"หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" เปิดใจ เล่าถึง "สรพงศ์ ชาตรี" ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย
อีกหนึ่งข่าวช็อกของวงการบันเทิง กับการจากไปของพระเอกในตำนาน "สรพงศ์ ชาตรี" ที่วันนี้ 11 มีนาคม 2565 ได้มีการจัดพิธีและสวดอภิธรรม ที่ศาลา 11 ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นวันแรก และในวันนี้ "หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" หรือ "ท่านมุ้ย" ผู้ปลุกปั้น "สรพงศ์ ชาตรี" ให้โลดแล่นอยู่วงการบันเทิง ได้มาร่วมงาน พร้อมเปิดใจว่า..
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
"หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล" ได้เปิดใจถึง "สรพงศ์ ชาตรี" ราชานักบู๊ ผู้ล่วงลับว่า "จุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นแววในตัวสรพงศ์ ทำเรื่องห้องสีชมพู ถามคุณกัมปนาท ว่าคุณจะเล่นเป็นผู้ร้ายได้ไหม เขาก็บอกว่าไม่เอาครับ เพราะว่าเขาอยากจะเป็นพระเอก ถามคุณดามดัสกร เขาอยากเป็นพระรอง ถามคุณสรพงศ์ เล่นครับ จากวันนั้นก็เห็นแววเขาเลย เขาไม่เลือกบท อันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของ สรพงศ์ ชาตรี
ก็ถามเขาเล่นได้รึเปล่า เขาก็แต่งตัวเต็มที่ผูกเนคไท ใส่สูทนอก ผมก็เลยทดลองเขาโดยการบอกเขาว่า ให้เขาอุ้มเด็ก ซึ่งก็คือ ตุ๊กตา จินดานุช และกระโดดข้ามท้องร่อง ซึ่งเขาทำได้ทันทีเลย ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในน้ำ เสื้อสูทของเขานี่คือเปียกโชกไปหมดเลย ผมก็เลยเห็นแววเขามาตั้งแต่วันนั้น
เห็นแววตั้งแต่วันนั้น มาเริ่มเรื่องห้องสีชมพู ให้เขาได้เป็นตัวร้าย จริงๆ แล้วแทบเป็นตัวพระเอก แล้วจากวันนั้นเห็นแววว่า สรพงศ์ เล่นเป็นพระเอกได้หลังจากคุณกัมปนาทสูญหายจากวงการ คุณสรพงศ์ ทำได้ทุกอย่าง เลยให้ขึ้นมาเป็นพระเอก แทนคุณไชยา ก็เป็นตามที่คาดไว้
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก True Inside
จริงๆ ผมทำเรื่อง มันมากับความมืด เอาคุณไชยาเล่น บังเอิญ คุณไชยา ติดธุระมาไม่ได้ตามคิว ก็เอาคนที่อยู่ใกล้ตัวมาเล่น ตอนนั้นคุณสรพงศ์ ทำทุกอย่างนะ ผมจึงโปรโมทให้สรพงศ์ขึ้นมาเป็นพระเอกแทนไชยา เพราะทุกคนบอกว่าคุณไชยาเป็นพระเอก 2 หรือ 3 ตุ๊กตาทอง ผมจำไม่ได้ แต่ผมบอกว่าคุณดูเด็กคนนี้นะว่าเขาจะได้ตุ๊กตาทองมากกว่าคุณไชยา ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคาดคะเนไว้ รู้สึกว่าเขาจะได้ 5 หรือ 6 ตัว นี่แหละครับ จำไม่ได้แล้ว
เขาเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย สมัยนั้นทุกคนไว้ผมยาวหมดหมอกานต์ สิ่งแรกที่ทำจับตัดผม มันเป็นสิ่งที่สมัยนู้นเขาไม่ทำกัน เขาต้องไว้ผมยาว ใส่กางเกงขาบานา สรพงศ์ ยอมตัดผม จากเด็กวัยรุ่นไว้ผมยาว กลายเป็น หมอกานต์ แสดงได้สมบทบาทมากเลย คือ เรามอง สรพงศ์ ตั้งใจและมีความพยายามสูง แต่ไม่ใช้แค่ สรพงศ์ อย่างเดียว ผู้พันเบิร์ด ซึ่งแสดงได้เต็มที่อยู่เป็นเพื่อนของเอก เล่นเป็นพระนเรศวร ทิ้งภาพผู้พันออกไปหมด ทิ้งคาบพระเอกสมัยนู้น ทุกคนมีความตั้งใจ สรพงศ์ มีความตั้งใจอย่างสูงตั้งแต่แรกแล้ว
ภาพจาก True Inside
ภาพจาก IG sorapong_chartree.club
พ่อผมเป็นคนตั้งชื่อให้เขา คือ สร ก็คือ อนุสรณ์ พงศ์ก็คือพี่จี๊ด แล้วชาตรีก็คือชื่อผม ชาตรีจริงๆ แล้วนามสกุลนี้มีแค่สองคนเท่านั้นคือ สรพงศ์ ชาตรี และยมนา ชาตรี ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นตระกูลชาตรีรู้สึกจะหมดไปแล้ว สมัยนู้นส่วนใหญ่เขาจะเปลี่ยนชื่อ จะเอาชื่อเดิมมันก็ไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ เพราะคุณสรพงศ์ชื่อ ชิ้น จะเรียกพระเอกชื่อชิ้นมันก็ลำบากเหมือนกัน
ผมทราบอาการป่วยมาเป็นปีเเล้ว แต่ก็มาๆ ไปๆ ตรงข้างปอดก็ตัดทิ้งไปนานแล้ว แต่เป็นคนที่หัวใจเขาเข้มแข็งมากเลย ความดันก็สูงแต่หัวใจยังเต้นอยู่ นี่คือตอนที่เขาตาย ผมอยู่กับเขาตลอดเลย ตั้งแต่ต้นเลย มือจับหัวจนกระทั่งวิญญาณเขาออกจากร่าง กองถ่ายผมก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ช่างภาพผมซึ่งได้ตุ๊กตาทองหลายตัว ทีมอาร์ตของผมก็ตายไปแล้ว ผู้ทำเพลงของผมก็ไปแล้ว พูดจริงๆ ก็คือทีมผมไปเกือบหมดแล้ว ถ้าเผื่อจะทำใหม่ก็ลำบากเพราะว่าพวกนี้ทำงานกับผมมาแต่เด็กเลยทุกคน"
ภาพจาก IG sorapong_chartree.club
ภาพจาก IG sorapong_chartree.club