วันนี้ผมเอาเรื่องเขามาเล่า (เขาในที่นี้ก็คือคุณภรรยานี่เอง) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่อตาสมัยคุณภรรยายังเด็ก ๆ คุณภรรยาเล่าว่าเมื่อก่อนอยู่บ้านนอก อยู่นา ไม่มีไฟฟ้าใช้ต้องใช้ตะเกียง และบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่มีทีวี ( แทบจะทุกหลังเลยก็ว่าได้ที่ไม่มีทีวี ) คนส่วนใหญ่ก็จะฟังวิทยุ ไม่ว่าจะเป็นเพลง นิยาย หรือว่าข่าวต่าง ๆ ก็จะฟังเอาจากวิทยุทั้งนั้น และอีกสิ่งที่ชื่นชอบของคุณภรรยาคือการได้ฟังนิทาน และเรื่องราวต่าง ๆ จากคุณพ่อของเธอนั่นเองภาพโดย Anurit Srikhomkham (ผู้เขียน)ก่อนจะไปถึงเรื่องเล่า ผมอยากจะเกริ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นที่นิยมที่สุดในตอนนั้นก่อนนะครับ นั่นก็คือ วิทยุ สมัยก่อนละครทีวีไม่มีให้ดูมากมาย ไม่เหมือนในยุคปัจจุบันนี้ที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถดูได้ คนในสมัยนั้นจึงชอบฟังนิยาย ซึ่งก็จะมีแค่วันละ 3 ตอนเท่านั้น แถมเนื้อเรื่องก็แทบจะไม่ขยับไปไหนไกลในแต่ละวัน ต้องใจจดใจจ่อรอฟังวันถัดไป แต่ก็ยังได้รับความนิยมมาก เพราะนิยายทำให้เกิดการจินตนาการ หรือเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัดทางด้านจินตนาการเลยด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละท่านจะจินตนาการอย่างไร เนื่องจากไม่มีภาพชี้นำ มีแต่เสียงและคำพูดที่ออกมาเท่านั้น อย่างเช่น ถ้าเป็นนิยายผีจะทำให้รู้สึกน่ากลัวมาก ๆ นิยายวิทยุถือว่ามีสีสันมากในยุคนั้นภาพโดย Igor Ovsyannykov จาก Pixabay ด้วยที่พ่อตาของผู้เขียนเป็นคนชอบฟังนู่นฟังนี่ ฟังข่าวบ้าง ฟังนิยายบ้าง ฟังเพลงบ้าง และฟังเทศน์ฟังแหล่ ก็มักจะมีเรื่องมาเล่าให้ภรรยาของผู้เขียนฟังเสมอ ๆ และวันหนึ่งพ่อตาก็หยิบเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ภรรยาของผู้เขียนฟัง โดยในเรื่องนั้นแฝงไว้ด้วยข้อคิดสอนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ด้วยภาพโดย Anurit Srikhomkham (ผู้เขียน)เรื่องมีอยู่ว่า มีครอบครัว ครอบครัวหนึ่งมีลูกชาย 2 คน ลูกชายคนโตมีภรรยาที่มีฐานะร่ำรวยแต่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว และลูกชายคนเล็กมีภรรยาฐานะค่อนข้างยากจนแต่มีจิตใจอ่อนโยน วันหนึ่งแม่สามีก็ได้ถามลูกสะใภ้ทั้ง 2 คน โดยที่ถามทีละคน คนละเวลา โดยถามว่าถ้าเกิดสามีไปหาปลา ได้ปลามา 1 ตัวใหญ่ จะทำอย่างไรให้ปลาตัวนั้นสามารถรับประทานได้ตลอดทั้งปี ภรรยาของลูกชายคนโตได้ตอบมาว่า ให้นำปลานั้นไปใส่เกลือตากแห้งเพื่อเก็บไว้ทานนาน ๆ เท่านี้ก็จะสามารถรับประทานได้ทั้งปีแล้ว ต่อมาแม่สามีได้นำคำถามนี้ไปถามลูกสะใภ้คนเล็ก แล้วนางตอบว่า ตอนเย็นกลับบ้านให้นำปลาตัวนั้นมาแกงทั้งหมด แล้วนำแกงที่ได้มานั้นไปแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านข้าง ๆ เท่านี้ก็จะสามารถมีปลารับประทานได้ตลอดทั้งปี เพราะว่ายามที่เพื่อนบ้านมีปลาก็จะนำมาแบ่งปันให้เราได้ด้วยเช่นกัน เป็นคำตอบที่แม่สามีชอบที่สุด เป็นคนที่มองกาลไกล บ่งบบอกถึงความจิตใจดี รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักให้ เป็นคำถามที่ดีมากจากปลา 1 ตัว พอจบพ่อก็จะถามว่าถ้าเป็นลูกจะเลือกแบบไหน แล้วก็จะมีการอธิบายถึงการเลือกในแต่ละคำตอบนั้นหมายถีงอะไร ภาพโดย Anurit Srikhomkham (ผู้เขียน)เป็นการปลูกฝังแนวความคิดดี ๆ ผ่านเรื่องเล่า ถึงจะดูเหมือนเป็นวิธีการที่อ้อมค้อม แต่ก็ทำให้เห็นภาพและซึมซับได้ง่าย เหมือนเด็ก ๆที่นั่งฟังนิทานแล้วตอนท้ายมีสรุปว่าสิ่งไหนดีควรทำ และสิ่งไหนไม่ดีไม่ควรทำนั่นเอง หรือบางครั้งทุกทางออกอาจจะดีทุกทางก็ได้ แต่ถ้ามองอย่างมีสติ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็จะทำให้เจอทางออกที่ดีที่สุดก็เป็นได้ภาพโดย StockSnap จาก Pixabayแล้วคุณมีเรื่องราวแบบนี้ในครอบครัวหรือเปล่า อย่าหลงลืมสิ่งดี ๆ เหล่านั้นกันไปนะคะ อย่างเช่นคุณภรรยาของผมที่พยายามถ่ายทอดสิ่งดี ๆ ที่ได้รับมาให้แก่เจ้าตัวน้อยของเราเช่นกัน