รีวิวหนัง "Inside Out 2 มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2" การเติบโตที่ยังจับใจในห้วงอารมณ์

นี่ก็คือหนึ่งในหนังแอนิเมชันจากค่ายพิกซาร์ที่ขึ้นแท่นเป็นหนังเรื่องโปรดในดวงใจประจำทศวรรษที่แล้ว ที่เคยทำให้น้ำตาซึมกับความประทับใจมาแล้ว และบัดนี้เวลาผ่านไปเกือบจะ 10 ปี พวกเขาเหล่าห้วงอารมณ์ต่าง ๆ ก็กลับมาอีกครั้งใน "Inside Out 2 มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2" ภาคต่อที่ยังคงเดินต่อบนวิถีชีวิตที่เกิดขึ้นภายในความคิดของเด็กหญิงที่กำลังเจริญเติบโตข้ามไปสู่อีกวัย

Inside Out 2 มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2 พาเดินทางกลับสู่โลกของเสียงเล็ก ๆ ในหัวของไรลีย์ที่กำลังจะกลายเป็นวัยรุ่น แต่แล้ววันหนึ่งเหล่าอารมณ์จะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กับเหล่าอารมณ์รุ่นใหม่! โดย ลั้นลา, เศร้าซึม, ฉุนเฉียว, กลั๊วกลัว และ หยะแหยง ที่สามารถจัดการอารมณ์ของไรลีย์ได้อย่างลงตัวมาโดยตลอด กลับทำตัวไม่ถูกเมื่ออารมณ์ใหม่อย่าง "วิตกกังวล" โผล่มา และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาแค่อารมณ์เดียว

สำหรับในภาคนี้เปลี่ยนมือมาเป็นงานกำกับของ "เคลซีย์ มานน์" นักแอนิเมเตอร์สาวที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี และนี่คือผลงานการสร้างหนังแอนิเมชันเรื่องยาวและฟอร์มใหญ่เรื่องแรกในชีวิตของเธอ ที่ต้องยอมรับว่าเธองัดเอาประสบการณ์การทำงานและการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ จากภาคต้นฉบับมาใส่เอาไว้ในหนังภาคต่อได้แบบแทบจะไม่มีรอยต่อให้เห็นกันเลย

กลับมาใน Inside Out 2 สัมผัสให้เห็นได้ชัดเจนถึงพัฒนาการที่พาคนดูค่อย ๆ เติบโตไปพร้อมกับ ๆ ตัวละครและความคิดของตัวละคร ยังคงเต็มไปด้วยกิมมิกและลีลาการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยจินตนาการสุดล้ำที่สะท้อนภายในหัวคิดของมนุษย์ได้อย่างเต็มไปด้วยอรรถรส ถึงแม้ว่ารสชาติอะไรต่าง ๆ ในภาคนี้จะไม่ค่อยจะแตกต่างไปจากภาคที่แล้วสักเท่าไหร่ จังหวะต่าง ๆ ก็จัดได้ว่าอยู่ในเซฟโซนและเป็นไปในโทนที่หนังควรจะเป็น ในลักษณะที่ขีดเขียนเส้นกำกับเอาไว้แล้ว

แต่กระนั้นแล้ว Inside Out 2 ก็ยังพยายามที่หาทางออกไปสู่นอกกรอบได้บ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะการเพิ่มเติมเสริมตัวละครห้วงอารมณ์ใหม่ ๆ เข้ามาอีกในภาคนี้ นับว่าเป็นการเสริมอารมณ์ให้กับคนดูในลักษณะยกระดับขึ้นได้ดีด้วย ตัวละครดั้งเดิมก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ลั้นลา, เศร้าซึม, ฉุนเฉียว, หยะแหยง หรือ กลัวกลัว มาในภาคนี้พวกเขาก็ได้มีซีนและมีพื้นที่ในการเฉิดฉายของตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วย

เมื่อมาประชันหน้ากับตัวละครใหม่ที่ก็มีความโดดเด่นและเสน่ห์ไม่แพ้กัน อย่าง วิตกกังวล, อิจฉา, ลำบากใจ และ อองวี (เหนื่อยหน่าย) นับว่าเป็นอีกความชาญฉลาดในการคัดสรรห้วงอารมณ์เข้ามาเสริมในภาคนี้ ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปต์จริง ๆ จะมีให้เลือกอีกเพียบก็ตาม แต่ก็ถือว่าตัวละครใหม่ก็เข้ามาเสริมได้อย่างเหมาะเจาะ และมีเสน่ห์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาได้อย่างลงตัวดี

เชื่อได้เลยว่าตัวละครอารมณ์ตัวใหม่ที่เปิดตัวมาในภาคนี้ ก็น่าจะเป็นอีกกลุ่มคาแรกเตอร์ที่น่าจะทำให้คนดูหลงใหลและหลงรักได้ไม่แพ้กับที่ภาคเคยทำเอาไว้ได้สำเร็จด้วยดี ในแง่องค์ประกอบสร้างใน Inside Out 2 ก็จัดได้ว่ายังดีตามมาตรฐานเหมือนเคย เอาจริง ๆ หนังก็แทบจะหยิบเอาโครงสร้างที่ภาคแรกปูทางเอาไว้มาสานต่อได้ค่อนข้างดี แต่มาเพิ่มเติมด้วยโทนและลีลาการเติบโตของตัวละครในมุมมองใหม่ ๆ อีกเล็กน้อย

ส่วนทางด้านบทหนังของ Inside Out 2 อาจจะต้องบอกว่ายังคงจับใจดี แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นประทับใจได้แบบที่หนังภาคแรกเคยทำเอาไว้ได้ดีแบบขึ้นหึ้งขนาดนั้น ถึงจะยังได้ "เม็ก เลฟาฟ" มือเขียนบทจากภาคแรกกลับมาขัดเกลาให้ แต่ก็เสริมด้วยงานเขียนของ "เดฟ โฮลสไตน์" ที่มาช่วยเพิ่มลีลาความเป็น Coming-of-Age ให้กับหนังเรื่องนี้ได้สมวัย แต่อาจจะยังไม่กลมกล่อมกินใจได้เทียบเท่าเดิมนัก

กับแอบเสียดายเบา ๆ ที่โครงสร้างเรื่องราวใน Inside Out 2 ไม่ค่อยเป็นไปอย่างที่คาดหวังเอาไว้สักหน่อย เพราะนอกจากไทม์ไลน์ยังเคลื่อนไปช้า ๆ น่าจะเพียงแค่ 5-6 ปีหลังจากภาคแรก เข้าสู่ช่วยเติบใหญ่โตเป็นสาวของไรลีย์ แม้ว่าช่วงเวลานี้จะเต็มไปด้วยสตอรี่ของการเปลี่ยนผ่านวัย และแนวคิดของเด็กที่กำลังไปสู่วัยรุ่นที่น่าค้นหา แต่พล็อตหนังก็จัดได้ว่ามีความอิมแพคค่อนข้างวนอยู่ในอ่างเซฟตัวเองมากไปสักนิด

ทางด้านทีมนักแสดงนักพากย์เสียงของ Inside Out 2 ก็จัดได้ว่ายังทำได้ดีตามปกเช่นเคย "เอมี พูห์เลอร์" ยังสดใสแจ่มแจ๋วกับบทเดิมของเธอ เช่นเดียวกับทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ในบทบาทเดิมของพวกเขา แต่ที่โดดเด่นเลยก็คงตะเป็น "มายา ฮอว์ก" ที่เข้ามาเป็นวอยซ์ทาเลนท์ที่จับตาในฐานะตัวละคร วิตกกังวล ที่แย่งซีนได้เป็นอย่างดีเช่นกัน โดยภาพรวมถือว่างานให้เสียงพากย์ในหนังภาคนี้ยังทำได้ดีเหมือนเช่นเคย

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Inside Out 2 ก็ยังจัดได้ว่าเป็นหนังแอนิเมชันที่ยังกระแทกกระทันหัวใจผู้ชมได้ดีเสมอต้นเสมอปลายอยู่ต่อไป นี่คือหนังการ์ตูนที่เหมือนจะสร้างมาให้เหมาะกับผู้ใหญ่ดูแล้วอินมากกว่าด้วยซ้ำ หลายแนวคิดและหลายประเด็นในหนังเรื่องนี้ได้นำพาให้เรากลับมาฉุกคิดหน้าคิดหลังได้อีกครั้ง กับช่วงชีวิตต่าง ๆ ที่เคยผ่านมา มันกลายเป็นหนังที่ยังทำหน้าที่และมีประสิทธิภาพตรงจุดนี้ได้ดี

ถึงแม้ว่าในแง่ความสดใหม่และความแปลกใหม่นั้น Inside Out 2 อาจจะยังไม่ได้มีเพิ่มเติมมากขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเหมือนส่วนต่อเติมและต่อขยายเรื่องราวจากเดิมที่ผู้ชมน่าจะยังอินและคล้อยตามไปได้ด้วยไม่ยาก ออกทำการค้นหาตัวตนของตัวเองในช่วงก้าวข้ามผ่านวัยที่ใครว่าการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เป็นเรื่องง่าย และนี่ก็คือหนังแอนิเมชันที่ยังพุ่งตรงเข้าที่หัวใจของคนดูอย่างเรา ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผลที่ดีอยู่ต่อไป