"นุสบา" ภูมิใจ รู้ซึ้งหัวอกครอบครัวคุณหมอ ส่งลูกชาย "น้องปุณณ์" เรียนต่ออเมริกาเป็นหมอผ่าตัด

เรื่องราวสุดภาคภูมิใจของคนในวงการ "นุส นุสบา ปุณณกันต์" เฮชุดใหญ่หลังลูกชายคนโตสุดหล่อ "น้องปุณณ์ ปุณณกันต์" เข้ารับปริญญาคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ก้าวเข้าสู่วงการแพทย์อย่างเต็มตัว พร้อมส่งไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ศึกษางานวิจัยเพิ่มเติมเพื่ออาชีพแพทย์ที่สมบูรณ์แบบ งานนี้เดินทางมาเปิดใจเส้นทางสู่ความสำเร็จของลูกชาย ที่รายการ "โต๊ะหนูแหม่ม" ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23 กับพิธีกรตัวแม่ "พี่หนูแหม่ม สุริวิภา" บอกเลยงานนี้มีแต่รอยยิ้มและความสุข
"นุสบา" ภูมิใจ รู้ซึ้งหัวอกครอบครัวคุณหมอ ส่งลูกชาย "น้องปุณณ์" เรียนต่ออเมริกาเป็นหมอผ่าตัด
>>ดูทีวีออนไลน์ ช่อง เวิร์คพอยท์ 23<<
ล่าสุดส่งลูกชายคนโตไปศึกษาเพิ่มเติมที่อเมริกาต่อทันที หลังเพิ่งเข้ารับปริญญา
"ตอนนี้เรียนจบเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ต้องไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะว่าต้องทำวิจัย คงใช้เวลาอีก2ปี หลังจากนั้นก็ต้องมาดูต่อว่าจะใช้เฉพาะทางด้านใด แล้วแต่ความชอบความถนัดของเค้า แต่ก็ต้องใช้เวลาทำวิจัยเรียนหนักเหมือนกัน รวมแล้วถ้าต่อด้านเฉพาะทางด้วยแล้วก็อีกประมาณ 6-7 ปี มันใช้เวลาในการเรียนมากเลยสำหรับสายวิชาชีพนี้ ถึงอยู่เมืองไทยก็ใช้เวลาเท่านี้ค่ะ"
เค้าเลือกหรือยังว่าจะต่อเฉพาะทางด้านไหน เป็นหมอด้านไหน?
"คือเท่าที่ดูถ้าคิดว่าเค้าน่าจะมีความชื่นชอบและความถนัดในด้านผ่าตัด แต่อันนี้ก็ว่าจะไปถึงจุดหมายก็ต้องมาดูอีกทีว่าเค้าจะทำสำเร็จ แต่ทั้งหมดก็มาจากความชอบและความตั้งใจของเค้า และแพชชั่นของเค้าว่าอยากจะไปต่อด้านไหน"
เห็นแววเค้าตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าชอบเย็บผ้า?
"คือทุกคนต้องเรียน ทางวิชาการการงานพื้นฐานอาชีพ ที่จะมีวิชาเย็บปักถักร้อย ผู้ชายก็ต้องเรียนตามโรงเรียนไทย พอไปเรียนหมอแล้วอาจารย์ก็เป็นคนทักเขาว่าเย็บสวย ก็คิดว่ามาจากตรงนั้นที่เค้าตั้งใจทำงานและเราช่วยสอนด้วย น่าจะมาจากการเรียนและความละเอียดในความถนัดเค้าด้วย"
เราเห็นแววความเป็นหมอและเค้าสนใจเรื่องหมอเค้ายังไงบ้าง?
"คือเราก็เลี้ยงเค้ามาด้วยตัวเอง เพราะไม่มีพี่เลี้ยงประจำ ก็เป็นเราที่เรียนมาซะส่วนใหญ่ด้วยความที่เป็นลูกคนแรกด้วยเราก็เลยเห่อ เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่เราเรียนรู้ไปกับเค้า คือแววหมอน่าจะมาจากที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยดูบ้าง ช่วงที่เราทำงานถ่ายละครมีไปฝากไว้กับคุณปู่ ที่คลินิคบ้างอะไรบ้าง ที่โรงพยาบาลเค้าก็อาจจะโตมากับสังคมแววล้อมที่ได้เห็น แต่คุณปู่เค้าจะห้ามนะเมื่อรู้ว่าตอนที่จะเรียนหมอ ก็เหมือนกับเตือนบอกว่าเรียนหนักนะ ไม่ได้ง่ายนะเพราะว่าเค้าก็ห่วงกลัวหลานเหนื่อย ให้คิดดูให้ดีสุดท้ายเลยก็แล้วแต่เค้าเลย"
ตอนเด็กๆเห็นว่าเค้ามุ่งมั่นมาทางนี้เลย?
"เราก็สังเกตนะว่าเค้าอยากเป็นหมอจริงๆหรือเปล่า เพราะว่าเราต้องเอาให้ชัวร์เพราะหนทางอีกยาวไกล ตอนนั้นส่งเค้าไปเรียนคอร์สนึงที่ต่างประเทศ มันจะมีลง2วิชา เรียนหมอกับธุรกิจ ที่ต่างประเทศก็ฝึกและให้ทำจริง ประสบการณ์จริงก็จับเลือด จับอวัยวะภายใน ไปเรียนเป็นภาคฤดูร้อนกลับมาเค้าก็บอกว่าเค้าค้นพบแล้ว เค้าชอบ เราก็บอกว่าเอาให้ชัวร์นะเพราะว่าชีวิตแล้วต่อไปนี้มันต้องทุ่มเท ท้องเสียฉลาดมากๆและอีกยาวนานเลย เราก็บอกว่าถ้างั้นไปให้สุดไปให้เต็มที่"
การเรียนหมอมันต้องเสียสละเค้าเข้าใจตรงนี้มั้ย?
"เค้าเข้าใจ คนที่อยู่ในครอบครัวหมอเค้าจะรู้ว่ามันต้องใช้แรงซัพพอร์ตมาก และเจ้าตัวเค้าเองด้วย ก็มีท้อบ้าง มีวันที่เครียด ผิดหวัง หมดหวังและท้อ แต่มันต้องลุกขึ้นได้ นุสเคยไปส่งเค้าที่หอพักแพทย์ เรากับคุณสามีก็ไปช่วยทำความสะอาดหอพักให้วันแรกที่หอพัก หลังจากนั้น3เดือนเค้าก็ขาดการติดต่อเลย ยุ่งกับการเรียนการงานของเค้ามาก คนไข้ในต่างจังหวัดเยอะมากๆ ไม่มีเวลาจะมาโทรคุยอะไรมากมาย"
ตอนที่เค้าเรียนและทำงานได้เห็นความลำบากของเค้ายังไงบ้าง?
"เห็นเค้าไม่ได้นอน แล้วก็ปริมาณคนไข้ที่เยอะมากๆจริงๆ เค้าต้องพร้อมเสมอ เวลากินไม่เป็นเวลาเวลานอนไม่เป็นเวลา บางครั้งก็ไม่ได้นอน 3-4 วัน อันนี้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกเรียนสายนี้น่าจะเข้าใจ และยิ่งถ้ามีลูกผู้หญิงตรงนี้น่าสงสารมากๆ เพราะว่าตีสองตีสามพ่อแม่ต้องขับรถไปส่ง หรือมั้ยน้องๆก็ต้องขับรถไปเองซึ่งหลายคนก็เกิดอุบัติเหตุ อันนี้ก็มีหลายเคสที่เคยเกิดขึ้น"
วันที่สำเร็จการศึกษาให้อะไรเป็นของขวัญและกำลังใจ?
"ให้เงินเก็บเราเล็กๆน้อยๆ เอาไว้เป็นทุนเพราะว่าอยู่ที่นู้นค่าใช้จ่ายมันสูง เอาไว้ใช้จ่าย ต่อยอดทำอะไร ลูกเปิดดูเค้าก็ตกใจ โอ้โห้ เพราะว่าแม่ไม่ค่อยให้อะไรด้วยมั้ง (หัวเราะ) เงินเก็บเรานิดหน่อยไม่มีอะไรมาก"