ภาพโดยผู้เขียน ท่านผู้อ่านเคยได้ยิน อาชีพนักล่าวิญญาณ มาบ้างไหมคะ หลายคนคิดว่ามันเป็นอาชีพที่มีแค่ในละครเท่านั้น แต่ถ้าหากได้ลองอ่านหนังสือคนล่าผี เล่ม 1 นี้แล้ว ท่านผู้อ่านจะรู้ว่ามันมีอาชีพนี้อยู่จริงค่ะ หนังสือเรื่องคนล่าผีนี้ เป็นผลงานการเขียนของ หลี่อี้ฝาน ผู้ที่มีอาชีพเป็นนักล่าผีอยู่ที่ประเทศจีน และมีประสบการณ์ล่าผีมากว่า 14 ปี เรื่องเล่าจากประสบการณ์ของเขาสามารถทุบสถิติวรรณกรรมจีนในโลกออนไลน์ด้วยยอดคลิกอ่านกว่า 200 ล้านครั้ง และต่อมาได้มีการรวบรวมเรื่องเล่าถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือ คนล่าผี เล่ม 1 และ เล่ม 2 ค่ะ ผู้เขียนเองก็เคยได้อ่านเพียงเล่ม 1 เท่านั้น เพราะหนังสือมีเนื้อหาที่เยอะ และเล่มหนามาก กว่าจะอ่านจนจบก็กินเวลานานทีเดียว ตอนนี้กำลังคิดว่าจะตามหาเล่ม 2 อยู่เหมือนกันค่ะ และหนังสือคนล่าผีนี้ แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณศุณิษา เทพธารากุลการค่ะภาพโดยผู้เขียน หลี่อี้ฝาน ได้เข้าสู่วงการนักล่าผีด้วยความบังเอิญ เนื่องจากตอนเป็นวัยรุ่นเขากลายเป็นคนเกเร เร่ร่อนไปเรื่อย ๆ จนได้พบกับชายตาบอดผู้ที่นำพาเขาไปให้รู้จักกับอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาการล่าผีให้แก่เขา แต่วิชาการล่าผีนี้ไม่ได้จะล่าเพื่อนำวิญญาณมาทรมานแต่อย่างใด ในทางกลับกันพวกเขาล่าเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณ และช่วยแก้ปัญหาแก่เจ้าทุกข์ที่มาจ้างให้พวกเขาช่วยอีกด้วย ซึ่งนักล่าวิญญาณอย่างคุณหลี่อี้ฝาน ไม่ได้เปิดเป็นสำนักร่างทรงใด ๆ และไม่ได้แต่งตัวเป็นนักบวช หรือหมอผีนะคะ พวกเขาใช้ชีวิตกันแบบคนธรรมดาทั่วไป และไม่ค่อยเปิดเผยถึงอาชีพของพวกเขามากนัก ส่วนใหญ่คนที่มาว่าจ้าง จะรู้จักกันแบบปากต่อปากเท่านั้นภาพโดยผู้เขียน เรื่องเล่าแต่ละตอนในหนังสือเป็นการบอกเล่าเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ จึงทำให้ผู้คนต้องหันมาว่าจ้างนักล่าผี เพื่อไปช่วยแก้ปัญหา ณ จุดเกิดเหตุนั้น ๆ ดังเช่น ตอนขโมยทาง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนเส้นหลักที่กระทบไปถึงพื้นที่ฝังศพของชาวบ้าน ทำให้เกิดเรื่องราวประหลาดขึ้น คือคนงานมักเดินหลงทางกันเป็นประจำในช่วงกลางคืน ทั้ง ๆ ที่ระยะทางแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งในตอนกลางวันก็เดินผ่านปกติทุกวัน ทำให้คุณหลี่อี้ฝานได้รับการติดต่อให้ไปช่วย เขาเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุแห่งนั้น และเริ่มทำพิธีล่าผีโดยการใช้เชือกแดงมาล้อมรอบบริเวณที่คาดว่าเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณ และใช้ผงธูป รวมถึงเครื่องมืออื่น ๆ ในการทำลายดวงวิญญาณร้ายนี้ และหลังจากนั้นข่าวลือเรื่องการเดินหลงทางก็เงียบหายไป เหล่าคนงานต่างก็รู้สึกสบายใจ หายจากอาการหวาดกลัว ตามที่ผู้อ่าน ได้อ่านมาทั้งหมดพบว่า คนล่าผีไม่จำเป็นต้องมีสัมผัสพิเศษ หรือการมองเห็นวิญญาณเสมอไป แต่เขาจะมีวิธีสังเกตสิ่งต่าง ๆ หาความผิดปกติโดยรอบ บวกกับประสบการณ์ จึงทำให้พวกเขารู้ถึงการเคลื่อนไหวของวิญญาณ การหาวิธีกำหราบ เพื่อให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นได้ไปสู่ภพภูมิที่ควรจะไป และไม่กลับมาทำร้าย หรือหลอกหลอนใครอีก เรื่องราวในหนังสือจึงมีทั้งความสุข ความซึ้ง เศร้า หัวเราะ อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูซีรี่จีนแนวหมอผีที่มีวิธีการปราบแบบไสยเวทย์โบราณ ผนวกเข้ากับยุคไซเบอร์ยังไงยังงั้นเลยค่ะภาพโดยผู้เขียน