One Piece Film: RED คือภาพยนตร์ลำดับที่ 15 ในแฟรนไชส์ของ One Piece Film ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2565 และมีกำหนดฉายที่ประเทศไทยในวันที่ 25 สิงหาคม ห่างจากญี่ปุ่นประมาณ 3 สัปดาห์เท่านั้น การันตีความดังของซีรีส์ One Piece ในไทยได้เป็นอย่างดีเรามีโอกาสได้ไปดู One Piece Film: RED ในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่น เวอร์ชั่น 4DMX จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ รวมถึงรีวิวหนังว่าภาคนี้มีดีอย่างไร ทำไมคุณถึงควรจองตั๋วไปดูเลยตอนนี้! เรื่องย่อ ว่าด้วยเรื่องราวของแก๊งหมวกฟางที่เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตของไอดอลสาวที่โด่งดังที่สุดในโลก ชื่อของเธอคือ UTA (อุตะ) เมื่อ UTA เริ่มทำการแสดง ลูฟี่ก็จำได้ว่าเธอคือลูกสาวของแชงค์ส โจรสลัดผมแดงผู้มีพระคุณ และเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานระหว่างที่ลูฟี่เข้าไปทักทายอุตะ กลุ่มหมวกฟางก็พบว่าเธอกำลังถูกเพ่งเล็งจากกลุ่มโจรสลัดต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มบิ๊กมัม ที่ต้องการพลังจากผลปิศาจของเธอ มาลุ้นกันว่าการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้จะจบลงอย่างไร? ความสำเร็จของภาพยนตร์ One Piece Film: RED ในญี่ปุ่นOne Piece Film: RED เปิดตัวที่ญี่ปุ่นวันแรก รับรายได้จุใจไปถึง 1.06 พันล้านเยน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เปิดตัววันแรกด้วยรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ในประเทศญี่ปุ่น รองจาก 'ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์' และ 'มหาเวทย์ผนึกมาร 0' ครองรายได้เปิดตัวสูงสุดใน One Piece Film ทั้งหมด และภาพยนตร์แอนิเมชันทั้งหมดที่ Toei Animation เคยสร้างมา สื่อในประเทศญี่ปุ่นยังรายงานอีกด้วยว่าใน 10 วันแรกที่ภาพยนตร์เข้าฉาย มีผู้ซื้อตั๋วไปชมมากถึง 5 ล้านคนเลยทีเดียว! (มีเราอยู่ในนั้นด้วยคนนึง)ส่วนเพลง New Genesis ซึ่งใช้ประกอบภาพยนตร์ก็ปังไม่แพ้กัน เพราะครองอันดับ 1 ในชาร์ต Apple Music Top 100 และ Spotify Top 50 ของญี่ปุ่น และพออัลบั้มเพลงออกวางแผงในวันที่ 13 สิงหาคม ก็ยังครองอันดับ 1 ในประเภท CD เพลงของเว็บช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Rakuten และ Amazon.jp อีกด้วย ความรู้สึกหลังดูเราไปดู One Piece Film: RED หลังเปิดตัวหนึ่งวัน เพราะจองตั๋วไม่ทันวันแรก (ขอโทษนะคะ อ.โอดะ อดเพิ่มรายได้วันแรกให้เลย) เรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นแถวบ้านมีให้เลือกดู 3 แบบด้วยกันคือ แบบปกติ, IMAX Laser และ 4DMX เราอยากให้ได้อารมณ์มากที่สุด ถ้า UTA ร้องเพลง แสงสีเสียงต้องเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต ถ้าซันจิทำอาหารเราต้องได้กลิ่น หรือถ้าลูฟี่ต่อยใคร เก้าอี้เราต้องสั่นเหมือนถูกต่อยเอง...ก็เลยเลือกไปดูแบบ 4DMX ซึ่งบอกเลยว่าไม่ผิดหวังสำหรับในญี่ปุ่น ราคาตั๋ว (ซื้อวันหยุด และไม่มีส่วนลดสมาชิก) อยู่ที่ประมาณ 1,900 เยน ถ้าเป็น 4DMX บวกเพิ่มอีก 1,200 เยน ราคารวม ๆ เลยตกที่ 4,100 เยน (ประมาณ 1,080 บาท) ที่โรงหนังในญี่ปุ่น มักมีการแจกของที่ระลึกแบบจำกัดจำนวนให้ผู้ชมด้วย อย่างเช่นรอบของเราได้รับหนังสือการ์ตูนบาง ๆ เขียนว่า One Piece เล่มที่ 4 พันล้าน ซึ่ง อ.โอดะบอกว่ามาจากเงินค่าหัวของแชงค์ส (แต่เราว่าจริง ๆ แล้วอาจเป็นความหวังลึก ๆ ของอาจารย์ว่าอยากออกถึงเล่มนี้ ฮ่า ๆ) ในเล่มเป็นข้อมูลตัวละครที่ปรากฎในภาคมูฟวี่ ได้ข่าวว่ารอบหลังจะมีการแจกการ์ดเกม One Piece ลายเดอะมูฟวี่ เป็นของที่ระลึกในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของญี่ปุ่น และหนังสือการ์ตูนที่เป็นเรื่องราวของ UTA โดยเฉพาะด้วย อยากได้จัง เดี๋ยวต้องไปดูอีกส่วนที่ไทยจะมีแจกอะไรนั้น ต้องไปลุ้นกัน ใครได้อะไรมาบอกกันได้นะคะ ว่าแล้วก็มาเข้ารีวิวกันเลยดีกว่า ในฐานะแฟน One Piece นี่คือ 5 เหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรไปดูภาคนี้เป็นอย่างยิ่ง 1. ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแชงค์สมากยิ่งขึ้นแหงล่ะ ในเมื่อชื่อภาคประกาศโต้ง ๆ ว่า RED ซึ่งหมายถึงโจรสลัดผมแดงอย่างแชงค์ส หรือแชงคูส ที่มักปรากฎในเนื้อเรื่องหลักแบบวูบ ๆ วาบ ๆ เหมือนผี จะมาก็มาไม่สุด มาเยอะที่สุดแค่ตอนย้อนอดีต (ฮา) แต่ในภาคมูฟวี่นี้ เราจะได้รู้จักเขามากขึ้น และได้เห็นสมาชิกกลุ่มโจรสลัดผมแดงแบบเต็ม ๆ รวมถึงฉากการต่อสู้สุดเท่ บอกเลยว่าสมฐานะ 1 ในสี่จักรพรรดิจริง ๆส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าฉากของแชงค์สยังน้อยไปเมื่อเทียบกับการโปรโมตภาคนี้ว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับโจรสลัดผมแดง เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ UTA ลูกสาวของแชงค์สมากกว่า ถ้าใครไปดูเพราะคาดหวังว่าจะได้เห็นพี่แกเยอะ ๆ อาจต้องทำใจหน่อย 2. ตัวละครใหม่สุดน่ารัก (?) ที่อาจเข้ามามีบทบาทในเรื่องหลักแฟนวันพีซคนไหนที่ติดตามช่องยูทูป One Piece Official อยู่น่าจะพอรู้ว่าทางช่องมีการดันตัวละครใหม่อย่าง UTA หนักมาก และใน One Piece Day ที่จัดขึ้นที่บุโดคัง โตเกียว ก็มีการจัดไลฟ์สั้น ๆ ของ UTA ในแบบ 3D ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเด็กปั้นในฐานะ Visual Idol/VTuber ของค่ายวันพีซกันเลยทีเดียวถ้าให้พูดตามตรง เราไม่ได้ชอบสายนี้ เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวละครตัวนี้มาก ความคิดแรกของเราคือ UTA น่าจะเป็นตัวละครไอดอลสาวน่ารักบอบบางที่กลุ่มหมวกฟางต้องเข้าไปช่วย เหมือนกับเส้นเรื่องของวีวี่, ชิระโฮชิ ฯลฯ ที่ผ่านมา แต่...!! หลังดูหนังจบ ความคิดของเราก็ต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปเลย เพราะ UTA เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก ไม่ใช่แค่น่ารัก แต่พลังของเธอโหดจัด ๆ จนต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว และถือเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องจริง ๆ ไม่ใช่แค่โผล่มาให้ใครช่วย แถมยังมีข่าวลืออีกว่า UTA อาจก้าวเข้ามามีบทบาทในตัวเนื้อเรื่องหลักของวันพีซด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกตัวละครสุดน่ารักที่จะโผล่มาเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม จะเป็นใครนั้น ต้องไปดูกันเอาเองนะคะ ขออุบเซอร์ไพรส์ไว้ก่อน 3. ขนตัวละครเก่า ๆ ที่เรารักมากันเพียบOne Piece จัดเดอะมิวสิคัลแบบนี้ แน่นอนว่าจะขาดเจ้าแม่มิวสิคัลอย่างบิ๊กมัมแอนด์เดอะแก๊งไปไม่ได้ ใครที่ชื่นชอบกลุ่มโจรสลัดกลุ่มนี้ รวมถึงคุณพี่คาตาคุริสุดเท่ รับรองว่าได้เห็นแน่นอนนอกจากนี้ แน่นอนว่าจะขาดตัวละครรองมือรองเท้ากลุ่มหมวกฟาง เอ้ย! ตัวละครที่เป็นที่รักยิ่งในหมู่แฟน ๆ อย่างทราฟาลก้า ลอว์ และหมีคู่ใจ กับบาโธโลมีโอไปไม่ได้ มี 2 คนนี้อยู่ ฮาแน่นอน 4. เพลงประกอบคุณภาพสุดปัง One Piece Film: RED ภาคนี้กึ่ง ๆ จะเป็นมิวสิคัลแบบหนังดิสนีย์ เพราะตลอด 1 ชั่วโมง 55 นาทีของหนัง คุณจะได้ฟังเพลงมากมายจาก UTA โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังเสียงอันทรงพลังคือนักร้องสาวชาวญี่ปุ่นนาม Ado เจ้าของบทเพลงดังอย่าง Ussee wa! (หนวกหูว่ะ!) ที่ถึงแม้จะไม่เคยเปิดเผยหน้าตาออกสื่อ แต่ด้วยเสียงร้องอย่างเดียว เพลงของเธอก็ฮิตติดชาร์ตยอดทะลุล้านวิวทุกเพลง โดยในเดอะมูฟวี่นี้ Ado รับหน้าที่เป็นเสียงร้องของ UTA (ส่วนนักพากย์ จะเป็นคนละคนกัน) นอกจากจะมีนักร้องดังมาร้องให้แล้ว บทเพลงแต่ละเพลงของ UTA เองก็ได้นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ชื่อดังมาร่วมแจมด้วยทั้งหมด ได้แก่:New Genesis (เจเนอเรชั่นใหม่ - เพลงหลัก) แต่งโดย นากาตะ ยาสุทากะ โปรดิวเซอร์วง Perfume และ Kyary Pamyu PamyuWatashi wa saikyou (ตัวฉันไร้เทียมทาน) แต่งโดย Mrs. GREEN APPLE เจ้าของเพลง Inferno, Ao to Natsu และ Tenbyou no utaGyakkou(ย้อนแสง) แต่งโดย Vaundy เจ้าของเพลงดัง Hadaka no Yuusha (ประกอบอนิเมะ Ousama ranking) และ OdorikoUtakatararabai(เพลงกล่อมล่องลอย) แต่งโดย FAKE TYPE.Tot Musica แต่งโดย SawanoHiroyuki ผู้แต่งเพลงให้ Attack on TitanSekai no tsuduki (ฉากต่อไปของโลก) แต่งโดย Yuta OrisakaKaze no yukue (สายลมนำพา) แต่งโดย Hata Motohiro เจ้าของเพลง Himawari no yakusoku ประกอบภาพยนตร์ Stand by me Doraemonใครสนใจเกี่ยวกับ Ado และเพลงประกอบ One Piece Film: Red สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มได้จากบทความที่เราเขียนลงเว็บ ZenMarket 5. ภาพ แสง สี เสียงจัดเต็มอย่างที่ได้บอกไปด้านบนว่า เราเลือกไปดูเดอะมูฟวี่ภาคนี้ในแบบ 4DMX ซึ่งในโรงภาพยนตร์ เก้าอี้จะมีการขยับตามฉากต่อสู้ ฉากตกใจ หรือฉากอื่น ๆ , มีการปล่อยเอฟเฟ็กต์ลม กลิ่น น้ำ ทำให้ได้กลิ่นอาหารเวลาที่ลูฟี่กินเนื้อ หรือมีละอองน้ำพ่นใส่ตอนที่จินเบปล่อยพลัง และในฉากการแสดงคอนเสิร์ตของ UTA ก็มีการแสดงไฟกระพริบวูบวาบเหมือนกับอยู่ในคอนเสิร์ตจริง ๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ฟินมาก ๆ เหมือนเราได้ก้าวเข้าไปอยู่ในโลกนั้น ถ้าประเทศไทยมีฉายแบบ 4D ด้วยขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะแต่สำหรับใครที่คิดอยากไปดูแบบธรรมดา ก็ไม่ต้องข้องใจไปว่าคุณภาพแสง สี เสียงที่ว่าจะลดลงมากหรือเปล่า เพราะเท่าที่ไปส่องคอมเมนต์ของชาวญี่ปุ่นในโลกโซเชียล ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงในภาพยนตร์ทำออกมาดี อลังการงานสร้างมาก จนทุกครั้งที่ UTA ร้องเพลงต้องขนลุกไปตาม ๆ กัน หรือบางคนบอกว่าอย่างกับอยู่ในคอนเสิร์ต อยากลุกขึ้นยืนปรบมือขึ้นมาเลย สรุป สำหรับเราภาคนี้ให้คะแนนความประทับใจ 9/10 เพราะแสงสีเสียงที่อลังการงานสร้าง เนื้อเรื่องสนุก และตัวละครที่มีเสน่ห์ และที่สำคัญ เราชอบภาพยนตร์แนวมิวสิคัลอยู่แล้ว เลยปลื้มการดำเนินเรื่องแบบมีเพลงประกอบอย่างภาคนี้เอามาก ๆส่วนที่หักไป1 เพราะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างดำเนินเร็วเมื่อเทียบกับองค์ประกอบความเข้มข้นที่พยายามใส่เข้ามา แล้วก็ไม่ได้โฟกัสที่แชงค์สมากเท่าที่โปรโมตไว้ ใครที่ดูแล้วมาแชร์ความประทับใจกันนะคะว่าเป็นอย่างไรบ้าง? ขอบคุณเครดิตภาพประกอบ:ที่มาภาพปก: One Piece Film RED Official Twitterที่มาภาพในบทความ: ภาพที่ 1 (animeanime.jp), 2 (One Piece Stuff Official Twitter), 3 (ภาพถ่ายจากผู้เขียน), 4 (onepiece-film.jp), 5 (One Piece Film RED Official Twitter), 6 (onepiece-film.jp), 7 (one-piece.com)