Series Full Review : Twenty Five Twenty One : ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ดความรัก ความฝัน แรงบันดาลใจ ผ่านยุคสมัยที่โหดร้ายที่กลืนกินได้ทุกสิ่ง กับความจริงในชีวิตที่อาจไม่ได้ดั่งใจทุกประการNETFLIX : 1 Season 16 Episodes (2022)คำเตือน บทความนี้เผยเนื้อหาสำคัญ ไม่ว่าใครจะว่ายังไงแต่ดูไปบ่นไปตกหลุมรักซีรีส์เกาหลี การติดตามชมมาอย่างต่อเนื่องในเวลาที่อาจไม่นานแต่ปริมาณค่อนข้างเยอะ ก็ได้ตรงหัวใจของผู้เขียนเอาไว้จนดูได้แบบเรื่องต่อเรื่อง ดูทุกวันจนปัจจุบันมองเห็นอะไรมากมายที่เป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีครองใจผู้ชมมากหน้า ยิ่งในยุคสมัยแห่งดิจิทัลที่การซ่องเสพหรือการเข้าถึงงานดีๆง่ายขึ้น ต่างจากยุคสมัยที่ผู้เขียนต้องเข้าร้านเช่าวีดีโอแล้วหอบกับบ้านมาเป็นตั้งๆ บางครั้งสั่งเจ้าของร้านไว้ก็มี แย่งกันดูแทบจะฟาดกบาลกัน มันคือความทรงจำแห่งยุคสมัยที่กลายเป็นแค่ความทรงจำ เพราะการเปลี่ยนแปลงมันคือสัจธรรมและเป็นนิรันดร์ไม่มีใครฝืนมันได้ และแน่นอนไม่มีใครได้ดั่งใจไปทุกสิ่งกับชีวิตที่ได้ผ่านยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลงมานานพอและการผ่านยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงมามากพอก็ได้มอบสิ่งทีมาพร้อมกับความทรงจำทั้งร้ายดีนั่นคือประสบการณ์ชีวิต ซึ่งคือสิ่งที่ทำให้สามารถสัมผัสกับอะไรก็ตามที่เคยได้เห็นและรับรู้ผ่านวันเวลาในอดีตที่มีบ้างบางครั้งรู้สึกดีที่เกิดนาน หรือบางคราก็รู้สึกว่าไม่ควรจะได้ผ่านมันมาเลย และความรู้สึกเหล่านี้ผู้เขียนสามารถสัมผัสได้เป็นรูปธรรมจากซีรีส์เกาหลีที่มักเล่าได้จับหัวใจ เพราะชีวิตมนุษย์ที่ผ่านเวลามาจนผมขาวมากกว่าผมดำ ผ่านอะไรมากมายจนพอรู้ว่าความจริงในชีวิตมนุษย์ไม่มีอะไรที่ไม่ต้องแลก ทุกสิ่งสามารถถูกพรากไปได้เพียงเสี้ยววินาทีที่ตัดสินใจ แน่นอนไม่สามารถได้อะไรดังใจหวังทุกประการ ชีวิตเลยสั่งให้ผู้เขียนเข้าใจในสิ่งที่ซีรีส์เรื่องล่าสุดที่ได้ชมจบลงไปว่า ดีแล้วที่กล้าลงเอยแบบนี้ Twenty Five Twenty Oneเรื่องย่อคราที่ประเทศเกาหลีต้องเผชิญกับวิกฤติ IMF เมื่อปี 1998 นาฮีโด (คิมแทรี)นักกีฬาฟันดาบอดีตดาวรุ่งที่อยู่ในช่วงรอยต่อเพราะเหมือนกำลังหยุดพัฒนา วิกฤตครั้งนี้ได้ส่งผลให้ชมรมฟันดาบของนาฮีโดถูกยุบเพราะขาดงบประมาณ แต่แม้ฝีมือจะหยุดอยู่กับที่แต่สิ่งที่มีในใจของนาฮีโดเสมอคือความรักในกีฬาฟันดาบ และจากการพบกันของนาฮีโดกับแพคอีจิน (นัมจูฮยอก)เด็กหนุ่มส่งหนังสือพิมพ์ที่ครอบครัวแหลกสลายเพราะล้มละลายจากวิกฤติทางการเงิน การพบกันของคนทั้งสองจึงเหมือนกับจุดประกายให้นาฮีโดพยายามหาทางตามความรักของตนเองด้วยการย้ายโรงเรียนเพื่อไปอยู่ชมรมฟันดาบ และที่นั่นมีแรงบันดาลใจของนาฮีโดอยู่คือนักกีฬาฟันดาบมือหนึ่งโกยูริม (โบนา)ที่เหมือนเป็นจุดหมายของหัวใจนาฮีโดที่ฝันถูกพรากไปโดยยุคสมัยจนเมื่อเข้ามาอยู่ในโรงเรียนใหม่และได้รู้จักกับจีซึงวาน (อีจูมยอง)หัวหน้าห้องและนักเรียนอันดับหนึ่งของโรงเรียน ที่เป็นคู่หูกับมุนจีอุง (ชเวฮยอนอุค)เด็กหนุ่มที่แอบชอบโกยูริม ด้วยเหตุนี้ความสัมพันธ์ของนาฮีโดกับเพื่อนใหม่สองคนจึงเริ่มด้วยการที่มุนจีอุงใช้นาฮีโดเป็นสะพานไปหาโกยูริมที่เป็นเพื่อนในชมรมฟันดาบ แต่เรื่องกลับตาลปัตรเมื่อโกยูริมคือนักกีฬามือหนึ่งที่มีชื่อเสียง การมาของนาฮีโดที่ยึดเอาโกยูริมเป็นแรงบันดาลใจเรื่องมาจึงพาทั้งสองคนมีที่จุดแตกหัก เพราะหนึ่งคือคนที่อยู่จุดสูงสุดกับอีกหนึ่งคือตัวป่วนที่ทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตา แต่นั่นเป็นเพราะพื้นฐานในความรักกีฬาฟันดาบต่างกัน ในที่สุดทุกอย่างต้องตัดสินกันที่การซ้อมแข่ง นาฮีโดที่มองโกยูริมด้วยสายตาชื่นชมเสมอมากลายเป็นฝ่ายชนะ และนั้นยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของนาฮีโดกับโกยูริมยิ่งตึงจวบจนแพคอีจินได้เข้าทำงานในสถานีโทรทัศน์ที่แม่ของนาฮีโดเป็นผู้ประกาศข่าว ความสัมพันธ์ของนาฮีโด,จีซึงวาน,มุนจีอุง และโกยูริมก็พัฒนาโดยเฉพาะกับนาฮีโดและโกยูริมที่ไม่ว่าจะไม่ชอบกันยังไงก็ต้องพบกันเพราะมีเพื่อนร่วมกันและมีคนรู้จักร่วมกันคือแพคอีจิน ความสัมพันธ์ผ่านมิตรภาพก็ค่อยๆละลายความรู้สึกของสองคู่แข่งเชิงกีฬา และเมื่อแพคอีจินได้มาร่วมกลุ่มกับเด็กทั้งสี่ก็เหมือนกับแพคอีจินได้หลงลืมความทุกข์ยากในชีวิตเพื่อมีชีวิตต่อไปโดยเฉพาะกับการได้พบได้พูดคุยกับนาฮีโด ถึงที่สุดความจริงที่ซ่อนเร้นของนาฮีโดและโกยูริมได้เปิดเผยผ่านแพคอีจิน ทุกอย่างที่เก็บไว้ข้างในของสองนักกีฬาฟันดาบชั้นยอดก็พรั่งพรูออกมาพร้อมละลายกำแพงน้ำแข็ง เมือถึงจุดนี้นาฮีโดและโกยูริมก็แสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจที่รุนแรงอาจไม่ได้มาจากการแข่งขันเสมอไป แต่มันสามารถเกิดขึ้นได้จากมิตรภาพ ความรัก และกำลังใจสุดท้ายความรักก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของแพคอีจินและนาฮีโดที่ได้เล่าผ่านการอ่านไดอารี่ของแม่ของคิมมินแช (ชเวมอยงบิน) ลุกสาวนาฮีโดที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องแรงจูงใจในการเต้นบัลเลต์ แต่ความรักในวันรุ่นของคนรุ่นแม่ในยุคอะนาล็อกกลับโดนใจคนรุ่นลูกในยุคดิจิทัล และคิมมินแชก็ตื่นเต้นไปกับความรักที่ผลิบานของแพคอีจินกับนาฮีโดรวมถึงมุนจีอุงกับโกยูริม และสิ่งที่แฝงอยู่ในนั้นคือเรื่องของมิตรภาพและแรงจูงใจผ่านความงดงามของมิตรภาพมากกว่าการเป็นคู่แข่งที่ทำให้คิมมินแชลุกขึ้นได้อีกครั้ง แม้ว่าท้ายที่สุดโชคชะตาจะยังทำให้คนสองคนที่รักกันยังต้องมาแข่งขันกันแต่นั่นคือเกียร์ติของนักกีฬาระดับสูง และแน่นอนความรักที่มีอุปสรรคเพราะคนข่าวกับนักกีฬามีเข็มนาฬิกาชีวิตที่ต่างกัน และเมื่อชีวิตคือชีวิตไม่ใช่นิยาย บทสุดท้ายอาจไม่ได้ดังใจหวังแต่ก็มองเห็นผลของเหตุจากการตัดสินใจเพียงแค่วินาทีที่จะบิดคำพูดให้ไม่ตรงกับใจบทที่แพรวพราวร้ายกาจ สร้างความผูกพันจนคนดูรัก หัวใจจึงถูกมัด รู้สึกร่วมและคาดหวัง ก่อนจะเปิดปลายแบบหักหาญนี่คือมิติใหม่ของการเขียนบทละครโดยไม่ต้องสงสัย เพราะการหยิบเอาชิ้นส่วนทุกอย่างในยุคสมัยที่ผ่านไป ทั้งเหตุการณ์หรือประเด็นทางสังคมที่ผ่านไปตามยุคสมัย รวมถึงประเด็นมากมายที่แม้เวลาผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ซึ่งถ้าว่ากันที่อารมณ์บทฉลาดในการสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูด้วยความผูกพัน ด้วยการวางตัวละครให้อยู่ในวัยที่กำลังเปล่งประกาย เป็นช่วงวัยที่กำลังเปลี่ยนผ่านแต่ต้องมารับสภาพทางสังคมผ่านยุคสมัยโดยที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ตามมาคือความสงสารเห็นใจแล้วเล่าผ่านการพยายามใช้ชีวิตเพื่อตามความฝันของนาฮีโดในช่วงแกรกเพื่อก้าวไปสู่พัฒนาการทางมิตรภาพและความรักที่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าไม่มีความเร่งรีบ คือเล่าให้ซึมเข้าไปในหัวใจคนดูและมันนำมาซึ่งความผูกพัน คนดูจึงเชื่อในความสนิทของเด็กกลุ่มนี้แล้วเมื่อคนดูเชื่อ หัวใจคนดูจึงเหมือนถูกผูกมัดด้วยความเชื่อนั้น เพราะทุกอย่างมีพัฒนาการที่ชัดที่ตาได้เห็นและใจได้สัมผัส โดยเฉพาะมุมของความรักที่ก่อเกิดระหว่างแพคอีจินและนาฮีโด ความรู้สึกร่วมจึงมาเต็มที่เพราะมิติที่บทวางไว้อย่างแยบยล หนึ่งคือความเป็นช่วงวัยที่รู้สึกว่าโลกเป็นความสว่างใสจนอาจเป็นสีชมพู ซึ่งจุดนี้จะเจาะใจคนรุ่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง อีกหนึ่งคือเรื่องแห่งยุคสมัย ชื้นส่วนของความทรงจำ ที่คนรุ่นผู้เขียนนี่ล่ะที่รู้สึกถวิลหาอดีตกับเทปคาสเซ็ต,เพจเจอร์,ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ, ร้านเช่าหนังสือและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมิตินี้จะพาหัวใจคนรุ่นผู้เขียนให้ล่องลอยกลับไปในวันที่ได้ทำอะไรบ้าๆบอๆที่ไม่ได้ซับซ้อนทางความคิดและแน่นอนคิดถึงรักแรก แล้วเมื่อถูกเล่าผ่านเด็กที่กำลังจะเข้าสู่วันสาวที่อยากรู้เรื่องราวรักในวัยรุ่นของแม่ ความรู้สึกที่หัวใจถูกผูกมัดจึงสร้างความคาดหวังเพราะเอาความรู้สึกไปผูกกับเรื่องผ่านคิมมินแชจากนั้นทุอย่างจึงชี้ทางไปที่นาฮีโดและแพคอีจินโดยมีโกยูริมมาเป็นน้ำหนักถ่วงไว้ให้เป็นเรื่องของชีวิตไม่ใช่นิยาย เมื่อมิติของความสัมพันธ์มันออกมาสองทางคือเรื่องความรักของหนุ่มสาวกับความรักของเพื่อนที่มีฝันร่วมกัน แต่ด้วยความที่หัวใจคนดูไปติดกับคิมมินแชจึงปฏิเสธความคาดหวังไม่ได้ทั้งที่บทก็บอกกลายๆแล้วว่านี่คือเรื่องของชีวิต แต่บทอีกเช่นกันที่เอาความรู้สึกคนดูไปโยนเล่นเมื่อใส่ลูกล่อลูกชนมาให้คนดูเหมือนได้รางวัลบ้างหรือสงสัยบ้าง แต่ที่ต้องปรบมือดังๆคือการสร้างสมดุลให้กับมิติทั้งสองฝั่งได้อย่างยอดเยี่ยมเพราะแม้คนดูจะคาดหวังและรู้สึกไปกับคิมมินแช แต่เรื่องระหว่างนาฮีโดกับโกยูริมก็ค่อยๆเข้ามาเกาะกุมและกัดกินหัวใจคนดูโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาคนดูก็ปฏิเสธน้ำตาที่ไหลมารองรับมิติของนาฮีโดกับโกยูริมไม่ได้ ซึ่งมันคือความแพรวพราวในลูกเล่นที่เล่นกับหัวใจคนดูเมื่อแม้จะโฟกัสกับทางหนึ่งอีกทางหนึ่งก็ไม่ลดพลังลงสุดท้ายเพราะชีวิตคือชีวิตไม่ใช่นิยายทุกสิ่งที่หวังใช่จะได้สมประสงค์ บทจึงเลือกเล่นกับอารมณ์และหัวใจคนดูอย่างแรงด้วยเรื่องโชคชะตาและสิ่งที่ต้องแลก แล้งให้บทสรุปที่หักหาญซึ่งผู้เขียนมองว่ากล้าไม่น้อยที่เขียนบทให้ออกมาเป็นเช่นนี้ แต่ในความกล้าครั้งนี้กลับทำให้ผู้เขียนรู้สึกดีที่ลงเอยแบบนี้เพราะมองเห็นชีวิตจริงของมนุษย์จริงๆที่เวลาเพียงแค่วินาทีสามารถเปลี่ยนโชคชะตา ความรัก หรือชีวิตหลังจากการตัดสินใจได้ ซึ่งในที่นี้จุดเล็กๆแต่สำคัญมันอยู่ที่การเจอกันครั้งสุดท้ายก่อนจากลา เมื่อความไม่กล้าเอ่ยปากในสิ่งที่ตรงกับใจนั่นคือสิ่งที่อยากพูดไม่พูดเพราะชีวิตมีความซับซ้อนต่างจากตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น เมื่อสิ่งที่พูดออกมาไม่ตรงกับใจสุดท้ายมันก็คือโชคชะตาที่เวลาหลังจากนั้นคือการผูกมัดชีวิตตัวเองผ่านความรู้สึกค้างคาที่จะเอ่ยมันออกมา จนมาถึงบทสรุปที่อาจไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่หากมองเข้าไปด้วยความเข้าใจชีวิตจะรู้สึกว่ามันงดงามบทชั้นเยี่ยมส่งการแสดงชั้นยอด การแสดงขันยอดถ่ายทอดเจตนาของบท ถ้าไม่ดีจริงคนดูจะไม่รักปานนี้อีกสิ่งที่เป็นความยอดเยี่ยมบทละครคือการสร้างตัวละครที่คนดูต้องรักทุกคนทุกตัวละคร ทั้งตัวละครแถวหน้าอย่าง แพคอีจิน,นาฮีโด,โกยูริม,จีซึงวานและมุนจีอุง หรือแถวสองอย่างโค้ชยางชานมี (คิมฮเยอึน) แม่ฮีโด (ซอแจฮี) แม่ซึงวาน (โซฮีจอง) แม่ยูริม (เฮอจีนา) คิมมินแช หรือนาฮีโดในวัยผู้ใหญ่ (คิมโซฮยอน) ฯลฯ ซึ่งแม้จะไม่ใช่ตัวละครหลักแต่ก็เป็นมิติเป็นรากฐานที่ทำให้ตัวละครหลักทั้งห้าคนมีความแข็งแรง ด้วยการแสดงที่เหมือนไม่ใช่การแสดงแต่เหมือนกับนี่คือคนธรรมดาที่สามารถเห็นได้ทั่วไป ที่สำคัญต่อให้เป็นบทที่เป็นตัวสมทบเต็มที่แต่ทุกคนในเรื่องก็มีเวลาทองด้วยกันทุกคน เพราะบทเล่าเรื่องประเด็นสังคมที่เป็นเรื่องพื้นฐาน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องครอบครัวที่จะต้องมีแง่มุมใดสักแง่ให้สัมผัสสักทาง และทำให้ผู้ชมรักในความเป็นตัวละครเหล่านี้ทุกคนด้วยเรื่องราวที่ไม่มีตัวร้ายเป็นมนุษย์ แต่ตัวร้ายคือโชคชะตา เวลา และยุคสมัยส่วนนักแสดงแถวแรกนั้นสารภาพว่าไม่รู้จะอวยใครดีเพราะแต่ละคนล้วนเป็นที่รัก สำหรับคิมแทรีกับนัมจูฮยอกนั้นผู้เขียนไม่สงสัยเลยที่ทั้งสองสามารถรับผิดชอบตัวละครอย่างไร้ที่ติ ทุกมิติที่ถ่ายทอดความเป็นนาฮีโดและแพคอีจินนั้นไม่มีอะไรบกพร่อง กลับกันกลับทำให้ผู้ชมเชื่อสนิทในความรักที่มีตั้งแต่แรกแล้วแต่ด้วยสภาวะและสถานะก็ทำให้ต้องพยายามรักษาระยะห่าง พัฒนาการทางความสัมพันธ์ถูกบอกเล่าจนเห็นภาพจากสีหน้าแววตาภาพกายที่เป๊ะ มันคือมาตรฐานของคนทั้งสองที่ต่อให้บทลึกกว่านี้ ซับซ้อนกว่านี้ ยากกว่านี้ยังมองว่าระดับคิมแทรีที่เล่นเรื่องไหนเป็นตัวละครใดก็เป็นได้ตามนั้นไม่เชื่อลองนึกดูบทที่ต่างกันทางมิติข้างในใน Mr.Sunshine หรือกับนัมจูฮยอกที่ซับซ้อนกว่านี้ ลึกกว่านี้มาแล้วใน The Light In Your Eyes จึงทำให้ผู้เขียนที่แม้จะหลงรักตัวละครสองคนนี้แต่ไม่แปลกใจอะไรเพราะนี่คือสองคนที่พิสูจน์ตัวเองมามากพอแล้วแต่ที่ทำให้ต้องทึ่งคืออีกสามคนที่เล่นกับระดับยอดฝีมือได้แบบสมน้ำสมเนื้อไม่ถูกข่มไม่ถูกกลืนหาย แต่กลับมีช่วงเวลาที่สวยงามได้ทั้งสามคนอย่างน่าทึ่ง ทั้งที่เครดิตการแสดงน้อยมากไม่ต่างจากคิมแทรีแต่ต่างกันที่บทที่ได้รับ สารภาพมาเถอะว่าไม่เคยจำทั้งสามคนได้จากบทบาทที่ผ่านมา ต่อให้ไปหาข้อมูลยังนึกไม่ออกว่าเล่นบทไหน แต่ทั้งสามกลับมีพลังดาราฉายออกมาได้ตั้งแต่ปรากฏโฉม ก็ใช่ที่บทละครเรื่องนี้เอื้อให้ทั้งสามได้ปล่อยของเพราะบทไม่ได้วางตัวหรือทิ้งน้ำหนักไปที่คิมแทรีกับนัมจูฮยอกจนเอียง แต่เกลี่ยมาให้ทั้งสามคนได้เป็นที่จดจำเป็นตัวละครที่คนดูรักไม่ต่างกัน และแน่นอนต่อให้บทเอื้อยังไงถ้านักแสดงไม่มีของให้ปล่อยก็ไม่มีทางได้ใจคนดูเบอร์นี้ แต่เมื่อนักแสดงมีของอยู่ในตัว มีเสน่ห์อยู่ในตัวที่เห็นหน้าปุ๊บก็รู้สึกดีด้วย แล้วยังได้บทที่ช่วยส่งตัวละครเหล่านี้ต้องเจอกับอะไรคนดูจะรู้สึกไปด้วยตามนั้นมันจึงยืนยันอย่างแข็งขันว่าบทที่ดีสามารถรีดเร้นศักยภาพนักแสดงที่ดีให้เกิดเป็นงานที่ดีได้ เพราะเรื่องนี้คือการเดินเรื่อด้วยตัวละครแล้วเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆไปเป็นกิ่งก้านสาขา นั่นคือถ้ามองให้ชัดจะเห็นทางแค่ว่าใครคือพ่อของคิมมินแช หรือท้ายที่สุดนาฮีโดจะลงเอยกับแพคอีจินอย่างไรแค่นั้น แต่ความคมคายต่างๆได้ถูกเล่ามาเป็นเรื่องย่อยๆที่ตัวละครทั้งห้าต้องเจอ แล้วให้คนดูเห็นและสัมผัสได้ผ่านอารมณ์ของตัวละครที่ส่งอารมณ์มาให้คนดู ซึ่งด้วยการแสดงระดับนี้ที่ใครปฏิเสธบ้างว่าไม่รู้สึกรักตัวละครทั้งห้า เพราะทั้งห้าคนได้เข้ามานั่งในใจคนดูเรียบร้อย ผ่านการแสดงระดับเยี่ยมที่ถ่ายทอดบทชั้นเยี่ยมให้กลายเป็นงานชั้นเยี่ยมที่งานด้านภาพยังคงสวยและมองเห็นเป็นยุคสมัยปลาย 90 ต่อมาถึง 2000 ผ่านภาพฟุตเตจที่่ใส่เข้ามา และแน่นอนเพลงประกอบที่ยังคงมีมาตรฐานว่าถ้าจะขายเพลงก็น่าจะขายได้สำหรับส่วนตัวผู้เขียนแล้วมองว่าอาจเป็นมิติใหม่ของการเขียนบทละครของเกาหลีไปแล้ว และยืนยันว่าเกาหลีพัฒนาไปไกลสุดกู่เพราะอย่างเรื่องนี้กล้าจัดๆที่เร้ามาเต็มที่ สร้างความสงสัยเต็มที่ ลุ้นเต็มที่ชนิดที่ตอนสุดท้ายนอนดูไม่ได้เพราะลุ้น แต่บทสรุปกลับเลือกที่จะเปิดปลายให้คิดเอาเองส่วนอะไรที่ปูมาทางอารมณ์คนดูก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ซึ่งเมื่อมันหักกันแบบนี้สิ่งที่ตามมาคือข้อถกเถียงซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก แต่ถ้ามองในแง่ของชีวิตที่บางครั้งต้องเข้าใจชีวิตและใช้มากกว่าตาและอารมณ์ในการมอง เพราะความคาดหวังจะสร้างอารมณ์ต้องการเมื่อไม่ได้ตามต้องการก็กลายเป็นความรุ้สึกตกหลุม แต่ถ้ามองด้วยหัวใจด้วยความเข้าใจชีวิตว่าชีวิตมันก็แบบนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่มีอะไรที่ไม่ต้องแลก และไม่มีใครได้ดังใจหวังทุกอย่าง เพราะจุดเปลี่ยนของคนสองคนมัยเห็นกันอยู่ที่ความไม่กล้าเอ่ยปากให้ตรงกับใจตนเองเท่านั้นแต่กระนั้นระหว่างทางที่ผ่านมาละครเรื่องนี้ก็มอบแง่มุมที่งดงาม ตั้งคำถามต่อสังคมหรือความรู้สึกคนดูในฐานะมนุษย์มาแล้วมากมาย ด้วยรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยแต่ละเอียดที่ทำให้คนรักกลายเป็นเพื่อที่ดีต่อกันซึ่งมันต้องเป็นไปตามนั้น แม้จะมีอะไรค้างคาอยู่นานแต่สุดท้ายก็ได้ปลดเปลื้องมันลง เรื่องนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัยมากมาย ทำให้ตลอดสิบหกตอนที่ได้ดูมอบความประทับใจให้ทุกตอน และมีบ่อยครั้งที่สามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้ด้วยเรื่องง่ายๆ เรื่องพื้นๆที่ไม่ใช่การเร่งเร้าอะไร แต่มาจากการที่ทุกเรื่องราวที่เล่ามันเข้าสู่ก้นบึ้งในหัวใจ เพราะเรื่องนี้สามารถสร้างความผูกพันในหัวใจคนดูให้ติดอยู่กับตัวละครแบบค่อยๆเป็นไปโดยไม่รู้ตัว จนเมื่อรู้ตัวก็รักพวกเขาและเธอไปหมดใจแล้ว ถึงขนาดอาจมีใจหายเมื่อเสาร์หน้าจะไม่ได้ดูเรื่องนี้อีกแล้ว และเมื่อละครจบยังคิดถึงทั้งห้าคนอยู่เลยดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 จาก Facebook tvN dramaภาพที่ 11 จาก Facebook Netflixเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !