เชื่อว่าหลายคนที่รักการอ่านหนังสือจะต้องเริ่มจากการอ่านนิยายอย่างแน่นอน ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น และหนึ่งในนิยายที่ได้อ่านในช่วงแรก ๆ มีหลายเรื่องหลากหลายรสแต่มีอยู่เล่มหนึ่งที่อ่านแล้วค้างคามาก ค้างคามานานก็คือ “ดั่งดวงหฤทัย” นั่นเองที่ว่าค้างคาไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับในห้องสมุดมีแค่เล่มหนึ่งเท่านั้นนิยายเรื่องนี้ทางสำนักพิมพ์จัดพิมพ์แบบสองเล่มจบ อารมณ์ ณ ตอนนั้นหงุดหงิดมากเมื่อสิบปีก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ที่จะสามารถสั่งซื้อออนไลน์หาอ่านได้ง่าย ๆ ซะด้วยสิ จนเมื่อไม่นานมานี้ทางสำนักพิมพ์ได้นำ “ดั่งดวงหฤทัย” มาจัดพิมพ์ใหม่ก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะได้อ่านสิ่งที่ค้างต่อซะทีครับ “ดั่งดวงหฤทัย” ถือว่าเป็น นิยายโรแมนติกเจ้าชายเจ้าหญิงแนวเพ้อฝัน แต่บทประพันธ์ใช้ภาษาที่สวยงามสละสลวย แถมมีบทกลอนหวาน ๆ พระเอกจะเป็นแนวปากแข็งแต่ใจดี และชอบแหย่นางเอกตลอดเวลา มีประโยคเด็ดๆ ไว้หยอดนางเอกเรื่อย ๆ เนื้อเรื่องชวนติดตามจนวางไม่ลง เรื่องเริ่มจากที่เจ้าหญิงมนิสราแห่งทานตะเดินทางไปกาสิกเพื่ออภิเสกสมรสกับเจ้าหลวงรังสิมันต์ด้วยเหตุผลทางการเมืองแต่เจ้าหญิงได้หลบหนีไปขณะเดินทางและได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าชายทุติยธรแห่งพันธุรัฐให้เจ้าหญิงมนิสราพำนักอยู่ที่ป้อมปืนพันธุรัฐ เลยทำให้เจ้าหญิงทรรศิกาผู้เป็นน้องสาวทราบข่าวก็ร้อนใจรีบเดินทางไปพระตำหนักป้อมปืนแต่ระหว่างทางก็ถูกเจ้าหลวงรังสิมันต์ลักพาตัวไปยังกาสิก จนทำให้เกิดความใกล้ชิดระหว่างเจ้าหลวงรังสิมันตร์และเจ้าหญิงทรรศิกาผู้เป็นเชลย เมื่อได้อ่าน “ดั่งดวงหฤทัย” จนจบแล้วสิ่งที่ผู้เขียนชอบมากก็คือภาษาที่ใช้เดินเรื่องนั้นสละสลวยอ่านเพลินแม้ในนิยายจะมีคำราชาศัพท์แทรกอยู่แต่ก็สามารถอ่านได้ไม่ยาก การบรรยายภาพแคว้นต่าง ๆ ที่สมมติขึ้นให้เห็นภาพชัดเจน สำหรับนักอ่านรุ่นใหม่ไม่ควรจะพลาดอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ ในช่วงนี้มีการนำเอาบทประพันธ์ “ดั่งดวงหฤทัย” มาสร้างเป็นละครอยากจะบอกว่าในละคนและหนังสือนิยายนั้นมีจุดที่ไม่ตรงกันค่อนข้างหลายจุดแต่แก่นของเรื่องยังคงเดิม ดังนั้นหากใครอยากจะดื่มด่ำกับบทประพันธ์หวาน ๆ และกลอนเพราะ ๆ ก็ลองหาหนังสือ “ดั่งดวงหฤทัย” มาอ่านดูได้นะครับรูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน