Movie ReviewKingdom 2: Far and Away มหาสงครามกู้แผ่นดิน 2 (2022)มหากาพย์ภาคต่อที่มีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นความตื่นเต้นเร้าใจก็มาที่คราวนี้อลังการเล่นใหญ่ตื่นตาตื่นใจสนุกสมใจยิ่งนักสารภาพตามวามสัจจริงว่าผู้เขียนไม่เคยนึกเลยจริงๆว่าจะมาได้ดูได้เห็นงานมหากาพย์สงครามชิงแว่นแคว้นมหาศึกชิงแผ่นดินจากญี่ปุ่น เพราะโดยปกติหนังฟอร์มยักษ์แบบนี้มักจะเคยเห็นมาในงานฮอลลีวู้ดเป็นส่วนใหญ่ หรือใกล้เข้ามาอีกนิดก็แถวๆนี้อย่างจีนที่เล่าเรื่องแบบนี้ได้อลังการและเหมือนเคยชินเพราะเรื่องของประวัติศาสตร์จีนมีหลากหลายแง่มุมให้เอามาเล่า แต่กับหนังญี่ปุ่นนี่นึกไม่ออกจริงๆที่จะเป็นงานระดับมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ส่วนใหญ่จะเห็นงานฟอร์มดีที่อาจเรียกว่าพอประมาณหรืออาจเพราะไม่ค่อยสร้างหนังแบบนี้มาให้ดูก็น่าจะใช่ ยิ่งกับผู้เขียนยิ่งแล้วใหญ่เพราะส่วนใหญ่เลือกดูแต่หนังดราม่าของญี่ปุ่นจนเมื่อมาเจอหนังที่เล่นใหญ่ตื่นตาตื่นใจแบบนี้ก็ค่อนข้างแปลกไจ กระนั้นนี่คือการสร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะขนาดยาวมากที่รายละเอียดเยอะและการสานต่อครั้งนี้หลังจากที่ภาคแรกเริ่มต้นได้อย่างสนุกสมใจกับสงครามชิงบัลลังก์ที่ออกมาเป็นมังงะขึ้นจอระดับยอดเยี่ยม แล้วคราวนี้ก็ถึงเวลาออกสู่โลกภายนอกแล้วจะเดินไปได้ไกลขนาดไหนและหนังจะทำได้ถึงฟอร์มถึงใจยังไงไปว่ากันหลังจากชิงบัลลังก์กลับคืนมาพระราชาเอเซ (เรียว โยชิซาวะ) ที่ประกาศจะรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวแต่ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกหมายหัวจากพวกมือสังหารที่เข้ามาได้ถึงท้องพระโรง จนเมื่อจวนตัวก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพลงดาบของชิน (เคนโต ยามาซากิ) เด็กกำพร้าที่ฝันจะเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้ช่วยกันชิงบัลลังก์แคว้นฉินกลับคืนมา แต่ยังไม่ทันได้ออกสู่โลกภายนอกศึกนอกก็เข้ามาเมื่อแคว้นเว่ยส่งกองทัพจำนวนมากมายเข้ามาประชิดและยึดยุทธภูมิที่ได้เปรียบไป แคว้นฉินที่อยู่ในช่วงเตรียมไพร่พลจึงขาดกำลังพลจึงได้เกณฑ์ประชาชนมาเป็นทหารซึ่งชินก็ไปเริ่มต้นจากตรงนั้น ทว่าพรรคพวกของชินที่อ่อนประสบการณ์ทางการรบจึงไม่ต่างจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟขณะที่กำลงจะถูกบดขยี้ความคิดอันปราดเปรื่องของหนึ่งในพวกของชินคือเคียวไค (นานะ เซอิโนะ) ก็ช่วยไว้ แล้วชินที่ฝีมือดีแต่มุทะลุกับเคียวไคที่เก่งและฉลาดก็ช่วยกันบุกทะลวงขึ้นไปยึดที่มั่นได้ แต่ก็แทบสิ้นหวังเมื่อทหารแคว้นเว่ยมีมากกว่าเหลือคณานับจึงเป็นการต่อสู้กันที่กลยุทธของแม่ทัพแล้วชินจะช่วยได้อย่างไรเหมือนลดความเป็นมังงะลงแต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณที่ตั้งหน้าเล่าเรื่องการศึกโดยไม่มีอะไรมาเป็นตัวถ่วง ในภาคแรกจะเห็นว่าเป็นการใช้วิธีเล่าเรื่องแบบมังงะที่มักจะมีการอธิบายอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านหรือเอาให้ชัดคือไม่ถูกเวลา แต่ภาคแรกคือภาคปูสิ่งที่ยังมีคือมิติตัวละครที่มีพื้นฐานเรื่องของมิตรภาพความฝันและการลุกขึ้นสู้ ส่วนภาคนี้ก็ยังมีแบบนั้นเรื่องของมิตรภาพสหายร่วมรบความฝันที่มีร่วมกับใครสักคนแต่เหมือนลดความเป็นมังงะลงเพราะไม่ลงลึกมาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเน้นการทำศึกที่จะให้คนดูติดตามตัวละครของชินไปสร้างวีรกรรมที่บางครั้งก็คิดว่าเหนือมโนสำนึกไปบ้าง แต่เพราะนั่นคือจิตวิญญาณของมังงะเลยไม่คิดใจอะไรครึ่งค่อนเรื่องจึงเน้นไปที่การสู้รบที่เจาะจงลงไปที่ชิน แล้วมันก็ควรเป็นอย่างนั้นเพราะนี่คือมหากาพย์สงครามหกแคว้นของจีนมันก็ต้องมีฉากรบมาขายและที่น่าชื่นชมคือการเดินหน้าไปหาฉากรบแม่จะไม่ได้ลงรายละเอียดมากมายแต่กลับไม่มีริ้วรอยใดๆ ที่สำคัญเมื่อตัวละครได้ถูกปูมาแล้วเรื่องจุกจิกที่มักจะเป็นตัวถ่วงเลยไม่มีจึงเห็นความชัดเจนที่หนังต้องการเป็นเมื่อมีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นจึงเหมือนเรื่องเดินไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิมความตื่นเต้นเร้าใจจึงมากขึ้นตาม แล้วเมื่อลดความเป็นมังงะลงก็หมายความว่ามีความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นง่ายๆเลยคือเมื่อไม่หยุดเพื่อย้อนไปอธิบายเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มบ่อยๆเรื่องจึงเดินหน้าไปเร็ว เพราะการไม่หยุดแล้วย้อนบ่อยๆทำให้เรื่องลื่นไหลไปอย่างไม่ยั้งสิ่งที่ตามมาคือความตื่นเต้นเร้าใจถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งก็คือหนังดูสนุกขึ้นไม่มีอะไรมาคอยดึงอารมณ์คนดูที่ไม่ชินกับมังงะหรืออนิเมะที่ชั้นเชิงจะต่างไปจากภาพยนตร์ แล้วเมื่อเทียบกับภาคแรกก็ คือเรื่องราวเดินไปข้างหน้ามีพัฒนาการทั้งทางตัวละครและเรื่องที่เล่าแล้วเมื่อเล่าได้ไหลไปเรื่อยๆบนความตื่นเต้นเร้าใจที่มากขึ้นเพราะเล่นใหญ่ขึ้นจึงกลายเป็นความสนุกที่เพิ่มมากขึ้นจากภาคแรก เพราะภาคแรกก็มีจุดประสงค์ชัดคือการแนะนำตัวละครหลักสามคนคือชิน,พระราชาเอเซและเต็น (คันนะ ฮาชิโมโตะ) ส่วนตัวละครรอบข้างก็ค่อยๆทยอยออกมาเพื่อจะมีบทบาทต่อไปแต่โดยรวมแล้วภาคแรกคือจุดเริ่มต้นที่มีพลังและภาคสองคือการสานต่อที่พลังแรงสูงขึ้นกว่าเดิมอลังการด้านฉากรบที่ภาพสวยกระแทกตาความมันส์กระแทกใจผ่านบทสนทนาแบบมังงะให้ได้รู้ว่านี่คืองานสร้างจากมังงะ ความจริงจะว่าไปฉากรบที่เห็นในเรื่องนี้ก็เคยเห็นเคยผ่านตามาแล้วมากมายในงานมหากาพย์สงครามที่ผ่านๆมา ซึ่งในส่วนของผู้เขียนนึกถึงหนัง Troy (2004) ที่ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะตัวมังงะเองตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2006 ฉากรบที่ดีไซน์ออกมาจึงคล้ายกับได้แรงบันดาลใจมาแม้กระทั่งภาพของตัวละครชิน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะสิ่งที่ต้องถูกใจคือการเล่นใหญ่อลังการงานสร้างทั้งฉากจริงและซีจีเพราะภาคนี้ออกสู่โลกกว้างแล้ว ซึ่งทำให้งานด้านภาพออกมาสวยกระแทกตาที่ถ้าได้ดูในโรงจอใหญ่อาจจะเร้าใจมากกว่าที่เป็นและในส่วนของฉากแอ็กชันทั้งฉากรบที่อลังการหรือการต่อสู้ระยะประชิดก็มันส์กระแทกใจเหลือเกิน แต่ทั้งนี้บทสนทนายังเป็นในแบบมังงะเพราะอย่างที่บอกคือแม้จะมีการลดความเป็นมังงะแล้วเพิ่มความเป็นภาพยนตร์มากขึ้นแต่แก่นของเรื่องคือเรื่องของความฝันและมิตรภาพ บทพูดเลยต้องเป็นในแบบมังงะที่คุ้นเคยเพราะไม่ว่ายังไงนี่ก็คืองานสร้างจากมังงะแต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือเมื่อออกนอกท้องพระโรงสู่สนามรบฉากรบจึงโดดเด่นการแสดงของตัวละครเลยไม่มีอะไร สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนเลยคือภาคนี้มาเพื่อขายความอลังการของฉากรบหรือเป็นมหากาพย์สงครามเต็มตัว นั่นก็คือให้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในสนามรบและการสู้รบกันน้อยใหญ่ตลอดเรื่องทำให้ภาคนี้เวลาขึ้นจอของตัวละครหลักสองคนคือพระราชาเอเซของเรียว (โยชิซาวะ) กับเต็นของคันนะ ฮาชิโมโตะ แต่ที่เด่นขึ้นมาคือชินของเคนโต ยามาซากิกับเคียวไคของนานะ เซอิโนะที่รายหลังก็มีเล่าพื้นฐานได้เรียบง่ายและพอดี แต่ในส่วนของการแสดงนั้นตัวละครเก่าไม่มีปัญหาเพราะได้ถูกปูมาเมื่อภาคที่แล้วส่วนตัวละครใหม่อย่างเคียวไคก็เล่าได้แต่ก๊วนเพื่อนร่วมรบที่ไม่มีใครได้รับการเล่าเบื้องลึกแต่คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป้าหมายชัดอยู่แล้วว่าจะเป็นเรื่องของมิตรภาพแห่งสหายร่วมรบ แล้วเมื่อไม่มีอะไรที่มาสะเทือนอารมณ์เพราะส่วนใหญ่ก็รบกันการแสดงของนักแสดงจึงกลายเป็นชั่วไม่มีดีไม่ปรากฎ นั่นคือเป็นการแสดงที่เหมาะกับบุคลิกแต่บทก็ไม่มีอะไรให้เล่นมากซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถึงฟอร์มถึงใจถ้าว่ากันที่หนังมหากาพย์ที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไกลได้ขนาดไหนเพราะเมื่อจบภาคสองยังเหมือนแค่เริ่มต้น ทำไปทำมากลายเป็นว่านี่คือหนังฟอร์มยักษ์ที่ถึงฟอร์มถึงใจที่กล้าบอกได้ว่ามีคุณภาพที่มาพร้อมความบันเทิง ก็ใช่ที่อาจมีอะไรที่ขาดๆเกินๆไปบ้างตามประสางานสร้างจากการ์ตูนที่ยังติดบุคลิก บทสนทนา หรือคอสตูมแบบการ์ตูนหรือมังงะมาบ้างแต่นั่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือจะเป็นเรื่องของการไม่เน้นด้านอารมณ์ความรู้สึกเลยคือภาคนี้เดินหน้าหาความบันเทิงอย่างเต็มที่แต่ความบันเทิงที่ว่านั้นกลับทำให้เรื่องเดินหน้าไปโดยที่ไม่มีเวลาเหลียวมามองรอยแผลที่อยู่ข้างหลัง แน่นอนในส่วนของบทอาจไม่ถึงกับเนี้ยบเต็มร้อยแต่ทิศทางการเล่าเรื่องชัดมีเจตนาที่ชัดขอแค่ไม่รั่วมากก็โอเค ยิ่งได้คุณภาพงานสร้างระดับสุดยอดที่ต้องตื่นตาตื่นใจเป็นแม่นมั่นทำให้ภาพที่เห็นกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ประเดประดังเข้ามาก็ทำให้หนังเรื่องนี้คืองานที่สนุกจนลืมเวลาได้ ซึ่งส่วนสำคัญคือหนังไม่ได้จำกัดกรอบของตัวเองไว้ว่าจะจบเมื่อไหร่ก็อาจใช่เพราะถึงภาคนี้ยังแค่เริ่มต้นบนเส้นทางที่ยังอีกยาวดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6,7 / ภาพที่ 8 จาก Insragram kingdom_movie อ่านบทความรีวิวภาคแรกได้ที่นี่https://entertainment.trueid.net/detail/jDBX7gvq7rYJและถ้าท่านชอบหนังที่สร้างจากมังงะ ท่านจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/QKkJ2XxlL9XBhttps://entertainment.trueid.net/detail/V7YGMX8dM5bNhttps://entertainment.trueid.net/detail/Gnr6xoky5Jynเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !