ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากวีดีโอเกม หลายคนคงอาจจะยี้ คิดไปก่อนว่ามันจะต้องห่วย ทำได้ไม่ดีเหมือนในเกมต้นฉบับแน่นอน จริงอยู่มันอาจใช้หากเป็นภาพยนตร์ในสมัยก่อนเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ทว่าในยุคใหม่ตั้งแต่ปี 2010 ขึ้นไป ภาพยนตร์ประเภทนี้ได้ถูกพัฒนาในเรื่องบทมากขึ้น มีการดัดแปลงให้เข้าถึงได้ง่ายโดยเคารพต้นฉบับด้วยแม้ว่าภาพรวมภาพยนตร์จากวีดีโอเกมในยุคใหม่ อาจจะไม่ได้เข้าขั้น Perfect มากนักแต่มันก็ห่างไกลจากคำว่า "ห่วย" มากพอควร สำหรับใครที่ยังมีอคติด้านนี้อยู่ ก็ขอให้ลองเปิดใจกับภาพยนตร์ทั้ง 6 เรื่องนี้ครับที่จะทำให้คุณรู้ว่าภาพยนตร์จากเกมก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิดนัก1. Warcraftภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากค่ายเกม Blizzard ร่วมทุนกับ Universal และ Legendary เป็นเรื่องราวสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และออร์ค เป็นภาพยนตร์ที่มีทุรสร้างมหาศาลบวกกับความอลังการของสงคราม ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกใจทั้งแฟนตัวยงและแฟนขาจรบ้าง แม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะถูกตัดทอนไปมากแต่ก็คงอรรถรสความเป็น Warcraft ได้อยู่สิ่งที่ Warcraft ฉบับคนแสดงทำได้ดีคืองานภาพกราฟิกที่ทำออกมาได้สมจริง โดยเฉพาะการถ่ายทอดอารมณ์ของเผ่าพันธุ์ออร์ค ซึ่งสื่อสารสีหน้าท่าทางได้ดีมาก ฉากต่อสู้สงครามเหมือนได้ดูคัทซีนจากเกม เพียงแต่อาจจะไม่ได้ดาราดังระดับแม่เหล็กมาดึงดูดมากนัก อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ทั่วโลก 439 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แม้ว่าจะมีหลายคนอาจยกให้มันเป็นหนังยอดแย่ในปี 20162. Tomb Raiderความจริงแล้ว Tomb Raider เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี 2001 โดยมี Angelina Jolie นำแสดง แต่ที่จะพูดถึงนี้จะเป็นเวอร์ชั่นปี 2018 ที่ Alicia Vikander นำแสดงครับ โดย Tomb Raider ฉบับนี้จะลดความแฟนตาซีลงแต่เพิ่มความสมจริงสมจังมากขึ้น (อ้างอิงเกมฉบับปี 2014) ก็จะเล่าถึงการออกตามหาพ่อของ Lara Croft แต่ดันเกิดอุบัติเหตุกลางทาง ทำให้เธอต้องเอาตัวรอดจากภัยร้ายที่อยู่ตรงหน้าเธอโดยเวอร์ชั่นนี้จะเน้นหนักไปที่การเอาตัวรอดเป็นหลักครับ เราจะได้เห็น Lara Croft บุกป่าฝ่าดงสะบักสะบอม พร้อมกับเผชิญกับอุปสรรคที่ถาโถม ชนิดที่ว่าเธอต้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้างเสียแล้ว ทำให้คนดูรู้สึกลุ้นจนเหนื่อยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีการแก้ไขปริศนาอันเป็นซิกเนเจอร์ของ Tomb Raider แม้ว่าการเดินเรื่องจะดูง่ายดาย บางเหตุการณ์ก็ไม่สมเหตุสมผล แต่ก็เป็นเวอร์ชั่นที่ไม่ได้แย่จนเสียดายเงินครับ3. Rampageใครจะเชื่อว่าเกมตู้หยอดเหรียญที่ไม่มีเนื้อหาอะไร จะกลายมาเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นถล่มเมืองได้ โดยเนื้อหาของเรื่องจะเล่าถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์จนเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด ทำให้สารเคมีหลุดออกสู่ภายนอกทำให้สัตว์สามตัวกลายพันธุ์ (หมาป่า, กอริลล่า, จระเข้) งานนี้ต้องหยุดยั้งพวกมันไม่ให้อาละวาดถล่มเมืองได้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเน้นความมันส์อย่างเดียว ความวินาศสันตะโรตึกถล่มระเบิดมีครบทุกอย่าง ซึ่งก็อ้างอิงจากในเกมได้ดีทีเดียว อาจจะมีดัดแปลงเนื้อหาเกมบางส่วนบ้างแต่ก็ไม่เสียความสนุก ตัวหนังยังได้ Dwayne Johnson หรือ The Rock อดีตนักมวยปล้ำมานำแสดง ก็พอจะดึงดูดผู้ชมสายแอ็คชั่นได้ดี ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เสียงวิจารณ์พอใช้ได้ ไม่แย่จนต้องเดินหนีออกจากโรงครับ4. Detective Pikachuเป็นอีกเรื่องที่ไม่คิดว่ามันจะเป็นภาพยนตร์คนแสดงได้ แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์หนักในตอนจะเริ่มโปรเจ็กต์ แต่จนแล้วจนรอดพอหนังเข้าฉาย กลับกลายเป็นว่าทุกคนชื่นชอบมันมากซะอย่างงั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า Pikachu เมื่อนำมาถ่ายทอดเป็นกราฟิก CGI พร้อมให้เสียงโดย Ryan Reynolds ทำให้เจ้าโปเกม่อนตัวนี้น่ารักแบบกวน ๆ เพิ่มเสน่ห์เข้าไปอีกเท่าตัวสิ่งที่ดีงามของเรื่องนี้ก็มีหลายอย่างทีเดียวเช่น การนำจุดเด่นของโปเกม่อนแต่ละตัวมานำเสนอได้ถูกที่ถูกเวลา เคมีนักแสดงกับตัวโปเกม่อนเข้าขากันได้ดี กราฟิก CGI ไม่หลอกตาเกินไปและคงไม่พ้นเจ้า Pikachu อีกแล้วครับที่ทำให้หนังมีอะไรน่าติดตาม จากความดีงามของมันก็ทำให้หนังกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 433 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกว่ากำไรเห็น ๆ ครับ5. Prince of Persia: The Sands of Time ภาพยนตร์ที่ได้ดิสนี่ย์มาร่วมทุนสร้าง แน่นอนว่ามันต้องโปรดักชั่นอลังการ ซึ่งใน Prince of Persia: The Sands of Time ก็เช่นกันครับกับเรื่องราวของเจ้าชายผู้มีกริชที่สามารถควบคุมกาลเวลาได้ ภาพรวมของเรื่องก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย เป็นไปตามสูตรดิสนี่ย์ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย มีความบันเทิงเข้าถึงได้ง่าย แถมยังได้พระเอกหนุ่มหล่อ Jake Gyllenhaal มาแสดงนำอีกด้วยหลายสิ่งที่เห็นในภาพยนตร์ก็มีปรากฎในเกมเช่นกันอย่างกริชกับพลังในการควบคุมเวลา, การปืนป่ายตึกจัดการศัตรู รวมไปถึงเสื้อผ้าหน้าผมก็ออกแบบให้คล้ายคลึงกับในเกมมากที่สุด เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ทำรายได้และเสียงวิจารณ์ในระดับดี6. Sonic the Hedgehogปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ต้นปี 2020 กับ Sonic เม่นสีฟ้าวิ่งเก็บเหรียญ เป็นเกมดังสุดฮิตจาก SEGA ที่เกมเมอร์เก่าต้องเคยเล่น เป็นภาพยนตร์ที่พอฉายในโรงก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ ทีเดียวด้วยรูปลักษณ์ของ Sonic ที่เหมือนกับในเกม ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะดัดแปลงไปเยอะ แต่ผู้กำกับก็สามารถดึงความสามารถ ใส่ความน่ารักให้กับเจ้า Sonic ได้อย่างเหมาะเจาะ เรียกได้ว่าถูกที่ถูกเวลานอกจากนี้การได้ Jim Carry มาเป็นวายร้าย Dr.Eggman ก็เป็นอะไรที่เหมาะสมมาก ๆ ด้วยจริตความเล่นใหญ่ของเขา ทำให้หนังเรื่องนี้มีสีสันมากแถมรูปร่างหน้าตาก็เคารพต้นฉบับที่เป็นวีดีโอเกม จึงเป็นอีกเรื่องที่ได้กระแสที่ดีทั้งคอเกมและขาจร ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกก็คือแรกเริ่มตัวละคร Sonic ออกแบบมาได้แย่จนแฟน ๆ ด่า ทำให้ผู้สร้างต้องเลื่อนฉาย (จากเดิมปี 2019) พร้อมกับแก้โมเดล Sonic ใหม่ทั้งหมดผลตอบรับของโมเดลตัวละครใหม่ก็ออกมาเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย แต่ทว่าก็ต้องแลกกับการยุบสาขาบริษัททำ CGI จำนวน 1 สาขากันเลยทีเดียวเพราะต้นทุนในการแก้โมเดลใหม่มันสูง แถมใช้เวลาทำอย่างเร่งด่วน ว่ากันว่าทีมงานแทบจะไม่ได้นอนกันเลยทีเดียวทั้งหมดนี้ก็คือ 6 ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมที่ดูได้ไม่ถึงกับย่ำแย่นัก หากมองอย่างเป็นกลางมันก็เป็นภาพยนตร์ที่พยายามที่จะสื่อสารให้คนที่เป้นคอเกมและคนดูหนังทั่วไปสามารถเข้าถึง ซึ่งเป็นเรื่องยากครับแต่อย่างน้อยทั้ง 6 เรื่องก็ดูดีมีภาษีกว่าหนังยุคเก่า ๆ หลายขั้น ส่วนในอนาคตนั้นก็คงจะมีภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมชื่อดังตามมาเรื่อย ๆ อีกแน่นอนที่มารูปภาพ: รูปภาพปก / รูปภาพ 1 / รูปภาพ 2 / รูปภาพ 3 / รูปภาพ 4 / รูปภาพ 5 / รูปภาพ 6