Series Full ReviewLife : ค่าชีวิตจรรยาบรรณแพทย์ปะทะเหลี่ยมกลธุรกิจ และมโนธรรมในใจเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่มาของการดูซีรีส์เรื่องนี้คือมีท่านผู้อ่านแนะนำมา ในคำแนะนำนั้นระบุชัดมาว่านี่คืองานที่สร้างจากผลงานของอีซูยอนคนเขียนบท Stranger (2017) ซึ่งจัดว่าเป็นงานด้านการเขียนบทที่ไร้ที่ติเรื่องหนึ่งเท่าที่ดูมาได้อย่างไม่เขินอาย และเป็นซีรีส์อันดับต้นๆในดวงใจดูไปบ่นไปในแนวหนักสมองประลองการคาดเดา ด้วยบทที่เริ่มจากชิ้นส่วนหนึ่งชิ้นแล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและค่อยๆปะติดปะต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันจนเป็นรูปเป็นร่างอย่างน่าทึ่งด้วยความแข็งแรง และเมื่อนี่คืองานชิ้นต่อมาของคนเขียนบทคนเดียวกันจึงคาดหวังความเข้มข้นในระดับใกล้เคียงกัน จนเมื่อดูไปสักระยะเรากลับพบว่านี่อาจไม่ใช่งานแนวเดียวกันแต่ก็มีความคล้ายกัน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการเดินเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไปผ่านการเชือดเฉือนและปะทะกันระหว่างหมอกับผู้บริหารนั้นดูดีมีพัฒนาการ มีอัตราความน่าติดตามในระดับที่ต้องดูให้รู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร Lifeเรื่องย่อในวันที่วุ่นวาย เยจินอู (อีดงอุค) หมอหนุ่มแห่งศูนย์พยาบาลฉุกเฉินในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซังกุกได้รับคนไข้ฉุกเฉินสำคัญคือผู้อำนวยการโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางผู้อำนวยการได้เสียชีวิตก่อนที่จะมาถึงอย่างน่าสงสัย ในใจของหมอเยจินอูชี้ไปที่ของรองผู้อำนวยการคิมแทซัง (มุนซองกึน) เพราะคือคนที่จะได้ประโยชน์เพียงหนึ่งเดียวจากการเสียชีวิตของผู้อำนวยการ แต่การมาถึงของประธานบริหารโรงพยาบาลคนใหม่คือกูซึงฮโย (โจซึงอู) ที่เป็นนักธุรกิจเต็มที่มีและแนวคิดเน้นทางแสวงหาผลกำไรเชิงธุรกิจ แต่ที่นี่คือโรงพยาบาลที่เป็นที่พึ่งของคนไข้แต่การเข้ามาก็คือการเปลี่ยนแปลงในโรงพยาบาลในระดับโครงสร้างสำคัญที่ส่งผลกระทบกับหลายฝ่าย เหล่าแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลจึงจับมือกันรวมถึงรองผู้อำนวยการเพื่อแข็งขืน และพยายามต่อต้านกับอำนาจทางธุรกิจที่จะมามีบทบาทกับการรักษาพยาบาลที่เป็นเรื่องสาธารณะและจรรยาบรรณเรื่องราวยิ่งยุ่งหนักเมื่อประธานกูคือคนที่ประธานใหญ่ของฮวาจองกรุ๊ปที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลตั้งมาเอง และประธานกูก็มีฝีมือในเชิงบริหารที่เป็นที่ยอมรับและทำงานได้อย่างละเอียดปิดช่องโหว่ไว้หมดแต่ทางฝั่งของคณะแพทย์ที่เหมือนไม่มีความเป็นเอกภาพก็มีเยจินอูเป็นหัวหอก และการตอบโต้กันระหว่างจรรยาบรรณแพทย์กับผลกำไรเชิงธุรกิจก็เริ่มขึ้นแต่ส่วนใหญ่ฝั่งประธานกูจะเหลื่อมกว่า จนถึงที่สุดเมื่อเรื่องราวลุกลามใหญ่โตเกี่ยวกับชื่อเสียงของโรงพยาบาลและแรงกระแทกนั้นจะสะท้อนกลับมาทำร้ายโรงพยาบาลอย่างหนัก มโนธรรมในใจของมนุษย์เท่านั้นที่จะกอบกู้และต่อรองกับอำนาจบริหารเพื่อรักษาความเป็นโรงพยาบาลเพื่อประชาชนให้อยู่ต่อไป และสุดท้ายแม้เรื่องราวอาจจะลงเอยแบบไม่สาแก่ใจนักแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไม่เป็นนิยาย และต้องยอมรับว่าแม้จะไม่เร่งเร้ามากมายแต่ก็เลิกดูไม่ได้บทที่แน่นหนาและท้าทายแม้จะเป็นแนวการแพทย์แต่มีความเชือดเฉือนกับเรื่องจรรยาบรรณและธุรกิจสำหรับความคิดส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่างานชิ้นก่อนหน้าอย่าง Stranger (ซีซันแรก) คือการรังสรรค์บทละครที่แข็งแรงแน่นหนาและสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ งานชิ้นต่อมากับเรื่องนี้ดูคลายกับว่าคนเขียนบทอีซูยอนจะพยายามผ่อนคลายลงด้วยการไม่ขมวดปมแน่นตั้งแต่ต้น อาจเพราะนี่คือเรื่องราวของจรรยาบรรณและมโนธรรมในใจมนุษย์ที่เล่นกันที่จิตไต้สำนึกของมนุษย์ หรือจะพูดอีกอย่างคือนี่คือเรื่องที่เป็นการต่อสู้กันระห่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติการแต่มีปัจจัยเรื่องของมโนธรรมและจิตสำนึกของมนุษย์มาเป็นตัวแปร แต่ฝ่ายปฏิบัติการนั้นคือการเล่าเรื่องราวของเหล่าแพทย์ผู้ทำงานหนักเพื่อรักษาชีวิตคนซึ่งมันเป็นเรื่องที่แคบกว่าเป็นปัจเจกกว่า ผลกระทบโดยตรงน้อยกว่าแม้จะเป็นวงกว้างกว่าแต่ก็เป็นในทางอ้อม ดังนั้นการเขียนบทจึงจุดประกายเรื่องของการทุจริตในโรงพยาบาลกับจรรยาบรรณแพทย์ที่ถูกหลงลืมแล้วค่อยมาว่ากันที่การมาถึงของคำว่าธุรกิจที่เข้ามารุกรานพื้นที่ที่เคยเป็นของแพทย์และพยาบาล เมื่อผู้บริหารไม่ใช่แพทย์แต่เป็นนักบริหารความเข้มข้นของบทจึงค่อยๆทวีขึ้นตามจำนวนตอนเมื่อเริ่มเกิดการปะทะกันและเรื่องราวเงื่อนปมที่ได้ตั้งไว้เริ่มเกี่ยวเนื่องกัน และสิ่งที่กลมกลืนมากคือการสอดแทรกเรื่องราวของการช่วงชิงอำนาจในโรงพยาบาลของระดับอาจารย์หมอที่ใส่มาอย่างลงตัวไม่เด่นกว่าประเด็นหลักแต่ก็ไม่ด้อยจนมองไม่เห็น ซึ่งความดีงามคือบทเลือกที่จะเสนอในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกในใจมนุษย์ทั้งความรู้สึกผิดความเจ็บปวดรวมถึงความรัก ซึ่งในที่นี้ที่ชัดคือความรักและความผูกพันของพี่กับน้องที่เด่นแต่ก็ไม่ล้นจนเกินงาม ส่วนความรักที่ก่อตัวระหว่างหนุ่มสาวก็เป็นเรื่องที่เสมือนจริง อาจไม่โรแมนติกเพราะเป็นเรื่องของคนที่ทำงานหนักจนเกือบไม่มีเวลาแต่รู้สึกว่าจริงและรู้สึกดีกับคนคนนั้นเช่นเดียวกับที่ตัวละครเป็น ซึ่งโดยรวมทั้งหมดบทเก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ดไม่มีประเด็นไหนหลุดหรือถูกละเลยทิ้งไว้ การจบด้วยบทสรุปอย่างที่เป็นก็ลงตัวดีและดูเป็นเรื่องจริงแท้บนโลกไม่ใช่ออกมาจากนวนิยาย เพียงแต่ถ้าจะมีจุดที่น่าจะดีได้กว่านี้คือการที่บทซื่อตรงเกินไปไม่มีเม้มหรือหมกเม็ดไว้ให้คิดต่อหรือคาดเดา อาจมีชี้นำบ้างและมันก็ทำให้คนดูรู้อยู่แก่ใจว่าบทสรุปจะต้องออกมาหน้านี้และก็ไม่เหนือความคาดหมาย เพียงแต่ถ้าเป็นคนดูที่ต้องการอะไรมากกว่านี้หรือเคยเจออะไรที่แรงกกว่านี้อาจจะไม่สาสมใจเท่านั้นเองความเป็นมนุษย์และมโนธรรมคือตัวแปรในทุกเรื่องของโลกด้วยความที่เป็นซีรีส์ทางการแพทย์ที่เรื่องราวเกิดขึ้นในโรงพยาบาลที่มีความต่างไปคือการเล่าเรื่องของหมอและพยาบาลที่ต้องสู้กับนโยบายของผู้บริหาร สิ่งหนึ่งที่คนดูมักหวาดหวั่นคือเรื่องเชิงเทคนิคคำศัพท์ภาษาทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคต่างๆ แต่กับเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นนั้นมากเท่าไหร่คือมีบ้างแต่ไม่ได้ส่งผลกับเรื่องราวในภาพรวม เพราะความที่บทเลือกที่เน้นเรื่องของตัวบุคคลไม่ค่อยเน้นการรักษาโรคบทจึงไม่ได้อ้างอิงถึงเรื่องเชิงเทคนิคมากนัก ทำให้ทุกคนล้วนแต่มีความเป็นคน ผิดบ้างถูกบ้าง ดีบ้างร้ายบ้างอย่างตัวเอกอย่างเยจินอูเองเป็นหมอหนุ่มผู้ซื่อตรงและยึดมั่นในจรรยาบรรณ ความชื่อตรงนั้นทำให้เขาเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอสู้ทุกเม็ดแบบหัวชนฝา เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดและทำแต่แม้ความเป็นเยจินอูแบบนี้ก็ยังเป็นเยจินอูที่มีเนื้อมีหนังมีชีวิตมีวิญญาณและการกระทำบางประการก็หมิ่นเหม่กับคำว่าผิดหรือถูกเขามีน้องพิการให้ดูแลแต่ตัวน้องเองก็ไม่อยากพึ่งพาพี่เพราะดูแลตัวเองได้ แต่ความเป็นพี่ที่คิดเสมอว่าต้องดูแลน้องแม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้กันเพราะหน้าที่การงาน ความเป็นเยจินอูที่รั้นแต่ก็เป็นมนุษย์ที่โกรธและรักเป็น ด้านประธานกูนั้นเริ่มแรกอาจดูเหมือนชืดชาไร้หัวใจและมองแค่ตัวเลขผลประกอบการ แต่เบื้องลึกภายในจิตใจยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดีแต่การรับหน้าที่บริหารองค์กรทางการแพทย์ที่เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทำให้เป็นอย่างที่เห็นหรือไม่ เมื่อเขารับหน้าที่มาบริหารแล้ววิธีและแนวทางที่เป็นแบบเขาคือสิ่งที่ประธานกูเชื่อมั่นและบริหารงานมาอย่างได้ผลมาแล้วจากการทำงานบริษัทขนส่ง แต่มันอาจใช้ไม่ได้กับการบริหารโรงพยาบาลเพราะโรงพยาบาลก็ไม่ต่างจากสถานที่สาธารณะเป็นที่พึ่งสำหรับทุกคนแต่อย่างน้อยการเข้ามาบริหารโรงพยาบาลของประธานกูก็ได้สร้างบทเรียนให้กับเขาเองเมื่อเขาได้เจอกับคนที่ละลายหัวใจที่ชืดชา เพราะคนอย่างประธานกูยังไงก็ยังเป็นมนุษย์และหัวใจ ความเป็นมนุษย์ก็ต้องมีสักครั้งที่ต้องเจอกับความรักและความรักนั่นเองที่กระตุ้นมโนธรรมในใจประธานกูจนเขากลายเป็นตัวพลิกเกมในท้ายที่สุด และแม้หลักใหญ่จะเป็นการเชือดเฉือนเหลี่ยมคมกันระหว่างเยจินอูกับประธานกูซึงฮโย แต่เรื่องราวระหว่างทางและบุคคลรอบข้างคือส่วนสร้างน้ำหนักให้กับตัวเรื่องค่อยๆทวีความเข้มข้นจนกระทั่งปิดท้ายอย่างสมบูรณ์การแสดงที่บทสมทบจัดจ้านที่ส่งเสริมตัวละครหลักด้วยความแข็งแรงของบทที่แน่นตัวละครมากมายที่รายล้อมผู้เล่นหลักของทั้งสองคนสองฝ่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือตัวละครสมทบทุกคนมีส่วนสำคัญกับตัวเรื่องและเป็นฟันเฟืองที่ช่วยให้ตัวเรื่องเดินหน้าได้อย่างมีพลัง ทุกคนล้วนเป็นกุญแจในประเด็นที่อาจจะเริ่มต้นที่เป็นเรื่องของตัวเองแต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องของแต่ละคนก็มาเกี่ยวพันกัน และที่น่าทึ่งคือนักแสดงสมทบเหล่านี้ล้วนให้การแสดงที่น่าจดจำทั้งวอนจินอา,อีคยูฮยอง,ยูแจมยอง,มุนโซรี หรือยอมฮเยรัน เป็นต้น และการที่นักแสดงสมทบจัดจ้านขนาดนี้สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือตัวเอกที่บทตั้งใจชูให้เด่นของอีดงอุคกลายเป็นตัวละครที่แม้ดูดีมีมิติเชิงลึกมีเสน่ห์และเขาเองก็แสดงได้ดีจนต้องปรบมือให้ แต่ความจัดจ้านของนักแสดงสมทบทั้งหลายที่รายล้อมเขานั้นจัดจ้านเกินไปจนทำให้รัศมีพระเอกถูกบดบังเป็นระยะและที่เห็นได้ชัดเลยที่ถูกโจซึงอูที่ความจริงตามบทแล้วเป็นตัวรองที่หมิ่นๆจะเป็นตัวร้ายขโมยซีนไปบ่อยๆอย่างช่วยไม่ได้ และสำหรับโจซึงอูแม้เสน่ห์ส่วนตัวไม่จัดจ้านเท่ารูปปั้นกรีกของอีดงอุคแต่การแสดงของเขานั้นจัดจ้านมาก แรกๆอาจดูเหมือนเป็นคนไร้หัวใจแต่เอาจริงคนดูก็สัมผัสได้แล้วในบางมุมที่มีความเป็นมนุษย์ในตัวละครกูซึงฮโย ซึ่งถ้าโจซึงอูแสดงไม่ได้ในระดับนี้การที่เขากลายเป็นตัวพลิกเกมในตอนท้ายจะขาดความน่าเชื่อถือและดึงระดับความสมเหตุผลในตอนจบให้ด้อยลงลง ง่ายๆคือแม้ตัวและพฤติกรรมของประธานกูจะน่าชิงชังไปบ้างแต่คนดูก็พร้อมที่จะเข้าใจเขาว่ามันคือหน้าที่ และมีผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่เอาใจช่วยประธานกูของโจซึงอูไปแต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เหนือการคาดหมายเพราะแม้บทเยจินอูจะเป็นตัวเอกหรือเป็นเสาหลักแต่คล้ายกับบทมันถูกเปิดหน้าออกมาหมด แต่ถ้าว่ากันถึงเรื่องความลึกลับความน่าสงสัย บทประธานกูซึงฮโยดูมีอะไรให้ผู้ชมกังขาหรือตั้งคำถามกระทั่งสงสัยและขมวดคิ้วได้มากกว่าหรือเอาตามภาษาวัยรุ่นข้างบานคือแสบกว่านั่นเอง นอกจากได้การแสดงระดับเยี่ยมบนบทที่เยี่ยมพอกันแล้วดนตรีประกอบยังปลุกเร้าในทุกอารมณ์ ทำให้เรื่องราวการฟาดฟันกันระหว่างจรรยาบรรณกับผลประโยชน์เรื่องนี้ดูสนุกและถึงฟอร์ม แม้จะไม่เข้มข้นตั้งแต่นาทีแรกแต่ก็ตัดใจจากไปไม่ได้เช่นกันถ้ามองภาพรวมนี่คืออีกหนึ่งซีรีส์ที่หาที่ติไม่เจอ และเป็นซีรีส์ที่มีความเป็นผู้เป็นคนมีความเป็นมนุษย์มากเรื่องหนึ่ง แม้เรื่องราวจะเล่ากันที่เรื่องของแพทย์และผู้บริหารระดับสูงที่ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเอื้อมไม่ถึงสัมผัสไม่ได้ แต่การนำเสนอก็ออกมาธรรมดาจับต้องได้ด้วยความฉลาดของคนเขียนบทที่เลือกจะลงลึกเข้าไปในความเป็นมนุษย์ของทุกตัวละครที่เอาตามจริงไม่มีตัวละครคนไหนที่ดีไปทั้งหมดต่างคนก็ต่างมีแผลหรือเทาพอกันแค่ใครจะจัดการเรื่องเหล่านั้นได้เท่านั้น ความเป็นมนุษย์อีกอย่างคือการใส่เรื่องการชิงอำนาจชิงดีชิงเด่นภายในของเหล่าหมอที่แม้จะดูเหมือนไม่ใส่ใจเต็มไปด้วยความล้าทั้งกายใจจากงานที่หนักแต่ลึกๆนั้นก็ไม่มีใครปฏิเสธลง อีกเรื่องคือการเลือกเล่าเรื่องของการเป็นน้ำกับน้ำมันของกิจการสาธารณะกับผลกำไร จรรยาบรรณกับหลักการบริหาร แต่สิ่งที่แฝงให้คิดข้างหลังนั้นแยบยลที่แม้จะดูแผ่วเบาแต่ก็มีผลต่อเรื่องและอารมณ์จึงจัดได้ว่านี่คืองานชั้นดีอีกเรื่องที่อาจจะไม่เข้มข้นฉูดฉาดในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปทีละน้อยจำนวนตอนล่วงผ่านไปเรื่อยๆปมประเด็นเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันทีละนิด ความคาบเกี่ยวกันเริ่มเห็นชัดคนดูก็จะปล่อยวางไม่ได้จนไปถึงจุดเดือดตอนสุดท้าย แถมด้วยประเด็นที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงเหล่าหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลต้องทำงานหนักเป็นกิจวัตรจนเหมือนอยู่ในเซฟโซนมาตลอด แต่เมื่อมีนักธุรกิจที่เก่งกาจเขามาเพื่อเปลี่ยนแปลงมันคือเรื่องผิดปกติสำหรับพวกเขาจึงกลายเป็นความยากแต่ก็อยู่ที่การฝังรากหยั่งลึกของบางอย่างเช่นกัน และถ้าบ่อน้ำยังเหมือนเดิมแล้วคนที่โยนหินลงไปจะเปลี่ยนหรือไม่ สุดท้ายคนดูก็จะตัดสินเองว่าใครกันแน่ที่เปลี่ยนไปและด้วยความสนุกและเชือดเฉือนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บทที่ไม่มีที่ติ การแสดงในระดับที่ต้องคารวะทำให้เป็นงานที่คู่ควรต่อการรับชมเป็นอย่างยิ่งดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 จาก tv.jtbc.joins.com/life หมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไป รวมบทความซีรีส์ทางการแพทย์โดย ดูไปบ่นไปความเห็นหลังชม Doctor-X 7 : หมอซ่าส์พันธุ์เอ๊กซ์ ปี 7 (2021) อาจดูเหมือนเดิมไม่มีอะไรใหม่ แต่ยังสนุกเร้าใจได้อย่างที่หวังรีวิวจัดเต็ม Doctor Prisoner : หมอในเรือนจำ (2019) "การจะปราบปีศาจ อาจต้องขายวิญญานให้ปีศาจที่ร้ายกว่า"รีวิวจัดเต็ม Live Up to Your Name คุณหมอสองภพ (2017) "แฟนตาซีข้ามภพที่ดูสนุกเบาสมอง แต่ดราม่าก็มาเต็มกับการค้นพบตนเอง"รีวิวจัดเต็ม Doctor John หมอหัตถ์เทวดา (2019) เข้มข้นในการตั้งคำถาม ฉลาดในการสร้างทางแยกในใจคนดูรีวิวจัดเต็ม Hospital Playlist เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (2020) "ละมุนอบอุ่นใจ กับมุมใหม่ของซีรีส์การแพทย์ ที่งดงาม เชิดชู และเป็นมนุษย์"รีวิวจัดเต็ม Hospital Playlist 2 เพลย์ลิสต์ชุดกาวน์ (2021) "เพลย์ลิตส์แห่งสัจธรรมชีวิตที่กระจ่างใส ที่ในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดี"*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565