รีเซต

A24 จากบริษัทขายหนัง สู่การกลายเป็นสตูดิโออินดี้ที่เขย่าเวทีออสการ์

A24 จากบริษัทขายหนัง สู่การกลายเป็นสตูดิโออินดี้ที่เขย่าเวทีออสการ์
แบไต๋
18 มีนาคม 2566 ( 12:30 )
189

ในงานออสการ์ที่ผ่านมาคงไม่มีอะไรน่ายินดีไปมากเท่ากับการที่สตูดิโอ A24 กวาดรางวัลกระแสหลักของออสการ์ไปครองกันอีกแล้ว ตั้งแต่สาขาการแสดงไปจนถึงผู้กำกับและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น หนังทุกเรื่องล้วนมาจากสตูดิโอ A24 กันทั้งสิ้น

เมื่อเข้าไปดูหนังในโรงและไตเติ้ลเริ่มขึ้น เราก็จะเห็นโลโก้สีขาวอันเรียบง่ายปรากฏขึ้นบนจอที่มีพื้นหลังสีดำ มันมีเส้นธรรมดาสองถึงสามเส้นพุ่งตัดกันอย่างสวยงาม จากนั้นก็จะมีอักษร A24 โผล่ขึ้นมา แน่นอนว่าดูเผิน ๆ มันก็แค่ไตเติ้ลที่เป็นการบอกว่าหนังเรื่องนี้มาจากสตูดิโออะไร แต่โลโก้นี้มันกลับทำให้แฟนหนังรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น เพราะเราต่างรู้ดีว่า สิ่งที่จะได้ดูต่อจากนี้คืองานคุณภาพคับจอ

A24 ก่อตั้งขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2012 โดยผู้สร้างหนังอย่าง แดเนียล คาทซ์ (Daniel Katz) จาก Guggenheim Partners, เดวิด เฟนเคล (David Fenkel) จาก Big Beach และ จอห์น ฮอดจ์ (John Hodges) จาก Oscilloscope โดยแรกเริ่มเดิมที A24 ตั้งใจจะเป็นบริษัทจัดจำหน่ายหนัง ซึ่งพวกเขาจะพยายามหาหนังอินดี้ดี ๆ มาฉายในโรง เนื่องจากผู้ก่อตั้งทั้งสาม ต้องการหวนคืนสู่แนวคิดการสร้างหนังอย่างอิสระในยุค 90 

ในวันหนึ่ง ระหว่างการเดินทางไปยังกรุงโรม แดเนียล คาทซ์ได้ขับรถไปบนมอเตอร์เวย์ที่ชื่อว่า A24 และเฝ้าฝันถึงช่วงเวลาแห่งความชัดเจนของการทำหนัง จากนั้นเขาจึงตัดสินใจทำฝันให้เป็นจริง โดยการเริ่มต้นบริษัทภาพยนตร์แห่งใหม่ในชื่อ A24

ผู้ก่อตั้งทั้ง 3

หลังจากจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไม่นาน สตูดิโอจึงอยากลองลิ้มชิมลางสร้างภาพยนตร์เอง และในปี 2013 พวกเขาก็เปิดตัวหนังเรื่องแรกอย่าง A Glimpse Inside the Mind of Charles Swan III ของ โรมัน คอปโปลา (Roman Coppola) ออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 

แต่ถ้าก้าวแรกนับเป็นจุดเริ่มต้น A24 ก็นับว่าล้มตั้งแต่เริ่ม เพราะ A Glimpse Inside the Mind of Charles Swan III ถูกนักวิจารณ์สับเละไม่มีชิ้นดี หนังได้คะแนนเพียง 4.6/10 จาก IMDb กับ 28/100 จาก Metacritic อีกทั้งยังถูกคนดูโห่กลางโรงหนัง ถึงอย่างนั้น แม้จะโดนสับอย่างมากมาย แต่เหล่าผู้ก่อตั้งทั้งสามก็ยังเชื่อว่า พวกเขาจะประสบความสำเร็จในสักวัน

ในเดือนมีนาปีเดียวกัน A24 ได้นำภาพยนตร์เรื่อง Spring Breakers ที่แสดงโดย เซลีนา โกเมซ (Selena Gomez),วาเนสซา ฮัดเจนส์ (Vanessa Hudgens) และ เจมส์ แฟรนโก (James Franco) เข้าฉาย แม้ Spring Breakers ประสบความสำเร็จระดับปานกลางในบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่ก็นับว่าเป็นหนังที่สร้างรากฐานให้ A24 ได้ปูทางไปสู่โปรเจกต์มากมาย

A24 โชคดีที่ปรากฏตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านของโซเชียลมีเดีย ยุคนั้นผู้คนเริ่มใช้วัฒนธรรมโพสต์รูปภาพแทนตัวอักษรกันมากขึ้น ทั้งโพสต์บน Instagram, มีมบน Reddit และ GIF ที่แสดงภาพเคลื่อนไหวได้ นั่นทำให้ฉากในหนังของ A24 หลายเรื่อง เริ่มกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ อาทิฉาก ‘Look at my shit’ ใน Spring Breakers 

Spring Breakers 

แม้จะได้กำไรจาก Spring Breakers มามาก แต่ A24 ยังคงยึดมั่นสร้างหนังอินดี้ทุนต่ำอยู่เช่นเคย ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะขาดความสนใจจากสื่อมวลชน หน้าหนังก็ไม่ดึงดูดดาราหรือผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมาร่วมงาน แต่ A24 ก็ยังคงนำเสนอความหลากหลายมาให้วงการหนังอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งโปรเจกต์มากมาย ก็โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางหนังของสตูดิโอยักษ์ใหญ่ จนเริ่มมีแฟนหนังบางส่วนมาให้การติดตาม

จับรางวัลออสการ์ครั้งแรก
Room

หลังจากสตูดิโอดำเนินกิจการมาได้ 3 ปี ในที่สุด A24 ก็ได้รับการพิจารณาให้เข้าชิงรางวัลออสการ์อย่างจริงจังด้วยหนัง 3 เรื่องในปี 2015 อันได้แก่ Room ที่นำแสดงโดยบรี ลาร์สัน (Brie Larson), สารคดี Amy Winehouse ของเจมส์ เกย์-รีส (James Gay-Rees) และ Ex Machina ของ อเล็กซ์ การ์แลนด์ (Alex Garland) ภาพยนตร์เหล่านี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์กว่า 7 สาขา และยังได้รับชัยชนะถึง 3 สาขาด้วยกัน อันได้แก่รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของ บรี ลาร์สัน, รางวัลสารคดียอดเยี่ยมของ เจมส์ เกย์-รีส และรางวัลสเปเชียลเอฟเฟกต์ของ Ex Machina

แม้ A24 จะล้มตั้งแต่เริ่ม แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ของพวกเขา ก็ทำให้ A24 ผลิตหนังที่มีคุณภาพมากขึ้น จนนำไปสู่การเขย่าวงการออสการ์เป็นครั้งแรกในปี 2015 และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

เมื่อแสงจันทร์ส่องสว่าง

ในปี 2013 สตูดิโอ A24 ได้ช่วยหาทุนในการสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง มันเป็นหนังทุนต่ำที่มีฉากหลังในไมอามีที่ผสมด้วยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า Moonlight และในที่สุดปี 2016 Moonlight ที่กำกับโดย แบร์รี เจนกินส์ (Barry Jenkins) ก็ได้เข้าฉาย 

Moonlight ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ A24 คราวนี้พวกเขาสั่นสะเทือนเวทีออสการ์ ด้วยการเป็นผู้ชนะสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2017 อีกทั้งยังช่วยให้หนังเรื่องนี้ได้กำไรมากขึ้น หลังจากคว้า 3 รางวัลออสการ์กลับบ้าน 

ความสำเร็จของ Moonlight ได้นำความรู้สึกแบบหนังอาร์ตยุคเก่ากลับมาสู่วงการภาพยนตร์ และด้วยชัยชนะในเวทีออสการ์ก็ทำให้ A24 ได้รับไฟเขียวในการผลิตภาพยนตร์ตามแนวทางเดิมต่อไป ซึ่งสไตล์งานที่ไม่เหมือนใครของสตูดิโอนี้ ก็ได้ทำให้ A24 เป็นที่รู้จักของผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น

การทำลายสถิติรางวัลออสการ์

ในปี 2023 Everything Everywhere All at Once และ The Whale ทำให้ A24 ผงาดกวาดรางวัลออสการ์ประจำปีไปทั้งหมด 6 สาขา (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม) ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ว่า พวกเขาเป็นบริษัทโปรดักชันรายแรกที่เขย่าเวทีด้วยการกวาดรางวัลไปมากมาย โดยเอาชนะสตูดิโอที่มั่งคั่งกว่าและมีชื่อเสียงมากกว่าไปได้

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา A24 ได้เปิดตัวภาพยนตร์มาแล้วกว่า 100 เรื่อง ในเกือบทุกประเภทเท่าที่เราจะจินตนาการได้ ตั้งแต่ภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยาที่มีฉากหลังอยู่ในประภาคารปี 1890 ไปจนถึงเรื่องราวของหญิงสาวผู้สิ้นหวังกับมัลติเวิร์ส

ภาพยนตร์ของ A24 มีขอบเขตที่แข็งแรงกว่าภาพยนตร์อินดี้ทั่วไป มันนำความสดใหม่มาสู่วงการหนัง จากผู้จัดจำหน่ายหนังอินดี้รายเล็ก ๆ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่างรวดเร็ว โดยท้ายที่สุด A24 ได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาสามารถยิ่งใหญ่ขึ้นได้ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างหนังและการผลิตเรื่องราวที่ไม่ซ้ำใคร การที่พวกเขาเต็มใจที่จะปล่อยให้ผู้กำกับมีอิสระในการสร้างสรรค์ ก็ช่วยให้สตูดิโอกวาดรางวัลมามากมาย และแน่นอนว่าเราเองก็อดไม่ไหวแล้ว ว่าจะได้เห็นอะไรที่สุดยอดจาก A24 อีก

ที่มา: consequence, vulture, union.fsu.edu