตัดออกที่เห็นชัดเลยคือเรื่องฉากร้องเพลงเต้นรำแน่นอนมันทำให้เวลาฉายน้อยลงหนังก็ถูกใจคนดูต่างประเทศ นั่นหมายความว่าแบบหลังคือหนังที่ฉายโรงทางบ้านเขาจะเป็นหนังอินเดียขนานแท้แต่อาจไม่ดั้งเดิมเพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับโลกปัจจุบัน แต่เวลาฉายยังมากเพลงยังมีเพียงแต่จะไม่ไปเสียเวลาเต้นรำกันมากมายเช่นดียวกับหนังเรื่องนี้ที่เวลาฉายตามมาตรฐานหนังอินเดียแท้แต่ไม่มีฉากเต้นรำกระตุกอารมณ์ทำให้หนังสามารถซื่อตรงกับความบันเทิงได้มากขึ้น ยามที่ผู้คนในส่วนอื่นของโลกต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดแต่ที่อินเดียอารยธรรมที่แข็งแกร่งกำลังก่อตัวขึ้นที่ที่ผู้คนหลากหลายศรัทธาอยู่ร่วมกันฉันครอบครัวเดียวกันแต่อีกไม่นานที่นี่จะตกเป็นเป้าของการรุกรานที่รุนแรง ในศตวรรษที่ 16 จักรวรรดิมุคัลเรืองอำนาจเหนือบัลลังก์เดลีทำให้ในยุคมืดมนนั้นผู้ครองนครและอาณาจักรต่างๆห้ำหั่นกันเพื่ออยู่รอด ผ่านมาอีกหนึ่งศตวรรษยังไม่มีผู้ใดในอินเดียสามารถโค่นล้มจักรวรรดิมุคัลที่แข็งแกร่งลงได้จนศตวรรษที่ 17 Aurangzeb (Akshaye Khanna) จักรพรรดิมุคัลผู้ทรงอำนาจและเหี้ยมโหดไร้ความปราณีได้กดขี่ข่มเหงพสกนิกรเกินกว่าใครจะนึกคิด แต่คราใดที่ความโหดร้ายน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นมาบนโลกดวงจิตอันสูงส่งก็จะถือกำเนิดขึ้นเพื่อปกป้องโลกและช่วงเวลาฟ้าลิขิตนั้นก็มาถึง เมื่อจิตวิญญาณแห่งพระแม่ภาวนีและพระศิวะถือกำเนิดผู้ซึ่งจะปกป้องแผ่นดินนี้จากความเหี้ยมโหดผู้ซึ่งก่อตั้งจักรวรรดิมราฐาผู้เป็นใครไม่ได้นอกจากมหาวีรบุรุษของดินแดนนี้ Chhatrapati Sambhaji Maharaj (Vicky Kaushal) สร้างจากนวนิยายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติของ Chhatrapati Sambhaji Maharaj จึงเป็นความซื่อตรงไม่มีลูกเล่นชั้นเชิง อาจเพราะนี่คืออีกหนึ่งงานที่เล่าเรื่องชีวประวัติหรือประวัติศาสตร์ของบ้านเขาที่เราไม่มีทางรู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือแต่ง แต่หนึ่งในชีวิตมนุษย์จะมีอะไรที่ยิ่งกว่านิยายได้อีกหรืออาจเพราะนิยายที่อ้างอิงจากประวัติศาสตร์เรื่องนี้มันมีความยาวและรายละเอียดเยอะ แล้วเมื่ออกมาเป็นบทหนังกลับมีเรื่องเล่าไม่มากอาจเพราะวีรกรรมของ Chhatrapati Sambhaji Maharaj มีแค่นี้คือหนึ่งบุรุษผู้เกิดมาเป็นราชาที่หาญกล้าท้าทายจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่สิ่งที่ตามมาคือการถูกรุกราน แล้วจึงเป็นวีรกรรมสร้างวีรบุรุษเมื่อได้อุทิศชีวิตต่อต้านการรุกรานถึงที่สุดแม้จะมีกำลังเพียงหยิบมือ เรื่องให้เล่ามีแค่นี้แต่ก็ทึ่งเหมือนกันที่สามารถลากยาวกับเรื่องที่ตรงๆไม่มีชั้นเชิงอะไรเลยให้มีเวลาบนจอได้ถึงชั่วโมงครึ่ง ส่วนหนึ่งเพราะนี่คือหนังอินเดียแท้ที่จะมีเพลงมีฉากบางฉากที่ยืดเยื้อเพื่อโชว์สไตล์แถมน่าเขกกะโหลกที่บางเรื่องปูมาอย่างดีแล้วหายแซ้บหายสอยไปเช่นเดิม แม้จะซื่อๆจนดูทื่อๆแต่ก็ซื่อตรงกับความบันเทิงที่พยายามเร้าใจเต็มที่แต่กว่าจะมีอะไรก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงสุดท้าย อะไรก็ตามที่ซื่อมันก็คือความซื่อตรงและกับเรื่องนี้ความซื่อตรงคือความบันเทิงเพราะหนังไม่พยายามดราม่าไม่พยายามสร้างมิติทางอารมณ์ (หรือพยายามแล้วแต่ไม่ได้) สิ่งที่ได้คืออารมณ์ร่วมไม่มา แต่หนังยังเต็มไปด้วยฉากรบที่สารภาพตามตรงว่ามันคือลีลาบู๊แบบอินเดียแท้ที่เรื่องไหนก็เป็นแบบนี้ที่จะมีโม้บ้างเว่อร์บ้างก็ตามประสาคิดเอาว่าใส่เสื้อโซ่เหล็กถักซ้อนในเกราะแต่ดาบฟันเข้าเลือดกระฉูดแล้วจะใส่ไปทำไมล่ะท่าน แถมยังไม่พอบางซีนที่ต้องการอารมณ์ขึงขังแต่ดันขำขันไปซะได้แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือยังดูสนุกเป็นความบันเทิงที่ตื่นตาเพราะฉากรบทำถึง แน่นนอนหนังซื่อจนทื่อแบบนี้อะไรที่เป็นความพลิกผันก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดแต่แม้จะเหมือนของดาดๆมาตั้งแต่ต้นแต่เมื่อถึงเวลาครึ่งชั่วโมงสุดท้ายกลายเป็นสะกดอารมณ์ได้อย่างจัง เพราะวีรกรรมนี้ไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็นในหนังแนวนี้หรือจะเรียกว่าเหนือคาดก็ยังได้แต่จะเป็นอะไรบอกไม่ได้จริงๆ เหมือนตัดเอามาแค่บางส่วนแต่ยังมีแง่มุมให้เล่าเยอะเลยไม่ลงลึกสักอย่างมิติทางการแสดงจึงได้ตามนั้นคือดีอย่างเสียอย่าง ไม่บอกก็รู้ว่านิยายเรื่องนี้มีรายละเอียดมีจุดเริ่มและจุดสุดท้ายที่ค่อนข้างละเอียดเมื่อเอามาเล่าเป็นหนังจึงไม่สามารถใส่มาได้หมดแต่พยายามละเอียดในส่วนที่หยิบมาเล่า จึงเห็นเป็นความเสียดายของอยู่ทั้งเรื่องเมื่อนั่นก็อยากบอกนี่ก็อยากเล่าแต่เมื่อนู่นนิดนี่หน่อยความลึกมันเลยไม่ได้ไม่รูว่าทำไมเมื่อมาถึงจุดนี้ตัวละครถึงเป็นคนลักษณะนี้ ทำให้ในด้านการแสดงคือมีดีที่ฉากต่อสู้ฉากแอ็กชันแต่ถ้าว่ากันที่เรื่องอารมณ์ที่พยายามจับใจมันยังจับไม่ได้เพราะเหตุผลที่ว่ามา อีกอย่างด้วยความที่คนอินเดียสมัยนั้นน่าจะไว้ผมไว้หนวดไว้เคราเหมือนๆกันทำให้ดูยากแยกไม่ค่อยออกว่าใครเป็นใครอยู่บ้างต้องใช้เวลา ทำให้ถ้าว่ากันที่ตัวพระเอกคือดีอย่างเสียอย่างอย่างที่ว่าสำหรับ Vicky Kaushal แต่กับตัวร้ายกลับทำได้ดีกว่าในความร้ายที่แสดงออกทางแววตาแม้ว่าจะมีเวลาบนจอน้อยกว่าของ Akshaye Khanna ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นก็คือไม้ประดับดีๆนี่เอง ลิเกอินเดียขนานแท้แต่อาจไม่ดั้งเดิมที่ต้องทำใจกับอะไรที่เหนือมโนสำนึกของคนทั่วไปบ้างถ้าทำได้ก็บันเทิงจัดๆ นี่อาจเรียกว่าลิเกอินเดียก็ว่าได้เพราะเครื่องทรงเสื้อผ้าหน้าผมเป็นแบบนั้นจริงแต่ความหมายของผู้เขียนคือในทางดีนะ เพราะงานด้านคอสตูมเนี้ยบเต็มไปด้วยรายละเอียดทั้งชุดปกติและชุดออกรบและยังได้งานเทคนิดทางด้านภาพที่ไม่อายใครสร้างความสมจริงได้แม้จะรู้ทั้งรู้ว่านี่คืองานเทคนิค เพียงแต่นี่คือหนังลิเกอินเดียขนานแท้ที่มีทุกอย่างที่บางคนจะหยิบไปล้อเลียนได้แต่ถ้าเป็นคนที่ดูหนังอินเดียบ่อยๆก็มองข้ามได้เพราะยังไงมันก็คือหนังอินเดีย และของแบบนี้มันมีความสนุกในตัวคืออาจดูเหนือมโนสำนึกไปบ้างแต่นี่คือหนังอินเดียจะคิดมากไปทำไมมี ทำให้หนังเรื่องนี้ต่อให้เต็มไปด้วยริ้วรอยบางช่วงก็ดูยืดเยื้อตามประสาหนังที่ยาวเกินกว่าสองชั่วโมงมีเพลงบ้างแต่ไม่เต้นระบำหน้าท้องกันแล้วทำให้อาจเป็นหนังอินเดียขนานแท้แต่ไม่ดั้งเดิม แต่หนังก็ซื่อดีที่จะมาเพื่อความบันเทิงเต็มที่และก็ได้ผลแถมยังมีครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่กลายเป็นของดีเฉยเลย ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram netflix_in เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !