รีเซต

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เกือบได้เป็น Scarecrow ใน "Batman Begins" ก่อนมาเป็น Iron Man

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เกือบได้เป็น Scarecrow ใน "Batman Begins" ก่อนมาเป็น Iron Man
แบไต๋
6 กุมภาพันธ์ 2567 ( 07:00 )
67

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวันนี้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) เป็นหนึ่งในนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จากการรับบทเป็น Iron Man ตั้งแต่ปี 2008 – 2019 และกลายเป็นภาพในความทรงจำของผู้คนตลอดมา จึงยากที่จะจินตนาการภาพลักษณ์ของเขาในบทบาทตัวละครอื่น ๆ จากหนังสือการ์ตูน ที่จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีเช่นนี้ได้อีก

แต่ที่จริงแล้วก็เกือบจะไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ เพราะดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รับการเสนอบท Scarecrow ในหนัง ‘Batman Begins'(2005) ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) แต่เขาก็บอกปฏิเสธบทนี้ไป ซึ่งในที่สุดบทนี้ก็ตกเป็นของ คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) นักแสดงนำในหนัง ‘Oppenheimer’ ซึ่งตัวดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นผู้เปิดเผยเรื่องราวนี้เอง ระหว่างที่ไปร่วมงาน American Cinematheque เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์

คิลเลียน เมอร์ฟี ในบท Scarecrow

แม้ว่า Scarecrow จะเป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญในอาชีพการแสดงของเมอร์ฟี แต่การตัดสินใจปฏิเสธบทนี้ของดาวนีย์ จูเนียร์ กลับได้พาเขาไปในเส้นทางที่ไกลกว่านั้นมากมาย เพราะหลังจากนั้นเพียงแค่ 3 ปี ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ถูกเลือกให้รับบทเป็น โทนี่ สตาร์ก ใน ‘Iron Man’ (2008) และเป็นบทสำคัญที่กลายเป็นฐานรากของจักรวาลภาพยตร์มาร์เวล บท โทนี่ สตาร์ก กลายเป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดในโลกภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร ถึงขนาดที่ว่าวันนี้ผ่านมา 5 ปีแล้ว ที่ตัวละคร โทนี่ สตาร์ก ได้จบชีวิตไปบนหน้าจอ แต่แฟน ๆ ก็ยังคงระลึกถึง และคาดหวังว่าเขาจะกลับมา และยังคงเป็นหัวข้อสนทนาบนโลกโซเชียลอยู่เนือง ๆ

แม้ว่าดาวนีย์ จูเนียร์ และ คริสโตเฟอร์ โนแลน เกือบจะได้ร่วมงานกันใน ‘Batman Begins’แต่กลับกลายเป็นว่าต้องใช้เวลาอีกเกือบ 20 ปี ที่ทั้งคู่และ คิลเลียน เมอร์ฟี ถึงได้มีโอกาสได้ร่วมงานกันจริง ๆ ใน ‘Oppenheimer’และนับว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งยิ่งใหญ่ คุ้มค่าการรอคอย เพราะสุดท้ายแล้วทั้งสามก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ด้วยกันทั้งสามคน และมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสามจะสามารถคว้าออสการ์มาได้สำเร็จ แม้ว่า ‘Oppenheimer’จะเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่ตึงเครียด ไม่เน้นขายสเปเชียลเอฟเฟกต์ บนเวลาที่ยาวถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างงดงาม เกือบแตะ 1,000 ล้านเหรียญ ในขณะที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรที่เคยครองตลาด กลับเงียบเหงาในปีที่ผ่านมา จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าถ้ามีการปล่อยภาพยนตร์ออกฉายในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถประสบความสำเร็จบนบ็อกซ์ออฟฟิศได้

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ คริสโตเฟอร์ โนแลน

ส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ ‘Oppenheimer’ นั้น ก็ต้องขอบคุณ ‘Barbie’ ที่เข้าฉายพร้อมกัน แต่แทนที่จะเป็นภาพยนตร์คู่แข่ง แต่ทั้งคู่กลับร่วมกันสร้างกระแส ‘Barbenheimer’ กลายเป็นปรากฎการณ์ที่พาให้ทั้งสองเรื่องต่างประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ด้วยกันทั้งคู่ รวมไปถึงการประกาศศักดาบนเวทีแจกรางวัลต่าง ๆ และแฟน ๆ ของหนัง ‘Oppenheimer’ต่างก็ส่งแรงใจเชียร์ให้ ดาวนีย์ จูเนียร์, เมอร์ฟี และ โนแลน ได้คว้าออสการ์สำเร็จเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาทั้งสามคนนี้ต่างก็เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้ว แต่ยังไม่มีใครเคยคว้ามาได้สำเร็จ แต่ครั้งนี้ก็นับว่าไม่ง่ายเลย เพราะแต่ละคนก็ต้องเจอกับคู่แข่งสุดหิน คริสโตเฟอร์ โนแลน ต้องชิงออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมกับ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) คิลเลียน เมอร์ฟี ต้องชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายกับ พอล เจียแมตทิ (Paul Giamatti) ส่วน โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ต้องชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายกับ โรเบิร์ต เดอ นีโร (Robert De Niro) และ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling)

 

ที่มา : Movieweb IMDB