รีเซต

โดนัลด์ ทรัมป์ อ้าง! เขาที่โผล่รับเชิญใน "Home Alone 2" เป็นตัวช่วยทำให้หนังประสบความสำเร็จ

โดนัลด์ ทรัมป์ อ้าง! เขาที่โผล่รับเชิญใน "Home Alone 2" เป็นตัวช่วยทำให้หนังประสบความสำเร็จ
แบไต๋
29 ธันวาคม 2566 ( 19:00 )
124

ถ้านึกถึงเทศกาลคริสต์มาส หนังที่มักจะติดอยู่ในลิสต์หนังดีที่ต้องดูประจำเทศกาลปลายปีแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้น ‘Home Alone’ (1990) หนังคอมมีดี้ครอบครัวสุดแสบที่เล่าเรื่องของหนูน้อย เควิน แมคคาร์ลิซเตอร์ ที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ในบ้านตามลำพัง ซึ่งตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสูง และแจ้งเกิดนักแสดงเด็กอย่าง แม็กเคาเลย์ คัลกิน (Macaulay Culkin) จนโด่งดังเป็นพลุแตก

จนอีก 2 ปีต่อมา เลยต้องรีบสานต่อความสำเร็จด้วยการสร้างภาคต่อออกมาในชื่อ ‘Home Alone 2: Lost in New York’ (1992) ที่เล่นใหญ่กว่าเดิม ด้วยการให้น้องเควินออกมาผจญภัยโดดเดี่ยวกลางกรุงนิวยอร์ก ที่เอาจริง ๆ ภาคนี้ก็ถือว่ายังสร้างความประทับใจได้ไม่แพ้ภาคแรก

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การปรากฏตัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) นักธุรกิจชื่อดังและอดีตประธานาธิบดี ที่เดินมาบอกทางให้เควินในหนังเรื่องนี้เพียงไม่กี่วินาที คือความด่างพร้อยสำหรับผู้ชมหลายคนที่ไม่ชอบทรัมป์ และต่อให้เอาทรัมป์ออกไปจากหนังได้ แต่สุดท้ายฉากล็อบบีโรงแรมฉากนั้นก็กลายเป็นภาพจำของหนังอยู่ดี

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคริสต์มาสหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะล่าสุด ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการรับเชิญไปร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้บน Truth Social แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง พร้อมทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ไปถึง คริส โคลัมบัส (Chris Columbus) ผู้กำกับหนังที่เคยให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่าทรัมป์กลั่นแกล้งรังแก เพื่อให้เขาได้ปรากฏตัวเป็น Cameo ใน ‘Home Alone 2’

“เมื่อ 30 ปีที่แล้ว (เวลาผ่านไปไวมาก!) ผู้กำกับ คริส โคลัมบัส และทีมงาน ขอร้องให้ผมไปปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญใน ‘Home Alone 2’ พวกเขาเช่าโรงแรมพลาซาในนิวยอร์กที่ผมเป็นเจ้าของในตอนนั้น ผมยุ่งมากและไม่ค่อยอยากทำ และพวกเขาก็เป็นคนดีและมุ่งมั่นมาก ผมเลยร่วมด้วย และที่เหลือมันก็กลายเป็นประวัติศาสตร์!”

“ดารารับเชิญเล็ก ๆ คนนั้นพุ่งทะยานราวกับจรวด และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก และยังคงเป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาส มีคนโทรมาหาผมทุกครั้งที่มันออกอากาศ แต่อย่างไรก็ตาม 30 ปีต่อมา โคลัมบัส (ชื่อจริงของเขาคืออะไรนะ ? ) ออกแถลงการณ์ว่าผมรังแกเขาในหนังเรื่องนี้ ไม่มีอะไรจะเกินไปกว่าความจริงที่ว่า แขกรับเชิญนั้นทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ”

“แต่ถ้าพวกเขารู้สึกว่าถูกรังแก หรือไม่อยากได้ผม ทำไมพวกเขาถึงจับผมมาแล้วขังผมไว้ตรงนั้นมานานกว่า 30 ปีกันล่ะ ? เพราะผมก็ยังคงเป็นตัวผม และยังยอดเยี่ยมสำหรับหนังเรื่องนี้ พวกเขาเป็นคนของฮอลลีวูดจากอดีตที่กำลังมองหาการแก้ไขการโปรโมตทรัมป์อย่างรวดเร็วเพื่อตัวเขาเอง!”

เบื้องหลังการปรากฏตัวของทรัมป์ใน ‘Home Alone 2’ นั้นมีที่มาจากการที่โคลัมบัสต้องการจะถ่ายทำฉากล็อบบี ด้วยการไปถ่ายทำในล็อบบีโรงแรมจริง ๆ เพราะไม่สามารถสร้างฉากโรงแรมขึ้นมาใหม่บน Soundstage ได้ เลยจำเป็นต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายในการขอใช้สถานที่ถ่ายทำ ซึ่งนั่นก็คือล็อบบีของโรงแรมพลาซาโฮเทล (Plaza Hotel) ย่านแมนฮัตตัน นิวยอร์ก ที่ทรัมป์เป็นเจ้าของในช่วงปี 1987-1995 ก่อนจะขายกิจการเปลี่ยนมือในภายหลัง

จนกระทั่งโคลัมบัสได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Insider เมื่อปี 2020 ว่า ในที่สุดทรัมป์เองก็ยอมให้ใช้สถานที่ของโรงแรมในการถ่ายทำได้แบบฟรี ๆ แต่มีเงื่อนไขว่า เขาต้องได้ไปปรากฏตัวในหนังด้วย ถ้อยความที่เป็นประเด็นกระตุกหนวดทรัมป์ก็คือ ถ้อยความที่โคลัมบัสเผยว่าทรัมป์มีความพยายามระรานรังแกเขาเพื่อให้ตัวเองได้โผล่หน้าโผล่ตัวบนหน้าจอ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กล่าวประโยคกึ่งบังคับกับเขาว่า วิธีเดียวที่จะได้ถ่ายทำในโรงแรมนี้ก็คือ ต้องยอมให้เขาไปปรากฏตัวในหนังด้วยเท่านั้น จนโคลัมบัสก็ยอมในที่สุด จนเมื่อถึงเวลาการฉาย Screen Test ครั้งแรก แม้จะโผล่มาแค่ไม่กี่วินาที แต่ผู้ชมกลับส่งเสียงฮือฮาในการปรากฏตัวของทรัมป์บนหน้าจอ โคลัมบัสจึงบอกกับมือตัดต่อหนังให้เก็บช็อตนี้เอาไว้

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ทรัมป์ที่กลายมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา ได้กลายมาเป็นตัวแทนของภาพลักษณ์ด้านลบที่มีแต่ชื่อเสีย ตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง ทรัมป์เองโดนวิจารณ์ทั้งในเรื่องของการบริหารประเทศ นโยบาย รวมทั้งแนวคิดเหยียดผิว เหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ ฯลฯ จนทำให้คนที่ไม่ชอบทรัมป์มองว่า การปรากฏตัวของเขาคือจุดด่างพร้อยของหนังเรื่องนี้

ประกอบกับเมื่อปี 2021 หลังจากที่ทรัมป์พ่ายแพ้การสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ให้แก่ โจ ไบเดน (Joe Biden) ทำให้มีกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าประท้วงที่อาคารรัฐสภา ณ กรุงวอชิงตันดีซี เพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี จนเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายและมีผู้เสียชีวิต ในขณะที่ทรัมป์ ที่มีท่าทีไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนในการสนับสนุนและยั่วยุให้มวลชนก่อกบฏ

จากเหตุการณ์นี้ ก็เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวเน็ตออกมาสนับสนุนให้มีการลบภาพของทรัมป์ออกจากหนังเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก มีการเปิดให้ลงชื่อในเว็บไซต์ Change.org เพื่อให้เอาไบเดนไปแทนที่ ชาวเน็ตบางคนทวีตใน X เป็นภาพตัดต่อของทรัมป์ที่แทนที่ด้วยตัวละครจากหนังเรื่องอื่น ๆ และบางคนก็เสนอให้นำคัลกินเวอร์ชันผู้ใหญ่ในปัจจุบัน มาพบกับคัลกินวัยเด็ก ซึ่งคัลกินเองก็ได้ตอบกลับเพื่อสนับสนุนไอเดียนี้ว่า “จัดไป”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพยายามตัดทรัมป์ออกไปจากหนัง เพราะในปี 2019 สถานีโทรทัศน์ CBC ของแคนาดา ได้ตัดฉากที่เควินพบกับทรัมป์ออกไปจากหนังเรื่องนี้ ตอนนำกลับมาฉายอีกครั้งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่ง ชัก ธอมป์สัน (Chuck Thompson) ตัวแทนของสถานีเผยว่า เวอร์ชันนี้ถูกตัดต่อเอาไว้ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว และหนังถูกตัดออกไปหลายฉาก รวมกันทั้งหมด 8 นาที จากหนังต้นฉบับความยาว 120 นาที เพื่อเอาไปเพิ่มเวลาให้กับสล็อตโฆษณาแทน


ที่มา: Variety, The Guardians