รีเซต

ตั๊ก ปลื้ม สามี อนุญาตรับละคร ไม่กระทบเวลาทางบ้าน พร้อมเดินหน้าธุรกิจอาหาร

ตั๊ก ปลื้ม สามี อนุญาตรับละคร ไม่กระทบเวลาทางบ้าน พร้อมเดินหน้าธุรกิจอาหาร
ข่าวสด
1 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:46 )
240

ตั๊ก บงกช ปลื้ม สามี อนุญาตให้รับงานบันเทิง เผย ไม่กระทบเวลาครอบครัว พร้อมเดินหน้าทำแบรนด์ธุรกิจอาหารเป็นของตนเอง

ตั๊ก ปลื้ม สามี - หวนกลับมารับงานละครอีกครั้ง สำหรับนักแสดงมากฝีมือ ตั๊ก บงกช คงมาลัย ที่ หลังจากมีน้องข้าวหอม ลูกชาย ก็งกรับงานแสดงไปพักใหญ่

ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ. 64 ตั๊ก บงกช มาร่วมฟิตติ้งละครเรื่อง เมียหลวง ที่ Dad Studio ถนนประดิษฐ์มนูธรรม จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเหตุผลที่รับงานแสดง พร้อมกับเล่าถึงเรื่องที่มุ่งมั่นเอาดีทางด้านพืชเกษตรอินทรี

เปิดต้นปีก็รับงานละครเลย “จริงๆ อยากจะรับตั้งนานแล้วนะคะ แต่ติดภารกิจส่วนตัวนิดหน่อย พอมาเรื่องนี้อ่านบทแล้วก็ชอบ จริงๆ อยากร่วมงานกับพี่ฉอดมานานแล้ว และพอมีเวลาด้วย ก็ได้คุยกับทางครอบครัว ทางคุณบุญชัยก็ตกลงด้วยค่ะ และพี่ฉอดได้คุยกับคุณบุญชัยแล้ว คุณบุญชัยได้ฟังพี่ฉอดเล่าเรื่องให้ฟัง เขาก็เข้าใจและสนับสนุนค่ะ บอกว่าอยากให้เล่น”

ทำไมถึงตัดสินใจรับบทนี้ ตั๊กชอบความแปลกใหม่ของบท และชอบความเป็นมนุษย์ของละครเรื่องนี้ ความเป็นมนุษย์ของแต่ละตัวละครค่อนข้างจะมีความจริงที่มีความลึกลับ มีความหวัง คือทุกตัวละครมีความเป็นชีวิตจริง ตั๊กชอบ สนุกดี”

ได้เอาความเป็นเมียหลวงในชีวิตจริงมาผสมผสานไหม “ไม่มี (ยิ้ม) เพราะว่าจริงๆ การครอบครูก็เป็นแบบหนึ่งของนักแสดงที่ไม่ให้เอาการแสดงไปเล่นในชีวิตจริง ไม่งั้นเราก็จะไม่เจริญเนอะ”

กดดันไหม “ก็นิดนึง เพราะว่าตั๊กไม่ได้เล่นนานแล้ว ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”

เคาะสนิมหรือทำการบ้านเพิ่มยังไง “จริงๆ ก็มีอ่านบท และต้องพึ่งทางผู้กำกับและทีมงาน (หัวเราะ) ตั๊กเชื่อในทีมนะคะ เรื่องนี้ทั้งทีมเวิร์กและผู้กำกับ ตั๊กได้เห็นผลงานพี่เขา และได้รู้จักผลงานของพี่ฉอดมาหลายเรื่อง ก็รู้สึกว่าเราน่าจะได้รับการเทรนด์ในแต่ละฉากได้ดีค่ะ”

หลายคนคาดหวังว่าเรากลับมาแล้ว “จริงๆ ก็ถึงเวลาที่ตั๊กอยากจะกลับมา คือพอตั๊กได้มีละครเล่นก็เหมือนเป็นแรงบันดาลใจทำให้เราได้กลับมาดูแลตัวเองอีกรอบนึงด้วย”

ก่อนหน้านี้บอกว่าอยากจะไปทำการเกษตรก่อน ก็ยังทำเกษตรอยู่ค่ะ ละครก็จะเป็นจันทร์-พุธ พอพฤหัสบดีก็ไปเรียนเกษตร

หลังจากนี้จะได้เห็นหน้าเราในงานแสดงมากขึ้นไหม “ก็มีเรื่องนี้ค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเรื่องอื่น แต่จริงๆ ก็มีละครของพี่ฉอดติดต่อมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้เล่น”

ก่อนจะรับละครต้องวางแพลนยังไง “ก็ต้องคุยกับทางครอบครัวค่ะ เพราะคุณบุญชัยไม่ได้อยากให้เล่นละครมากนัก”

ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวยังไง “ก็ได้คุยกับทางพี่ฉอดค่ะ ก็คุยกันเคลียร์เรียบร้อยค่ะ”

 

เรื่องลายกินรีจะได้ถ่ายทำต่อไหม “อันนี้ไม่ทราบเลย ต้องถามทางผู้ใหญ่ค่ะ”

บทยังมาไม่ถึงใช่ไหม “ไม่ทราบเลยจริงๆ ค่ะ รายละเอียดต้องถามทางกอง”

เรื่องการเกษตรของเราวางแผนยังไงต่อ “คือตั๊กคิดว่าการเรียนวิชาชีพตั๊กอยากจะเลือกเรียนทางด้านอาหาร การปลูกพืช ไม่ได้อยากไปเรียนเพื่อให้ได้รับใบปริญญานะคะ เพราะยุคนี้ตั๊กว่าการทำอะไรที่เป็นสายอาชีพน่าจะดีกว่า เช่น อาหาร หรือ การปลูกผัก ปลูกพืช หรือทำอะไรที่เป็นเล็กๆ ของตัวเอง น่าจะเป็นอาชีพได้มากกว่า อยากจะทำอะไรที่เป็นแบรนด์ของตัวเองส่วนตัว อยากจะลงลึกไปในเรื่องของการสร้างอาหาร แต่สร้างยังไงที่จะทำให้เราได้รู้ลึกรู้จริงว่าดินเป็นยังไง ปลูกอะไรได้บ้าง”

พอได้ทำมาแล้วเป็นยังไงบ้าง “ยากเหมือนกันนะคะ ยากตรงที่เราอาจจะต้องเจอแดด แต่ที่เรียนการเกษตรไม่ยากนะคะ เพราะว่าจริงๆ คือการคำนวนมากกว่าว่าดินตรงนี้เราควรปลูกอะไร ใช้อะไร เวลาเก็บผลผลิตมาได้เราก็แฮปปี้”

ในอนาคตเราอาจจะมีสินค้าออกแกนิกแบรนด์ของตัวเอง? “ก็เป็นสินค้าที่ปลอดภัย”

ปลูกฝังให้กับลูกเราไปด้วยไหม? “คืออยากเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยส่งลูกเข้าไปเรียน จริงๆตั๊กเองขอไปเรียนนะคะ อาจจะเรียนไปถึงสัก 3-4 ปีเลยค่ะ เพราะเราต้องเรียนปลูกผักใบก่อน แล้วก็มีผักลูก ผักยอด และอาจจะเป็นผักขน เกี่ยวกับการปักชำ ตอนกิ่ง หรือการตัดแต่งพุ่มไม้ หรืออาจจะมีผลไม้ หรือผักค่ะ ตั๊กได้ไปเรียนที่ศูนย์ชัยพัฒนาค่ะ”

เวลาลงมือมันยากกว่าทฤษฎีไหม? “ตั๊กว่าลงมือทำเองง่ายกว่าการนั่งเรียน แต่พอลงไปเรียนเอง เราก็ต้องมานั่งสรุป แล้วถึงจะส่งอาจารย์”

จะมีทำออกมาเพื่อเป็นความรู้ให้คนที่สนใจไหม? “จริงๆตั๊กก็มีเป้าหมายอยากจะเป็นเหมือนกัน พอเราเรียนมา เราก็อยากจะถ่ายทอดให้กับคนรุ่นใหม่ๆในอนาคตด้วยที่เขาอยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับเกษตรจริงๆค่ะ ซึ่งตอนนี้ดินบ้านเราอาจจะต้องได้รับการดูแลมากๆเลย”

ถามถึงเรื่องน้องข้าวหอม เปิดเทอมวันแรก? “วันนี้เปิดเทอมวันแรกค่ะ ลูกก็อยากไปโรงเรียนมาก เลย อยากจะเจอเพื่อน”

เราแอบกังวลใจไหมด้วยสถานการณ์โควิดตอนนี้? “จริงๆโรงเรียนของลูกตั๊กเขาก็ค่อนข้างจะมีระยะห่างอยู่แล้วค่ะ และเขาก็มีการตรวจจากกระทรวงอยู่แล้วค่ะว่าควรเปิดไหม ไม่ต้องห่วงอะไรค่ะ ส่วนตัวก็บอกเขาให้ล้างมือบ่อยๆ ให้ใส่แมสก์ เว้นระยะห่างจากเพื่อน ให้ทานน้ำของกระติกของตัวเอง ไม่นั่งพื้น ไม่จับอะไรที่ไม่ควรจับ เด็กสมัยนี้เขาค่อนข้างเข้าใจนะคะ เตรียมพร้อมค่ะ มีช้อน มีกระบอกน้ำเป็นของตัวเอง มีคนคอยดูแลด้วยค่ะ

ครั้งนี้เป็นเทอม 2 แล้วค่ะ ที่ผ่านมาก็จะเป็นการเรียนออนไลน์ คุณแม่ไม่หัวฟูเลย เพราะเด็กชอบคอมพิวเตอร์มากกว่า คือลูกเรียนอยู่บ้านเราก็ต้องเก่งคอมฯด้วยไง เราต้องหาว่านั่นอะไร นี่อะไร ทำไมคอนเน็กต์แล้วไม่เห็น คือเขาก็ต้องทำตามระเบียบค่ะ ถ้าห่วงเขามากไปไม่ให้เขาไปเลย ก็ไม่ได้ ตั๊กเองก็ไว้ใจทางโรงเรียนค่ะ ถามว่าห่วงไหม ก็ห่วงค่ะ แต่ต้องทำใจค่ะ เพราะเขาก็ต้องเรียนหนังสือ”