Series ReviewBlood Free (2024)อาจเดาทางไม่ยากแต่เข้มข้นเร้าใจตั้งแต่นับหนึ่งโดยไม่ต้องพึ่งความซับซ้อนมากพาไปสู่จุดสูงสุดอย่างมีพลังแต่.... บางครั้งการตัดสินใจดูหนังดูละครหรือซีรีส์บางเรื่องปัจจัยหลักก็อาจจะเป็นนักแสดงที่มีพลังดึงดูดคนดูได้เพราะการได้นักแสดงที่เป็นที่ชื่นชอบมันคือจุดขาย กระนั้นผู้กำกับบางครั้งก็สามารถเป็นชื่อที่ขายได้และบางทีกับผู้กำกับบางคนก็มีอิทธิพลมากกว่านักแสดงเสียด้วยซ้ำ นั่นคือพอติดยี่ห้อชื่อผู้กำกับบางคนคนดูก็ไม่สนแล้วว่านักแสดงคนไหนที่มาร่วมงานด้วยเพราะชื่อผู้กำกับขายได้ แล้วอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนดูบางคนสามารถหูตาตื่นในการรอชมผลงานก็คือคนเขียนบทแม้ว่าจะยังมีคนเขียนบทที่ทรงอิทธิพลไม่มากนักแต่กับบางคนก็มีเช่นเดียวกับคนนี้อีซูยอน ซึ่งจะว่าไปผู้เขียนเองก็คลายกับติดตามผลงานของนักเขียนท่านนี้เพราะกับงานซีรีส์ละครเกาหลีที่อยู่ในเครดิตผู้เขียนดูมาแล้วแทบทุกเรื่อง นั่นเพราะติดใจตั้งแต่ดูงานละครเกาหลีที่เข้มข้นเร้าใจในทุกตอนจนไม่หลับไม่นอนด้วยความซับซ้อนพลิกผันยากจะคาดเดาคือ Stranger (2027) แล้วจากนั้นมาพอขึ้นชื่อว่าจากผู้เขียนบทอีซูยอนจาก Stranger ก็สามารถสร้างความสนใจและเย้ายวนให้ติดตามแล้วสำหรับผู้เขียนเช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่เป็นอีกหนึ่งงานดีในเครดิตของอีซูยอนBlood Free หรือที่มีชื่อย่อว่า BF คือบริษัทที่เพาะเลี้ยงเนื้อสัตว์เทียมเพื่อจำหน่ายที่บริหารงานและเป็นไอเดียตั้งต้นโดยประธานยุนจายู (ฮันฮโยจู) แต่การไปแตะต้องวงจรการผลิตเนื้อสัตว์ก็ทำให้วงการปศุสัตว์ได้รับความเสียหายเกษตรกรล้มละลายยุนจายูจึงถูกปองร้าย ทาง BF จึงได้จ้างบอดี้การ์ดพิทักษ์โหดอดีตทหารนาวิกโยธินผู้มากความสามารถจนผ่านบททดสอบคืออูแชอุน (จูจีฮุน) ทว่าการเข้าหายุนจายูของอูแชอุนกลับเหมือนมีอะไรแอบแฝงเพราะเขาเข้ามาเพื่อสืบหาคนร้ายที่ก่อวินาศกรรมเมื่อครั้งเขาประจำการอยู่ต่างประเทศทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายและยุนจายูก็คือหนึ่งในคณะเดินทางนั้น ซึ่งเมื่ออูแชอุนเข้ามาก็ประจวบเหมาะกับการถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ของ BF โดยที่ไม่ว่าใครก็เป็นคนที่น่าสงสัยทังสิ้นและเบาะแสก็ส่อไปทางคนใน ยุนจายูจึงไปขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีแห่งเกาหลีคือซอนอูแจ (อีฮีจุน) ให้ช่วยเหลือในการจับคนร้ายแต่เรื่องราวก็บานปลายเมื่อยุนจายูถูกปองร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังหรืออาจมาจากเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ BF ของยุนจายูกำลังพัฒนากันนะ ยังได้มาตรฐานการเขียนบทที่ร้อยเรียงเรื่องราวจากเรื่องหนึ่งไปสู่เรื่องหนึ่งได้ดีมีพัฒนาการแม้จะไม่ใช้บริการความซับซ้อนมากนัก เอาจริงจากที่ดูงานของนักเขียนอีซูยอนมาผู้เขียนมองว่าได้ผ่านงานมาสเตอร์พีซมาแล้วจาก Stranger ที่กลายเป็นของขึ้นหิ้ง หลังจากนั้นมาไม่นับ Grid (2022) ที่ไม่ได้ดูก็มองว่ายังไต่กลับไปสู่จุดที่ Stranger เป็นไม่ได้ เช่นกันกับเรื่องนี้ที่ถ้าว่าเป็นงานที่มีลายเซ็นชัดก็คือการร้อยเรียงจากเรื่องหนึ่งที่จุดเริ่มก่อนจะพัฒนาไปสู่อีกเรื่องเพื่อปานปลายไปสู่เรื่องใหญ่ที่เขย่าระดับสูง ซึ่งการจะเดินไปข้างหน้าแบบนี้การเชื่อมโยงต้องดีและเรื่องนี้ก็ทำได้ดีเพราะแม้จะเหมือนเอานู่นมาต่อนี่เพื่อไปหานั่นก็ยังไม่รู้สึกถึงริ้วรอยคือยังเห็นเป็นเรื่องเดียวกัน แต่สิ่งที่เหมือนจะมาไม่เต็มที่คือมิติความซับซ้อนของเหตุการณ์และเชิงความสัมพันธ์ที่มีบ้างแต่ไม่เข้มขลังเหมือนเรื่องก่อนๆ แต่ด้วยไอเดียที่ดีการผูกเรื่องที่น่าสนใจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นว่าเรื่องจะเดินหน้าไปยังไงจุดสิ้นสุดไปอยู่ที่ตรงไหนที่ยังจัดจ้านทำให้ถ้าว่ากันที่บทก็คืองานด้านบทที่ยังได้มาตรฐานอย่างที่ควรเป็นแม้ว่าน่าจะดีกว่านี้ได้อีกก็ตามคงความเข้มข้นขึงขังเร้าใจได้อย่างสนุกตั้งแต่เริ่มต้นและพัฒนาบานปลายไปอย่างไม่หลุดการควบคุม ชัดเจนที่จะเป็นคือเร่งอารมณ์ผ่านความอยากรู้ด้วยการซ่อนปริศนามาทีละขั้นทีละเรื่องที่อาจเหมือนเป็นคนละเรื่องแต่ก็โยงกันติด ทำให้เรื่องนี้ยังคงความเข้มข้นเร้าใจตั้งแต่จุดเริ่มคือตอนที่หนึ่งที่เรื่องนี้ลงสตรีมวันแรกสองตอนที่เหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยการทิ้งเชื้อความสงสัยในสมองคนดูเพื่อรอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ ทว่าหลังจากนั้นมาการที่เรื่องไม่เน้นความซับซ้อนมากอย่างที่ว่าก็ทำให้แม้จะสามารถพาอารมณ์คนดูไปด้วยกันได้ตลอดแต่กลับเห็นว่ามีบางอย่างจุดเล็กบ้างน้อยบ้างที่เหมือนถูกหลงลืมไปหรือจู่ๆก็ใส่เข้ามา แต่ด้วยความเชื่อมโยงที่ค่อนข้างดีก็ทำให้เมื่อเรื่องเดินไปสู่เรื่องที่ใหญ่ขึ้นอันตรายขึ้นและพัฒนาการของเรื่องว่าด้วยเรื่องของเทคโนโลยีที่มาไกลจากจุดเริ่มที่เนื้อเทียมมากขึ้นจึงเห็นว่าเรื่องน่าจะบานปลาย แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งคือตลอดทางที่เรื่องเริ่มบานปลายแต่บทและการควบคุมของผู้กำกับพัคชุลฮวานก็สามารถทำให้ความบานปลายนั้นไม่หลุดการควบคุมจนออกทะเลได้อย่างยอดเยี่ยมแต่น่าเสียดายที่เมื่อลดความซับซ้อนแล้วปล่อยชิ้นส่วนสำคัญออกมาก็ทำให้เดาง่ายแถมตอนท้ายยังไม่สะเด็ดน้ำ สิ่งที่ตามมาหลังจากการลดมิติความซับซ้อนลงนั่นคือการซ่อนปริศนาหรือซ่อนเจตนาไม่มิดทำให้ถ้าว่ากันที่ปริศนาและความน่าสงสัยคือเริ่มต้นอย่างแข็งขันก่อนอ่อนแรงลงทีละน้อย เพราะหลังจากปล่อยปริศนาสำคัญคือใครกันที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่หลังจากนั้นเหมือนกับไม่ได้ซ่อนเจตนาไว้เลย ซึ่งความจริงไม่ใช่จะไม่ซ่อนเพราะยังคงกระมิดกระเมี้ยนเรื่องของเทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสำคัญเอาไว้แต่น่าเสียดายคือหลังจากปล่อยชิ้นส่วนแรกแล้วคนดูรู้เจตนาแถมยังไม่ต้องสงสัยว่าใครคือคนร้าย ที่เหลืออยู่คือสงสัยว่าคนคนนั้นจะเกี่ยวกับเรื่องนี้อีท่าไหนที่น่าเสียดายอีกครั้งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นใครต้องไปดูเอง แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อดูได้สักระยะก็จะเดาได้บ้างแล้วแต่ด้วยความที่โครงเรื่องแข็งแรงการเล่าเรื่องยังจัดการความบันเทิงของคนดูได้ก็ทำให้เป็นความน่าติดตามอย่างหนักเช่นเดิม แม้ว่าในท้ายที่สุดกลับไม่สะเด็ดน้ำแถมตอนสุดท้ายเหมือนรวบรัดจับยัดไปบ้างแต่ทุกอย่างก็มีเหตุผลของมันอุดมไปด้วยนักแสดงชั้นนำทำให้การแสดงเอาอยู่ทุกมิติโดยที่ไม่มีหลุดโทนแม้เสน่ห์นักแสดงจะรุนแรงก็ตาม เฉพาะสามคนที่เป็นนักแสดงนำก็แถวหน้าทั้งนั้นทั้งฮันฮโยจู,จูจีฮุนและอีฮีจุนแถมด้วยอีมูแซงอีกคน จึงอาจนับได้ว่าเป็นการรวมดาราไว้ก็เป็นได้ที่ถ้าว่ากันที่ตัวเรื่องเดินไปข้างหน้าหน้าเดียวไม่มีการซ้อนเรื่องซ้อนมิติใดๆไว้หรือซ้อนไว้แต่ไม่ชัดนักแสดงก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เพราะความที่บทไม่ซ้อนมิติความซับซ้อนของตัวละครไว้แค่จับมาใส่แบบหลวมๆการแสดงเชิงอารมณ์จึงไม่จำเป็นภาพการแสดงจึงออกมาทางครุ่นคิดเชือดเฉือนกันที่บทสนทนามากกว่า แต่ด้วยความที่นี่คือฮันฮโยจู,จูจีฮุน,อีฮีจุน,และอีมูแซงที่ก็ระดับยอดฝีมือทั้งนั้นก็ทำให้ตัวละครน่าเชื่อถือในบทที่รับผิดชอบ นั่นคือถ้ามองที่ตัวตนของตัวเรื่องนักแสดงเอาอยู่ทุกมิติและที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างคือการไม่พยายามแตกประเด็นความสัมพันธ์ออกไปทำให้เรื่องอยู่ในความควบคุมไม่หลุดโทนแม้ว่าบางครั้งก็เห็นอะไรในแววตา แต่นั่นมันมาจากเสน่ห์ที่รุนแรงของนักแสดงมากกว่าและความสามารถเฉพาะตัวที่ทำให้บางอย่างมีเพียงน้อยนิดแต่สามารถสื่อออกมาได้ดูสนุกเดินหน้าไปเร็วได้ลุ้นและอยากรู้จุดจบแต่สุดท้ายกลายเป็นเปิดปลายไว้ซะงั้น แล้วเมื่อดูจบสิบตอนแบบไม่ต่อเนื่องกันเพราะไม่มีเวลาความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนจึงต้องบอกว่านี่คืองานที่ดูสนุกมากมาย เพราะเรื่องเดินหน้าไปเร็วจนทำให้มองเห็นการทิ้งอะไรไว้กลางทางบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะยังได้เร้าใจได้ลุ้นเพื่อที่อยากรู้จุดจบว่าจะเป็นแบบไหนแม้ว่าจะเดาได้แล้วว่ามันคือการสู้เพื่อโค่นล้มยักษ์ที่ตัวใหญ่กว่า ซึ่งเรื่องก็เดินหน้าไปอย่างจัดจ้านคือดูแล้วก็อยากดูอีกจนมาถึงตอนที่เก้าก็เริ่มสงสัยว่าเหลืออีกเพียงตอนเดียวบทสรุปจะลงเอยอย่างไร ผลที่ได้คือตอนสุดท้ายดูรวบรัดและลงเท่าที่ลงได้แต่ก็สรุปแบบไม่สะเด็ดน้ำเพราะเหมือนตั้งประเด็นใหม่ในการต่อสู้ครั้งใหม่ที่เปลี่ยนบทบาท นั่นหมายความว่าที่ลุ้นมาแทบตายสุดท้ายปลายก็ถูกเปิดให้ค้างคาเพราะสามารถไปต่อที่ซีซันต่อไปได้เนียนๆเพราะสามารถเล่าเรื่องไปได้อีกไกลบานปลายไปได้อีกมาก และสุดท้ายต้องบอกว่าเป็นงานที่คู่ควรดูต่อเนื่องกันเพราะอารมณ์มันจะไม่ถูกเวลามากั้นขวางความสนุกจะมากขึ้นกว่าการที่ผู้เขียนดูทิ้งไว้แล้วเพิ่งมาได้ดูจนจบเพราะไม่มีเวลาดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram hanhyojoo222ภาพที่ 8 จาก Instagram lee.hee.junเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !