ขนลุกทั้งโรง! “โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘” ละครเวทีแห่งปีที่บรรเลงหัวใจไทยให้สะท้านทั้งแผ่นดิน บอกเลยว่าแม่กีวี่ยังไม่หายอินค่ะ! เมื่อค่ำวันก่อน ได้พาครอบครัวไปดู “โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘” ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน บอกได้คำเดียวว่าสุด! ไม่ใช่แค่ดี แต่คือที่สุดของละครเวทีไทยในรอบหลายปีที่แม่เคยดูมาเลยค่ะ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! หลายคนคงเคยดูหนัง “โหมโรง” เวอร์ชันปี 2547 มาแล้วใช่มั้ยคะ? สำหรับบ้านแม่กีวี่ หนังเรื่องนั้นถือเป็นตำนาน เพราะลูกชายตอนประถมเคยเรียนระนาดเอกอยู่หลายปี ได้แรงบันดาลใจจาก “ศร” พระเอกของเรื่องนี่แหละค่ะ แต่พอขึ้นมัธยมก็เปลี่ยนมาเล่นดนตรีสากลแทน แม้จะเปลี่ยนสาย แต่ความผูกพันกับดนตรีไทยไม่เคยจาง และละครเวทีเรื่องนี้ก็จุดไฟในหัวใจพวกเราอีกครั้งแบบไม่ให้พักหายใจเลยค่ะ เสียงระนาดที่สั่นสะเทือนถึงหัวใจ ทันทีที่ม่านเปิด ซาวด์แรกของปี่พาทย์ก็กระแทกหัวใจแม่เข้าเต็มแรง ความรู้สึกเหมือนเราถูกพาเดินย้อนเวลากลับไปยังยุคที่ดนตรีไทยคือหัวใจของผู้คน ดนตรีคือชีวิต ไม่ใช่แค่เสียงประกอบฉาก แต่เป็น “พระเอก” ของเวทีนี้จริงๆ โดยเฉพาะฉาก “ดวลระนาด” ระหว่าง ศรหนุ่ม (อาร์ม กรกันต์) กับ ขุนอิน (ครูเบิ่ง ทวีศักดิ์) แม่ขนลุกตั้งแต่สามวินาทีแรกยันจบซีน! ไม่มีใครยอมใคร ทั้งความพริ้ว ความเข้ม ความดุดัน ประหนึ่งระนาดกำลังพูดแทนหัวใจของตัวละครสองคนนี้ แม้เราจะนั่งอยู่ชั้นสองฝั่งขวา ไม่ใช่หน้าชิดเวที แต่พลังที่ส่งมาถึงยังแรงเกินต้าน บอกเลยว่า "สะบัดไม้" จนสะบัดใจไม่ทันเลย! นักแสดงมืออาชีพ ตัวจริง เสียงจริง ใจจริง "โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘" เวอร์ชันนี้ พิเศษยิ่งกว่าทุกครั้ง เพราะครบ 10 ปีของการนำกลับมาสู่เวทีอีกครั้ง และครั้งนี้ยังได้ทีมนักแสดงชั้นนำที่มาแบบ สดจริง! เล่นจริง! ร้องจริง! ระนาดก็จริง! อาร์ม กรกันต์ ถ่ายทอดบท นายศรวัยหนุ่ม ได้อย่างละเมียดละไม ทั้งเสียงร้องที่นุ่มแต่เด็ดขาด และฝีมือระนาดที่แม่แอบน้ำตาคลอ เสียงบรรเลงอันพริ้วไหว ไม่เหมือนใคร ครูเบิ่ง ทวีศักดิ์ ในบท ขุนอิน คือเทพระนาดในคราบนักแสดง ตัวจริงเสียงจริง ทั้งพลังและอารมณ์คือสะเทือนใจแบบไม่ต้องใช้เอฟเฟกต์ใด ๆ เสียงระนาดคือความดุดันจริงๆ อาตู่ นพพล กับบท ท่านครูศรในวัยชรา ทำเอาแม่ซึมทั้งฉาก ทุกคำพูดของอาตู่คือประโยคทองที่ตีแสกกลางใจ “ระเบิด” พังได้แต่เนื้อไม้ แต่ “ใจ” คน ทำลายได้ทุกสิ่ง” จ๋าย ไททศมิตร กับบท พันโทวีระ คือขั้วตรงข้ามที่เปี่ยมพลัง ทั้งบทสนทนาและการแสดงของเขาทำให้เราเข้าใจความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์อย่างลึกซึ้ง แนน สาธิดา รับบท แม่โชติ คู่ชีวิตของท่านครู ผู้เป็นเสียงของความรัก ความเข้าใจ และความอ่อนโยนที่ประคับประคองศรให้อยู่บนเส้นทางแห่งดนตรีเสียงร้องไพเราะตราตรึงมาก ใหม่-นัฏฐา ลอยด์ รับบท แม่โชติ ในวัยชราที่อยู่เคียงคู่ด้วยกันมาจนวาระสุดท้าย ยังไม่นับทีมนักแสดงสมทบทั้ง แบงค์-เฉลิมรัฐ, ครูรัก, เบิร์ด ผ่าม, บอม สินเจริญ , มงคล สะอาดบุญญพัฒน์ ฯลฯ ทุกคนมีของ และทุกคนรักในสิ่งที่ตัวเองแสดงออกมาจริงๆ แม่เห็นแล้วประทับใจจนอยากลุกขึ้นปรบมือให้ทุกคนตั้งแต่ตอนพักครึ่งเลยค่ะ เรื่องราวที่กินใจ อารมณ์ครบรส บทละครเวทีดัดแปลงจากภาพยนตร์ในตำนาน แต่เพิ่มความหนาแน่นของอารมณ์มากขึ้นอีกเท่าตัว ทั้ง: บทซึ้ง ที่พูดถึงการรักษารากเหง้าท่ามกลางคลื่นการเปลี่ยนแปลง บทรัก ที่อ่อนหวานแบบไทย ๆ จนแม่เขินแทนตัวละคร บทตลก ที่มีจังหวะลงล็อกพอดี พอให้เบรกอารมณ์ได้อย่างกลมกล่อม และบทสะเทือนใจ ที่แม่เชื่อว่าทุกคนต้องน้ำตาคลออย่างน้อยหนึ่งครั้ง มันไม่ใช่แค่เรื่องของ “ดนตรีไทย” แต่มันคือเรื่องของ “จิตวิญญาณไทย” ที่กำลังถูกกลืนหายไปทุกวัน ละครพูดถึงยุคที่ผู้นำต้องการ “อารยะ” แบบตะวันตก จนเสียงระนาดเริ่มแผ่วลงไปเรื่อย ๆ แต่ “ศร” และเหล่าครูดนตรีกลับยืนหยัดเพื่อลมหายใจของวัฒนธรรม จังหวะชีวิต กับความหมายของการ “ไม่ยอมแพ้” ซีนที่แม่ประทับใจที่สุดไม่ใช่ฉากดวลระนาดนะคะ (แม้จะสุดมากแล้ว) แต่คือซีนที่ “ศร” นั่งเงียบๆ หน้าระนาดในยุคที่ไม่มีใครฟัง ไม่มีคนเรียน ไม่มีเวทีให้เล่น...แต่เขายังคงเล่นระนาดให้ตัวเองฟังอยู่ดี มันคือความศรัทธาในสิ่งที่รัก คือเสียงของหัวใจที่ยังดังแม้ไม่มีใครได้ยิน เป็นภาพสะท้อนของศิลปินทุกแขนง และเป็นแรงบันดาลใจให้คนธรรมดาอย่างเรายังเชื่อว่า—สิ่งที่เรารัก มีค่ามากพอให้เราเดินต่อ ถึงแม่จะไม่ได้ได้นั่งแถวหน้าชิดเวที แต่ชั้นสองฝั่งขวาก็ยังอบอุ่นไม่แพ้กัน เสียงเพลงลอยขึ้นมาทุกซอกทุกมุม นักแสดงส่งพลังมาทุกทิศ ทุกสายตาที่มองขึ้นมาก็ยังมีชีวิต ทุกคำพูดที่เปล่งออกมายังได้ยินชัดแจ๋ว คนดูเยอะมากค่ะ เพราะรอบนี้ถือว่าเป็น “รอบแรก” อย่างไม่ตั้งใจ จากการที่ต้องเลื่อนรอบออกมา แม่รู้สึกเหมือนโชคดีได้ดู “ก่อนใคร” ไปอีก! แม่กีวี่กล้าพูดเลยว่า ใครดูเรื่องนี้จบแล้วจะกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่มีเสียงระนาดอยู่ในนั้น มันไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่คือการซึมซับรากเหง้าและความเป็นไทยในอีกรูปแบบหนึ่งใครที่กำลังหมดไฟ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชีวิต หรือศิลปะ ลองเปิดใจให้ “โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘” นะคะ บางทีเสียงหัวใจคุณอาจกลับมาดังอีกครั้งก็ได้ ประโยคนี้จากละครยังดังในหัวแม่อยู่เลยค่ะ...เสียงของจิตวิญญาณไทย ไม่ควรปล่อยให้เงียบหาย “ระเบิด พังได้แต่เนื้อไม้ แต่ใจคน ทำลายได้ทุกสิ่ง” รายละเอียดการแสดง วันที่จัดแสดง: 4 – 18 พฤษภาคม 2568 สถานที่: โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน บัตรราคา: 1,600 / 2,200 / 2,800 / 3,400 / 4,000 บาท จองบัตรได้ที่: Thaiticketmajor เหลืออีกแค่ 10 รอบเท่านั้นนะคะ ใครยังลังเล รีบกดจอง! จะพาครอบครัวก็ได้ จะควงแฟนไปก็ซึ้ง จะพาเด็ก ๆ ไปปลูกฝังรากเหง้าไทยก็ยิ่งดี #โหมโรงเดอะมิวสิคัล๒๕๖๘ #SiamPic #Workpoint ภาพปก ภาพประกอบ 3,6-9 โดยครีเอเตอร์ WCKIWI ภาพประกอบ 1 Facebook โหมโรง เดอะ มิวสิคัล ภาพประกอบ 2 4 5 จาก Facebook KBank SiamPic Hall เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !