“บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ตอบแล้วโดนกีดกันเจอลูก รอวันเจอกันที่ศาล รับรู้ข่าวกระแสดราม่าอดีตภรรยา
“บิ๊ก ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ตอบแล้วโดนกีดกันเจอลูก รอวันเจอกันที่ศาล รับรู้ข่าวกระแสดราม่าอดีตภรรยา
รอวันขึ้นศาลเพื่อตกลงเรียกร้องสิทธิขอดูแลลูก “บิ๊ก ธิติวุฒิ” หรือ “ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์” ได้ออกมาอัปเดต พร้อมทั้งเรื่องที่ขอนัดเจอลูกแต่พอถึงเวลากับไม่เจอ รวมถึงเรื่องอดีตภรรยา “แพรวพราว” เจอกระแสโจมตีหนักไม่หยุด งานนี้เจ้าตัวเผยว่า...
“คดีต่างๆ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการรอคิวขึ้นอยู่ ศาลนัดแล้วแต่รอวันน่าจะเป็นเดือนกรกฎาคม เหมือนโทรมาแค่แจ้งว่าได้รับหมายศาลแล้ว แต่ก็ไม่ได้เคลียร์อะไร ก็ค่อยไปเคลียร์กันที่ศาลเลย แต่เขาก็ถามว่าต้องการอะไรหรอ เราก็บอกตามที่เราลิสต์ไปเลย เขาก็เลยบอกว่างั้นก็ไปคุยกันในศาล เตรียมคำพูดไม่ได้เตรียมอะไรมากเลย เป็นธรรม ชาติหมดเลย ไม่มีสคริปต์ เวลาจะเจอเขาก็คือพูดความจริงหมด แต่มันไม่มีโอกาสได้ต่อรองกัน อาจจะไม่ลงตัวเราก็ต้องคุยกันข้างใน ในเรื่องของกฎหมาย
ได้เจอลูกไปล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน ไปถึงแล้วลูกก็ไม่อยู่บ้าน ตอนนั้นเหมือนเรารู้ว่าลูกจะกลับวันนี้ เราก็เลยวางแผนจะไปหาลูก พอไปถึงเขาก็บอกว่าไม่ได้กลับแล้วนะ วันถัดไปเขาถึงจะกลับเราก็เลยไม่ได้เจอลูก มีการแจ้งว่าจะไปหาลูกนะ จะกลับมาถึงกี่โมงเขาบอกว่ามาถึงตอนเย็น อันนี้คุยกันก่อนเดินทางหนึ่งวัน พอไปถึงปุ๊บ ตอนเช้าเค้าก็ส่งข้อความมาว่า ไม่ได้กลับแล้วเดี๋ยวกลับพรุ่งนี้แล้วกัน เราก็ตกใจ แต่ก็โอเค เดี๋ยวว่างมาใหม่ก็ได้ ตอนนี้ลูกอยู่กับป้าพี่สาวอดีตภรรยาเป็นหลัก ถามว่าเป็นการกีดกันไหมทำใจเผื่อไว้อยู่แล้ว ก็ไม่กล้าพูดเต็มปาก แต่จริงๆ แล้วผมก็ตกใจอยู่ แต่โอเคก็ไม่เป็นไร วันเกิดผม 12 มิถุนายน ผมจะมารับลูกอยู่แล้ว แต่รอบนี้วันที่ 11 มิถุนายน ก็แจ้งแล้วว่าจะไปรับลูกอีกครั้ง หวังว่าจะไม่มีธุระด่วนอีก ก็เผื่อใจอยู่แต่เราก็แจ้งออกสื่อขนาดนี้แล้ว แต่แจ้งเขาแล้วนะ เขารับทราบแล้ว ได้เจอลูกน้อยมากๆ
กลัวเรื่องความผูกพัน ความใกล้ชิดกลัวอยู่คิดอยู่ว่าลูกจะไม่สนิทกับเราเหมือนเดิมแบบไม่คุ้นเคย ลูกชายคนเล็กก็เพิ่งหนึ่งปี ผมคิดว่าลูกชายคนเล็กต้องใช้เวลาในการเข้าหาเขานิดนึง เพราะเราห่างจากลูกมาเดือนสองเดือนแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังจดจำพอดี แต่ยังไงคำว่าพอลูกมันก็เป็นสายเลือด ยังไงมันก็จูนกันง่าย
คลิปนึงที่ลูกถามเราว่าทำไมพ่อไม่นอนกับแม่พอเราได้ยิน ถึงร้องไห้เลย เพราะทำไมลูกถามยังงั้น เราก็ลืมตัวว่าเราพูดให้ลูกได้ยิน ที่ร้องก็คือรู้สึกจุกว่าบ้านเราก็มีอยู่แต่ทำไมต้องไปอยู่ที่อื่น เราก็รู้สึกว่าลูกถามแบบนี้เราสะเทือนใจ
ถามถึงเรื่องของอดีตภรรยา ที่มีกระแสมากมายโจมตีส่วนมากไม่ค่อยได้อ่านมีแต่คนมาเล่าให้ฟังอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็เพียงแค่ส่งกำลังใจให้เขาสู้สู้ ส่งผ่านกระแสจิต จะให้เราส่งข้อความไปมันก็คงไม่ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรก็ช่างมันอยู่ในตัวเรา คือถ้าเราแสดงอะไรให้มันดีมันก็ดี คือเราแสดงออกยังไงมันสะท้อนกลับมาหาตัวเราเองหมดเลยนะ อย่างเช่นวันนี้ที่ผมสัมภาษณ์ ผมสัมภาษณ์ดีมันก็ออกไปดีกลับมาหาเราดีเลย คือถ้าเราทำออกไปไม่ดีมันก็กลับมาหาเราไม่ดี ฉะนั้นผมมองแล้ว มันเป็นเรื่องใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ก็ส่งกำลังใจให้ ทุกๆ คนมันมีสิทธิ์พลาดพลั้งกันได้ แต่ก็อย่าพลาดบ่อย ให้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังผิดพลาดอยู่ คือสังคมไทยเขาเป็นคนใจดี แต่สังคมไทยให้อภัยกับคนที่สำนึกผิด”