ออสการ์ 2023 ปล่อย Shortlists 10 สาขารางวัล ผู้เข้ารอบสุดท้ายก่อนเข้าชิงเป็นตัวจริง
เป็นไปตามธรรมเนียมของการจัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์ในทุก ๆ ปี ที่ก่อนจะมีการเปิดโผรายชื่อผู้เข้าชิงตัวจริงในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ก็มักจะปล่อยชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในสาขาต่าง ๆ ออกมาก่อน หรือที่เรียกกันว่า Oscars Shortlists ที่เป็นการเก็งผลเบื้องต้น โดยล่าสุดได้ทำการปล่อยออกมาใน 10 สาขารางวัล ที่อาจจะไม่ใช่รางวัลหลัก ๆ ของงาน แต่ก็พอจะได้เห็นทิศทางของรางวัลออสการ์ในปีนี้ว่าจะไปในทางใด
Oscars Shortlists 2023 ที่ประกาศออกมาล่าสุดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรางวัลในด้านงานสร้าง โดยผู้ที่ผ่านเข้ารอบแต่ละสาขานั้น จะมี 10-15 เรื่องโดยประมาณ ซึ่งภาพรวมนั้นก็พบว่า "Everything Everywhere All at Once" กับ "RRR" เป็นหนังที่ค่อนข้างโดดเด่นในรางวัลงานสร้างปีนี้พอสมควร ตามมาติด ๆ กับหนังสงครามของเยอรมัน "All Quiet on the Western Front" ที่เซอร์ไพรส์เข้ารอบมาหลายรางวัลเช่นกัน และนี่คือรายชื่อผู้เข้ารอบทั้งหมด 10 สาขาที่เปิดเผยออกมา
รางวัลแต่งหน้า-ออกแบบทรงผมยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front (Netflix)
Amsterdam (20th Century Studios)
Babylon (Paramount Pictures)
The Batman (Warner Bros.)
Black Panther: Wakanda Forever (Marvel Studios)
Blonde (Netflix)
Crimes of the Future (Neon)
Elvis (Warner Bros.)
Emancipation (Apple Original Films)
The Whale (A24)
ต้องถือว่าตัวเต็งผ่านเข้ามาเกือบครบ แต่น่าผิดหวังที่ไม่มีชื่อ "Everything Everywhere All at Once" ติดโผเข้ามาด้วย ทั้งที่เป็นอีกเรื่องที่โดดเด่นในสาขานี้ รวมทั้ง "The Woman King" ที่ก็เด่นในเรื่องนี้แต่ไม่มีชื่อผ่านเข้ามา แต่ที่เซอร์ไพรส์ก็คงจะเป็นหนังนัวร์ "Crimes of the Future" กับหนังคำวิจารณ์ไม่ค่อยดี "Amsterdam" แทรกตัวมามีที่นั่งในสาขานี้แทน
รางวัลออกแบบเสียงยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front (Netflix)
Avatar: The Way of Water (20th Century Studios)
Babylon (Paramount Pictures)
The Batman (Warner Bros.)
Black Panther: Wakanda Forever (Marvel Studios)
Elvis (Warner Bros.)
Everything Everywhere All at Once (A24)
Guillermo del Toro’s Pinocchio (Netflix)
Moonage Daydream (Neon)
Top Gun: Maverick (Paramount Pictures)
เอาเป็นว่าเรื่องหลัก ๆ ที่โดดเด่นด้านงานเสียงติดโผเข้ามาเกือบทั้งหมด มีเซอร์ไพรส์ที่หนังสารคดี เดวิด โบวี่ "Moonage Daydream" ได้มีโอกาสลุ้นด้วย รวมทั้ง "Guillermo del Toro’s Pinocchio" กับ "Babylon" ก็ติดโผเข้ามาแบบน่าสนใจ เพียงแต่เสียดายที่ไร้ชื่อหนัง "The Fabelmans", "Thirteen Lives" หรือ "RRR" ที่ส่วนใหญ่เป็นนักสร้างที่มีประสบการณ์เข้าชิงออสการ์มาหลายครั้ง แต่กลับมาผ่านเข้ารอบในปีนี้
รางวัลออกแบบเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front (Netflix)
Avatar: The Way of Water (20th Century Studios)
The Batman (Warner Bros.)
Black Panther: Wakanda Forever (Marvel Studios)
Doctor Strange in the Multiverse of Madness (Marvel Studios)
Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore (Warner Bros.)
Jurassic World: Dominion (Universal Pictures)
Nope (Universal Pictures)
Thirteen Lives (Amazon Studios/MGM)
Top Gun: Maverick (Paramount Pictures)
น่าประหลาดใจมากที่ไร้ชื่อ "Everything Everywhere All at Once" กับ "RRR" ผ่านรอบตัดเชือกในครั้งนี้ เพราะนี่คือโปรดักชั่นที่โดดเด่นด้านเทคนิคพิเศษไม่น้อยหน้าใคร แต่มีชื่อหนังสงคราม "All Quiet on the Western Front" เข้ามาแทน และอาจจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังภาษาต่างประเทศเรื่องที่อาจจะได้เข้าชิงรอบสุดท้ายเป็นเรื่องแรกด้วย
รางวัลเพลงบรรเลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front (Netflix) โดย โฟลเคอร์ เบอร์เทิลมันน์
Avatar: The Way of Water (20th Century Studios) โดย ไซมอน แฟรงเลน
Babylon (Paramount Pictures) โดย จัสติน เฮอร์วิตซ์
The Banshees of Inisherin (Searchlight Pictures) โดย คาร์เตอร์ เบอร์เวลล์
Black Panther: Wakanda Forever (Marvel Studios) โดย ลุดวิก เยอรันส์ซอน
Devotion (Sony Pictures) โดย แชนดา แดนซี่
Don’t Worry Darling (Warner Bros.) โดย จอห์น โพเวลล์
Everything Everywhere All at Once (A24) โดย ซอน ลักซ์
The Fabelmans (Universal Pictures) โดย จอห์น วิลเลียมส์
Glass Onion: A Knives Out Mystery (Netflix) โดย เนธาน จอห์นสัน
Guillermo del Toro’s Pinocchio (Netflix) โดย อเล็กซองดร์ เดส์ปลาต์
Nope (Universal Pictures) โดย ไมเคิล เอเบลส์
She Said (Universal Pictures) โดย นิโคลาส บริเทลล
The Woman King (Sony Pictures) โดย เทเรนซ์ แบลนชาร์ด
Women Talking (MGM/United Artists Releasing) โดย ฮิลดูร์ กืดนาดอตเตียร์
เต็มไปด้วยสายแข็งมาก ๆ ในสาขานี้ แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดคงจะเป็น "Devotion" จากการประพันธ์ของนักประพันธ์หญิงผิวสี ที่เธออาจจะเป็นคนแรกที่เข้าชิงสาขานี้ แต่ที่น่าผิดหวังก็คือไม่มีชื่อ "The Batman" คิดโผเข้ามาด้วย รวมทั้ง "RRR" และ "A Man Called Otto" ที่ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งของสาขานี้
รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
“Time” จาก Amsterdam (20th Century Studios)
“Nothing is Lost (You Give Me Strength)” จาก Avatar: The Way of Water (20th Century Studios)
“Lift Me Up” จาก Black Panther: Wakanda Forever (Marvel Studios)
“This is a Life” จาก Everything Everywhere All at Once (A24)
“Ciao Papa” จาก Guillermo del Toro’s Pinocchio (Netflix)
“Til You’re Home” จาก A Man Called Otto (Sony Pictures)
“Naatu Naatu” จาก RRR (Variance Films)
“My Mind & Me” จาก Selena Gomez: My Mind & Me (Apple Original Films)
“Good Afternoon” จาก Spirited (Apple Original Films)
“Applause” จาก Tell It Like a Woman (Samuel Goldwyn Films)
“Stand Up” จาก Till (Orion/United Artists Releasing)
“Hold My Hand” จาก Top Gun: Maverick (Paramount Pictures)
“Dust & Ash” จาก The Voice of Dust and Ash (Matilda Productions)
“Carolina” จาก Where the Crawdads Sing (Sony Pictures)
“New Body Rhumba” จาก White Noise (Netflix)
ส่วนสาขานี้ถือว่าเบอร์ใหญ่ ๆ หลัก ๆ ติดโผเข้ามาพร้อมเพรียงกัน มีทั้ง "เลดี้ กาก้า", "เทย์เลอร์ สวิฟต์", ริฮานนา", "เดรก" และ "เซเลนา กอเมซ" มาประชันกันอยู่ในหมวดนี้ โดยแน่นอนว่าที่โดดเด่นสุด ๆ ก็คือเพลงจาก "RRR" ที่ใคร ๆ ก็อยากจะผลักดันไปให้ไกลถึงขั้นคว้ารางวัลมาครอง
รางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม
All That Breathes (HBO Documentary Films/Sideshow)
All the Beauty and the Bloodshed (Neon)
Bad Axe (IFC Films)
Children of the Mist (CAT&Docs)
Descendant (Netflix)
Fire of Love (National Geographic Documentary Films/Neon)
Hallelujah: Leonard Cohen, a Journey, a Song (Sony Pictures Classics)
Hidden Letters (Cargo Film & Releasing)
A House Made of Splinters (Madman Entertainment)
The Janes (HBO Documentary Films)
Last Flight Home (MTV Documentary Films)
Moonage Daydream (Neon)
Navalny (CNN/Warner Bros.)
Retrograde (National Geographic Films)
The Territory (National Geographic Documentary)
ถือว่าไล่เรียงติดโผเข้ามาได้เกือบครบทุกตัวเต็งจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น "Hidden Letters" หรือ "Moonage Daydream" มีชื่อพร้อม แต่ที่น่าตกใจก็คือไร้ชื่อของ "Good Night Oppy" หนังสารคดีสำรวจจักรวาลที่ได้คะแนนคำวิจารณ์ค่อนข้างดี รวมทั้งสารคดีของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ อย่าง "Sr." ก็ไม่มีชื่อติดโผเข้ามาในสาขานี้เลย
รางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front (จาก เยอรมัน)
Argentina, 1985 (จาก อาร์เจนตินา)
Bardo, False Chronicle of a Handful of Truths (จาก เม็กซิโก)
Cairo Conspiracy (จาก สวีเดน)
The Blue Caftan (จาก โมรอกโก)
Close (จาก เบลเยี่ยม)
Corsage (จาก ออสเตรีย)
Decision to Leave (จาก เกาหลีใต้)
EO (จาก โปแลนด์)
Holy Spider (จาก เดนมาร์ก)
Joyland (จาก ปากีสถาน)
Last Film Show (จาก อินเดีย)
The Quiet Girl (จาก ไอร์แลนด์)
Return to Seoul (จาก กัมพูชา)
Saint Omer (จาก ฝรั่งเศส)
สาขานี้เรียกได้ว่าติดลิสต์แทบจะครบทุกตัวเต็งแบบไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรเลย "Close", "Decision to Leave" หรือ "Argentina, 1985" ต่างโดดเด่นและน่าจะนอนมาในสาขานี้ มีเพียงหนังจากยูเครน "Klondike" ที่น่าเสียดาย ไม่สามารถฝ่าด่านผ่านเข้ารอบนี้มาได้
รางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม
“Black Slide”
“The Boy, the Mole, the Fox and the Horse”
“The Debutante”
“The Flying Sailor”
“The Garbage Man”
“Ice Merchants”
“It’s Nice in Here”
“More than I Want to Remember”
“My Year of Dicks”
“New Moon”
“An Ostrich Told Me the World Is Fake and I Think I Believe It”
“Passenger”
“Save Ralph”
“Sierra”
“Steakhouse”
รางวัลภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม
“American Justice on Trial: People v. Newton”
“Anastasia”
“Angola Do You Hear Us? Voices from a Plantation Prison”
“As Far as They Can Run”
“The Elephant Whisperers”
“The Flagmakers”
“Happiness Is £4 Million”
“Haulout”
“Holding Moses”
“How Do You Measure a Year?”
“The Martha Mitchell Effect”
“Nuisance Bear”
“Shut Up and Paint”
“Stranger at the Gate”
“38 at the Garden”
รางวัลภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม
“All in Favor”
“Almost Home”
“An Irish Goodbye”
“Ivalu”
“Le Pupille”
“The Lone Wolf”
“Nakam”
“Night Ride”
“Plastic Killer”
“The Red Suitcase”
“The Right Words”
“Sideral”
“The Treatment”
“Tula”
“Warsha”
ทั้งนี้ งานประกาศผลรางวัลออสการ์ 2023 จะทำเปิดเผยรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลรอบสุดท้าย ทั้ง 23 สาขารางวัล ในวันที่ 24 มกราคมนี้ เพื่อให้เหล่าคณะกรรมการและสมาชิกได้ทำการโหวตลงคะแนน ก่อนจะประกาศผลบนเวที ณ ดอลบี้ เธียเตอร์ ในวันที่ 12 มีนาคม 2023 หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 13 มีนาคม ตามเวลาในประเทศไทย และแน่นอนว่า ทรูวิชั้นส์ ถ่ายทอดสดงานรางวัลยิ่งใหญ่ครั้งนี้อีกเช่นเคย
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa