ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm2252168192(เนื้อหาอาจมีสปอย)เป็นเรื่องราวความรักของจางชอลมิน อดีตนักมวยหนุ่มวัย 30 ปี กับหญิงสาวตาบอดชื่อ ฮาจองฮวา ซึ่งสาเหตุที่เธอตาบอดนั้นหนังได้เล่าบอกในตอนท้าย และจะด้วยความรู้สึกผิดหรืออะไรก็ตามแต่ เหตุการณ์นั้นก็ได้รับการชดเชยที่ถึงแม้จะไม่ใช่ความคุ้มค่า แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยเริ่มแรก หนังเปิดขึ้นด้วยการที่นางเอกแวะมาดูละครที่ป้อมยาม กับคุณปู่คนหนึ่ง แต่ปู่คนนั้นได้ลาออกไปแล้วและได้พระเอกมาทำงานแทน นางเอกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตาก็มองไม่เห็นจึงเข้ามาที่ป้อมเพื่อดูละครอย่างเช่นทุกคืนขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm1748065280ฉากแรก ๆ นั้นเต็มไปด้วยความสงสัยว่าคนตาบอดจะดูละครได้อย่างไร แต่ก็ได้พระเอกคอยอธิบายให้ฟังอยู่ตลอด ซึ่งในภายหลังก็มีฉากที่ทั้งคู่ไปฟังเพลงด้วยกัน ทำให้เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้นว่าวิธีการที่จะมีความสุขนั้นอาจไม่จำเป็นต้องมองเห็นเสมอไป และคนเราก็สามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง โดยไม่จำเป็นต้องแบกรับความทุกข์ ความเศร้าเสียใจไว้ เพียงแค่ความ ‘ไม่คิดมาก’ น้ำหนักที่แบกรับไว้ก็ดูเหมือนจะเบาบางลงมีฉากหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าตัวนางเอกได้กลิ่นแปลก ๆ นั่นก็สะท้อนให้เห็นว่าการที่เธอสูญเสียสัมผัสอย่างหนึ่งก็จะมีสัมผัสอีกอย่างหนึ่งเข้ามาทดแทน และการที่พระเอกไม่ได้กลิ่นนั้นคงเป็นเพราะสัมผัสของนางเอกดีกว่าคนทั่วไป(หรือเปล่า? หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นแค่มุขตลกของหนังเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอื่นใดเลย??)สีหน้าของนางเอกก็ดูมีความสุขดี จึงเริ่มเข้าใจว่าความสุขที่แท้มันก็เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิด ต่อให้ชีวิตจะแย่มากแค่ไหนหากเรามองว่ามันสุขมันก็สุข กลับกันถ้าชีวิตเราดีเลิศเลอ แต่เรายังคงไม่พอใจ ยังพยายามจะวิ่งไล่เพื่อไขว่คว้าบางอย่าง เราก็คงจะทุกข์อยู่อย่างนั้นเอง ฉันใดก็ฉันนั้น ..แล้วความสุขที่ดูจะเกิดขึ้นได้เพียงง่าย ๆ ก็จากไปได้ง่ายกว่าที่คิดเช่นกัน เมื่อนางเอกเข้ารับการผ่าตัดออกมา เพียงจังหวะเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นจริง ราวกับสายลมที่เราไม่รู้ว่ามันเคยมีอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm506551296ที่พระเอกบอกว่าจะรับผิดชอบนางเอกนั้นสุดท้ายก็ทำได้จริง ไม่ใช่แค่เพียงลมปากเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ฉากที่นางเอกถูกเจ้านายคุกคามที่บ้านของเธอแล้วพระเอกมาช่วยไว้ทัน แต่นางเอกกลับต่อว่าพระเอกที่ทำลงไปแบบนั้น..เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ชัดเจนดีว่าสุดท้ายแล้วอำนาจของเงิน อำนาจของงานก็ยังเป็นปัจจัยหลักของชีวิต แม้ว่าตัวเองจะถูกเอาเปรียบ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ ‘ทน’ เพราะ ‘งาน’ และ ‘เงิน’ มันค้ำคอ นี่คงเป็นอีกหนึ่งปัญหาสังคม ทั้งความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ ซ้ำแล้วฝ่ายหญิงยังพิการทางสายตาทำให้หนทางสู้ยิ่งน้อยลงไปอีกขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm3375389696ในชีวิตจริงคงไม่มีชอลมินมาช่วย ในชีวิตจริงคงไม่ได้โชคดีแบบจองฮวา ถ้าเป็นเราจะรอดพ้นสถานการณ์ตรงนั้นมาได้หรือเปล่า แล้วหลังจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ เราจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไร นี่คือเรื่องราวเล็ก ๆ ที่สามารถสื่อออกมาได้เป็นรูปธรรม เมื่อคนพิการดูเหมือนจะมีทางเลือกน้อยกว่าคนทั่วไป และเป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุด แม้ว่าในหนังตัวนางเอกเองจะอยากเรียนรู้เกี่ยวกับการนวด แต่คนตาบอดจริง ๆ อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเรียนรู้ด้านการนวด แต่ด้วยสภาพแวดล้อมและปัจจัยด้านร่างกาย ทำให้เกิดสภาวะ ‘จำทน’ ในหลาย ๆ ครั้งหลังจากนั้นหนังก็ยังแสดงให้เราถึงอำนาจเงิน ว่าเงินคือสิ่งจำเป็นมากแค่ไหน แม้ว่าชอลมินจะต้องแลกไปด้วยอะไรมากมาย แต่ถ้าคิดดูดี ๆ แล้ว มันก็ควรเป็นการรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่ควรจะเกิดขึ้นหรือเปล่า? แต่ความรับผิดชอบนั้นก็ไม่ได้จำเป็นต้องเกิดขึ้นถ้าคน ๆ ถูกจัดอยู่ในประเภทบุคคลชั้นเลว ชอลมินได้ทำดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว และเหมือนความสูญเสียที่เขาต้องเผชิญนั้นคงเปรียบเสมือนกับการชดเชยบาป หรือมันจะเป็น ‘สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม’ แต่ถ้ามันจะเป็นไปตามกรรม ทำไมคนที่เสียใจมากอีกคนกลับคือนางเอก ที่ต้องถูกกระทำและเป็นคนที่ต้องเสียใจตั้งแต่ต้นยันจบ?ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm422599680แม้ว่าโลกใหม่ของจองฮวานั้นจะสวยงามและดูดีแค่ไหนก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่มุมหนึ่งยังคงมีเศษเสี้ยวเล็กที่เป็นที่ของชอลมินอยู่ คาดว่าเธอคงแอบเศร้าเสียใจคนเดียวอยู่บ่อย ๆ และคงแอบร้องไห้อยู่หลายต่อหลายครั้ง การที่เธอบอกไปว่า ‘แต่งงานแล้ว’ คงเป็นเสมือนถ้อยคำยืนยันว่าหัวใจของเธอยังคงเว้นที่ว่างในใจไว้รอคอยใครคนหนึ่งเสมอในตอนจบหนังก็ดำเนินเรื่องไปตามโครงหนังรักทั่ว ๆ ไป สิ่งที่ทำให้นางเอกจดจำพระเอกได้นั้นคืออะไร มีความรู้สึกว่ามันประจวบเหมาะกันมากเกินไปจนไม่อาจเกิดขึ้นได้จริง และคิดว่าในตอนท้ายพระเอกที่แท้จริงของเรื่องคือเต่าตัวนั้นมากกว่านักแสดง !ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2082180/mediaviewer/rm1832737792“บางทีอาจถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิต”