Unbelievable เมื่อกระบวนการยุติธรรม...ทำร้ายเหยื่อ ? เราเห็นข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นในทุก ๆ ประเทศทั่วโลก แม้หลายประเทศพยายามเพิ่มตัวบทกฎหมายหรือมีความพยายามที่จะควบคุมอาชญากรรมดังกล่าวแต่มันก็ไม่เคยหายไปจากโลกใบนี้ ผู้หญิงหลายคนยังคงได้รับผลกระทบจากการถูกข่มขืนหรือการทารุณกรรมทางเพศด้านอื่น ๆ มีทั้งผู้หญิงที่กล้าแจ้งความและผู้หญิงบางส่วนเลือกที่จะเก็บซ่อนบาดแผลจากการถูกทำร้าย เราไม่อาจประเมินได้เลยว่า อาชญากรรมทางเพศที่เกิดขึ้นเกิดกับผู้หญิง หรือคนเพศอื่น ๆ คนไหนมาแล้วบ้าง มีใครหลายคนกำลังซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้ใบหน้าที่เสแสร้งว่าเป็นปรกติดีสำหรับคนภายนอกมาแล้วมากน้อยแค่ไหน เหตุผลนอกจากความอับอายที่เกิดจากการทารุณกรรมทางเพศ ยกตัวอย่างเช่น การข่มขืน ที่ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาแจ้งความแล้ว บางครั้ง กระบวนการสืบสวนสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมก็มีส่วนที่ทำให้เหยื่อหลายคนได้รับความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม ซีรีส์เรื่อง Unbelievable หรือในชื่อภาษาไทยว่า เสียงแห่งความกล้า เล่าถึงเด็กสาวชื่อมารีที่แจ้งความกับตำรวจว่าเธอถูกข่มขืน เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาเก็บหลักฐาน สืบสวนคดีตามกระบวนการพร้อมกับสอบปากคำมารีที่ตกเป็นเหยื่อ เหตุการณ์นี้นำพาให้ชีวิตของมารีได้พบกับเรื่องราวเลวร้ายอีกหลายอย่างจนชีวิตและตัวเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปขอบคุณภาพจาก : https://thespinoff.co.nz/tv/09-10-2019/emily-writes-netflixs-unbelievable-is-a-sadly-believable-story/ สิ่งที่มารีต้องประสบหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เธอถูกข่มขืน ทั้งตำรวจและนักสืบต่างบอกให้เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ระหว่างที่เธอเล่าภาพจะตัดสลับไปมากับเหตุข่มขืนที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเมื่อตำรวจไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่แสดงว่าเคยเกิดเหตุการณ์ตามที่มารีเล่า ปัญหาทุกอย่างจึงพุ่งเป้ามาที่เธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งแม่บุญธรรมที่นำพฤติกรรมของเธอไปบอกเล่ากับตำรวจ ทั้งภูมิหลังของตัวเธอที่ดูจะมีปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรม ด้วยสิ่งที่คอยบีบคั้นรอบตัวของมารี ทำให้สุดท้าย...เธอยอมกลับคำให้การและบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาขอบคุณภาพจาก : https://worldandeverything.org/2019/10/review-unbelievable/ เวลาผ่านไป อีกฟากฝั่งของเมือง นักสืบแคเรนและเกรซร่วมกันสืบสวนคดีข่มขืนที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวอีกคน พวกเธอสืบย้อนไปจนถึงหญิงสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อเมื่อนานมาแล้วที่มีเค้ารูปคดีที่เหมือนกับเหยื่อคนปัจจุบัน ในท้ายที่สุด สองนักสืบก็สามารถหาตัวคนร้ายและได้หลักฐานเป็นภาพของเหยื่อทั้งหมด รวมทั้งมารีด้วยที่พบเป็นเหยื่อในนั้น แม้สุดท้ายมารีจะได้รับเงินเยียวยาแต่มันกลับต้องแลกมาด้วยชีวิตที่สงบสุขของเธอ เด็กสาวคนหนึ่งต้องถูกนินทาว่าร้าย ฟ้องร้อง และต้องได้รับการบำบัดทางด้านอารมณ์ เธอเสียทั้งงาน เสียทั้งเพื่อนและสังคมเพียงเพราะยอมกลับคำให้การในเรื่องที่เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อ สิ่งที่กระบวนการสืบสวนของตำรวจพื้นที่ของมารีไม่ได้ทำกับเธอเหมือนอย่างแคเรนและเกรซคือพวกเขาไม่ได้รับฟังมากพอ ในขณะที่กระบวนการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปแต่อารมณ์ความรู้สึกของเหยื่อกลับค่อย ๆ ดำดิ่งมากขึ้น ทุกครั้งที่มารีเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาเสมือนการกรีดย้ำแผลซ้ำ ๆ จนสุดท้ายเป็นฝ่ายเหยื่อที่ค่อย ๆ ยอมแพ้ต่อความเจ็บปวดไปเอง คดีข่มขืนถูกปิดอย่างรวดเร็วเพราะเหยื่อต้องการกลับไปใช้ชีวิตที่ปรกติดังเดิม และผู้ก่ออาชญากรรมก็ลอยนวลต่อไปขอบคุณภาพจาก : https://images.firstpost.com/wp-content/uploads/2019/09/unbelievable-min.jpg Unbelievable จึงถือเป็นซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริงที่สามารถยกเป็นอุทาหรณ์สำหรับหลาย ๆ คดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเพศและให้กำลังใจเหยื่อจากอาชญากรรมดังกล่าวให้มีความกล้าที่จะเผชิญหน้าทั้งจากผู้ก่ออาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมที่หละหลวม ผู้ชมเหล่านั้นคงจะเข้าใจไม่มากก็น้อยถึงความรู้สึกของเหยื่อที่ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดที่อยู่ภายในและบางครั้งอาจต้องสู้กับเสียงและสายตาของบุคคลภายนอกที่มองมา ซีรีส์เรื่องนี้จึงสะท้อนภาพหลายแง่มุมของทั้งกระบวนการยุติธรรมและบอกเล่าอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ตกเป็นเหยื่อในอาชญากรรมทางเพศ รวมถึงความน่ากลัวของผู้ก่ออาชญากรรมที่อาจเป็นคนใกล้ตัวรวมถึงคนที่เราไว้ใจมาก ๆ ก็สามารถเป็นคนที่ร้ายกับเราที่สุดได้โดยไม่อาจคาดคิดรับชมซีรีส์ได้ทาง Netflix : Unbelievable เสียงแห่งความกล้า