(บทความนี้มีการพูดถึงเนื้อหาของ 13 Reasons Why Season 1-3 นะครับ แต่จะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาของซีซันล่าสุด)เป็นเวลากว่าสี่ปีแล้วที่เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับซีรีส์เรื่อง 13 Reasons Why ซีรีส์ที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมของ Jay Asher ซึ่งพูดถึงปัญหาชีวิตวัยรุ่นของ Hannah Baker ที่มันยากเกินกว่าที่เด็กมัธยมคนนึงจะทนไหว จนสุดท้ายแล้วเธอเลือกที่จะจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งตามจริงแล้วหนังสือนั้นก็มีจุดประสงค์ตามชื่อเรื่องคือ 13 เหตุผลว่าทำไม ? พาเราไปสำรวจเรื่องราวแบบย้อนกลับไปดูว่าทำไมเรื่องราวที่น่าเศร้านี้ถึงเกิดขึ้นกับ Hannah ได้ แต่ซีรีส์เลือกที่จะสร้างเรื่องราต่อเพราะท้ายที่สุดแล้วชีวิตของทุกคนในโรงเรียนมัธยม Liberty High ก็ต้องดำเนินต่อไป นั่นทำให้เกิดเรื่องราวของผลกระทบที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นการขึ้นศาลของ Bryce Walker เรื่องราวของ Monty de la Cruz ที่การกระทำของเขาโหดร้ายไม่ต่างจาก Bryce เลย ซึ่งเหตุการณ์มันก็บานปลายไปจนถึงการเสียชีวิตของ Bryce ในซีซัน 3 ที่ทุกคนพร้อมใจช่วยปกปิดความผิดและโยนความผิดทั้งหมดให้กับ Monty ซึ่งก็ถูกจบชีวิตลงในคุกอย่างน่าเศร้า โดยในซีซันล่าสุดนี้ภาพรวมคือการช้ชีวิตต่อไปของแต่ละคนโดยที่ต้องแบกรับความลับที่หนักอึ้งนี้ไว้กับตัวขณะต้องพยายามใช้ชีวิตช่วงเวลาวัยรุ่นรอบสุดท้ายที่พวกเขามีเหลือก่อนขึ้นมหาวิทยาลัย เรื่องราวในซีซันนี้โฟกัสไปที่การตามหาความจริงของเรื่องทั้งหมดโดย Winston พยานคนสำคัญที่อยู่กับ Monty ในคืนที่ Bryce ถูกฆ่า ซึ่งเขาสามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันในคืนเกิดเหตุ Winston นั้นย้ายมาที่ Liberty High เพื่อค้นหาคำตอบว่าใครคือฆาตกรตัวจริง พร้อมทั้งตัวละครอย่าง Diego หนึ่งในสมาชิกทีมฟุตบอลที่คิดว่าการตายของ Monty นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ควรจะต้องถูกจับในคดีฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ก่อตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การมีอยู่ของสองตัวละครนี้เลยกลายเป็นปมสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันหาทางออกก่อนที่ความจริงทั้งหมดจะย้อนกลับมาเล่นงานพวกเขา ปัญหาหนักจึงตกไปอยู่ที่ตัวละครอย่าง Clay Jensen ที่หวาดระแวงกับทุกเรื่องแม้กระทั่งเริ่มที่จะไม่เชื่อใจเพื่อนบางคนอีกรอบและพยายามจะแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเขาเองตามแบบฉบับที่เขาเคยทำ ซึ่งบางครั้งผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ออกมาดีสักเท่าไหร่ พร้อมทั้งยังรู้สึกว่าตัวเองถูกบางคนในโรงเรียนจ้องจะเล่นงานอีกด้วย ซ้ำแล้วนอกจากเรื่องในอดีตที่กลับมารังควาน ทุกคนยังต้องคิดถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึงเพราะ มัธยมปลายเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตมหาลัย ปัญหาต่างๆตามามากมายเช่นการสอบไม่ติด การสัมภาษณ์ ปัญหาด้านเงินทุน และที่สำคัญตราบาปในตัวแต่ละคนที่เหมือนคอยรั้งไม่ให้พวกเขาก้าวเดินต่อในชีวิตได้ รวมถึงยังตั้งคำถามสำคัญให้แต่ละตัวละครย้อนคิดว่าการฆ่า Bryce Walker และโยนความผิดใส่ Monty มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วจริงๆหรอ อีกประเด็นนึงที่น่าสนใจมากคือเรื่อง Privacy vs Surveillance (ความเป็นส่วนตัว vs การเฝ้าระวัง) โรงเรียนในไทยส่วนใหญ่นั้นมีกล้องวงจรปิดตามทางเดิน ห้องเรียนอยู่แล้วและนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในทางกลับกันเรื่องนี้กลับเป็นข้อถกเถียงในบางประเทศว่ามันเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเด็กแต่ละคนเกินไปเพราะพวกเขาจะรู้สึกถึงการถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทางผู้ใหญ่คิดว่าการเฝ้าระวังต่างหากที่ทำให้เด็กพวกนี้ปลอดภัยขึ้น แต่เรื่องราวมันก็บานปลายเข้าไปอีกเมื่อโรงเรียนเต็มไปด้วยเครื่องตรวจโลหะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน สิ่งเหล่านี้มันอาจจะสร้างสถานที่ที่ปลอดภัยได้จริงแต่มันก็สร้างความหวาดระแวงให้ตัวเด็กได้เช่นกัน หนึ่งอย่างที่ซีซันนี้ตอกย้ำความชัดเจนมากขึ้นไปอีกคือการทำลาย Stereotype ทั้งหมดลงพร้อมกับบอกว่ามันยังมีเรื่องราวมากมายที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับคนที่คุณเคยไปเหมารวมว่าคนแบบนี้ต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งอย่างที่เราเห็นกันในภาพยนตร์หรือสื่อต่างๆจะมีคำเรียกแบบพวก Jocks นักกีฬาในโรงเรียนที่ชอบทำให้ตัวเองเป็นจุดเด่นแ เป็นพวกที่คอยแกล้งคนอื่น ต้องทำตัวแมนๆตลอดเวลา หรือพวก Nerds ที่ใส่แว่นหนาเตอะถือหนังสือเป็นกองๆและสนใจแต่เรื่องเรียน นี่คือการยกตัวอย่างบางส่วนจากที่เห็นในภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่ 13 Reasons Why ได้ทำลายภาพจำเรื่องพวกนี้ลงทั้งหมดพร้อมทั้งเปิดเส้นทางใหม่ๆให้ตัวละครเก่าได้สำรวจตัวเองมากขึ้นว่าเราคือใครกันแน่ถ้าให้พูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ก็คงจะเป็นการสปอยล์ ผมเลยจะขอข้ามไปพูดถึงเรื่องโทนโดยรวมของซีรีส์นะครับ โทนของรอบนี้ค่อนข้างแตกต่างคือตอนดู รู้สึกว่ามันเบาลงเยอะเลยเหมือนเป็นจุดพักริมทางให้ตัวละครแต่ละตัวได้เคลียร์ปมในอดีต ก่อนที่น้ำมันรถจะเต็มและเดินทางต่อไปสู่อนาคต เนื้อหามันค่อนข้างอยู่ในโทรประนีประนอมที่บอกกับตัวละครแต่ละตัวว่า นี่เป็นเพียงแค่ส่วนนึงของชีวิต การเป็นวัยรุ่นมันไม่ใช่ทุกอย่างนะ เพราะหลังจากจบมัธยมโลกก็ยังต้องหมุนต่อไปอยู่ดี ต้องยอมรับเลยว่าส่วนตัวผมไม่ได้ชอบซีซันสองและสามมากนักเพราะรู้สึกว่ามันเป็นการยืดเรื่องราวโดยใช่เหตุจำเป็น ซึ่งมันทำออกมาได้ไม่ค่อยดีถึงแม้ว่าจะมีเรื่องดีในบางจุดเช่นการพัฒนาของตัวละครอย่าง Justin ที่ถือว่ามาไกลมากๆ การขยายเรื่องราวมันเลยเป็นเหมือนกับให้เราเห็นว่าโลกหลังจกการเสียชีวิตของ "Hannah Baker" มันเป็นยังไง เหตุผลที่ผมดูซีซันสี่นั้นเพราะมันเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับตัวละครแต่ละตัวก่อนที่เรื่องราวจะจบลง มันเหมือนกับว่าเรารู้สึก "จำเป็น" ที่ต้องรู้ให้ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วชีวิตของแต่ละคนจะเป็นยังไง เรื่องนี้มันเปรียบเสมือนว่าเราได้ใช้เวลาช่วงก่อนจบมัธยมอยู่กับเพื่อนอีกครั้ง มันสร้างความทรงจำที่จับต้องได้ไม่ว่าจะเป็นการเข้าค่ายกับเพื่อน งานวันวาเลนไทน์ งานพรอม วันปัจฉิม ซึ่งต้องขอบคุณซีรีส์เรื่องนี้จริงๆที่นำความรู้สึกแบบนั้นมาให้ทุกคนได้สัมผัสอีกครั้ง ถึงแม้ว่าซีซันสี่เนื้อหาจะค่อนข้างบาง ไม่สมเหตุสมผลในบางจุด แต่ต้องขอบคุณผู้สร้างที่เขียนเรื่องราวตอนจบได้อย่างน่าประทับใจ สามารถรับชม 13 Reasons Why Season 4 ทุกตอนได้แล้ววันนี้ทาง Netflix รับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ปล.ตอนจบค่อนข้างพิเศษหน่อยนะ ความยาวตั้ง 1 ชั่วโมง 40 นาทีเลย เท่ากับภาพยนตร์เรื่องนึงได้เลย ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางรอบสุดท้ายกับพวกเขาได้เลยยยยขอบคุณภาพทั้งหมดจาก IMDB และ Facebook page: 13 Reasons Why รูปหน้าปก/ รูปประกอบที่ 1/ รูปประกอบที่ 2/ รูปประกอบที่ 3/ รูปประอบที่ 4