เข้าใจโลก! ต๋อย ไตรภพ เปิดใจในวันที่ภรรยาบอกว่าเป็นมะเร็ง (มีคลิป)
ข่าวบันเทิงวันนี้
เปิดใจพิธีกรผู้เพียบพร้อม "ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์" ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ รายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ร่วมพูดคุยยาวนานที่สุดเป็นครั้งแรก ถึงทุกมุมของชีวิตที่ได้เปิดใจถึงสาเหตุที่ต้องแยกเตียงกับภรรยาตั้งแต่แรกที่เริ่มใช้ชีวิตด้วยกัน พร้อมเล่าถึงวินาทีที่ภรรยาเดินเข้ามาบอกว่าเป็นมะเร็ง และหลักคำสอนที่ถ่ายทอดให้กับลูกว่าอย่าเก่งเหมือนพ่อ ให้เก่งในแบบที่ลูกอยากเก่ง
ต๋อย ไตรภพ : เรื่องที่ผมต้องแยกห้องนอนกับภรรยา เพราะผมเป็นคนที่มีความส่วนตัวสูงมาก เขาก็เป็น ในชีวิตผมกับเขาแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ไม่ตรงกันสักอย่างเลย ถ้าผมพูดว่านี่นก เขาจะบอกว่าไม้ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความเป็นส่วนตัวสูงทั้งคู่อันนั้น อันหนึ่ง และอีกอันคือ ผมเป็นคนนอนยากมาก ผมนอนคืนหนึ่ง 4 ชั่วโมงอย่างเก่งแล้วผมนอนตื่นทุกชั่วโมง ทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงผมจะตื่นคือตื่นแบบนี้ตลอด พอตื่นมาเข้าห้องน้ำอะไรเรียบร้อย 10 นาทีก็จะหลับต่อ ผมไม่ได้มองว่าเป็นความทรมานนะ มองว่าเป็นชีวิต ใน 1 อาทิตย์เราจะตื่นแบบนี้ 3 – 4 วันติด ๆ กัน
ขอบคุณคลิปจากรายการ คลับฟรายเดย์โชว์
พี่ต๋อย เป็นคนที่ติดบ้านต้องกลับไปทานข้าวที่บ้านตอนเย็นทุกวัน
ต๋อย ไตรภพ : คือสิ่งที่เสียหายกับชีวิตเขามากแล้วเขาโกรธมาก คือ ผมก็คงประหลาดด้วยนะ ผมคงไม่ดีด้วย ผมไม่ว่าจะทำงานเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน ผมจะกลับมาทานข้าวที่บ้านโดยนิสัยผม ผมจะกลับมากินข้าวบ้าน แต่ภรรยาของผมจะพูด เขาจะบอกตลอดว่า ถ้าจะกลับมากินข้าวที่บ้านให้โทร.บอกเขาจะได้จัดเตรียมว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผลปรากฎว่าเราไม่บอกไง เพราะบางมีเราก็มีลืมบ้าง บางทีคิดว่าเขาทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเราถึงบ้านเขาถามคำแรกว่า เธอกินอะไรมาหรือยัง เราก็จะบอกว่ายัง เขาก็จะบ่นบอกให้บอกก็ไม่บอก เขาก็จะไปให้แม่บ้านจัดเตรียมของโน้นนี่ คือ เป็นแบบนี้มาตลอดจนถึงเดี๋ยวนี้
พี่แตง ภรรยา พี่ต๋อย เคยพูดว่า พี่ต๋อย เลี้ยงพี่ต๋อย ดีเกินไป
ต๋อย ไตรภพ : อ๋อ !! เรื่องมันเกิดแบบนี้ เวลาที่ทะเลาะกันขึ้นมาแล้วเขาทำอะไรไม่ได้ แล้วเขาหาทางออกไม่ได้ เขาก็จะร้องไห้ เขาก็ไม่ได้ร้องตลอด พอเขาร้องเสร็จเขาก็จะโมโห แล้วพอเขาร้องเสร็จเขาจะโมโหมาก ๆ เขาก็จะบอกว่าความผิดอยู่ที่เธอ แล้วผมก็จะงงมาก ความผิดทั้งหมดมันอยู่ที่เธอ เธอเลี้ยงฉันดีเกินไป เธอทำให้ฉันกลายเป็นคนแบบนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนี้สักหน่อยเมื่อก่อน ผมอยู่กับภรรยาผมแบบขำ ๆ แต่เขาไม่ค่อยขำ ผมมองว่าผู้หญิงเป็นอย่างนี้ ภรรยาผมเป็นอย่างนี้ สำหรับผมน่ารักดี คุณเชื่อไหมภรรยาผม กับผมมีเรื่องที่จะทะเลาะกันได้ทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็นเลย อย่างเรื่องล้างจาน ผมจะเอาจานไปล้าง หรือ เห็นมันกองมาก ๆ เขาก็จะทำเอง เพราะเขาคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมก็มองว่าไม่เป็นไรถ้าคิดว่าผมเป็นไตรภพ แล้วผมทำอะไรเองไม่ได้เลย แล้วต่อไปอยู่จะอยู่ยังไง ถอดภาพผมออกไปสิ ผมก็จะล้างจาน กวาดบ้านได้ ถูบ้านได้ก็จะถู เขาคงมองว่ามันไม่ใช่นหน้าที่ของเรา เขาเลยไม่อยากให้เราทำผมคิดเอาว่าเขาคิดแบบนี้นะ
ในวันที่ พี่แตง เดินมาบอกว่า พี่แตง เป็นมะเร็งในวันนั้นเป็นยังไงบ้าง
ต๋อย ไตรภพ : วันนั้นตอนเรากลับถึงบ้านเขาเดินมาบอกเราว่า แตงเป็นมะเร็ง ผมก็บอกว่าเป็นตรงไหน เขาบอกว่าเป็นตรงนี้ ๆ ขั้นที่เท่านี้ๆ รักษาได้ไหม เขาบอกเราว่า ได้ เธอมีหมอเก่งไหม ผมถามเขานะ เขาบอกว่ามี บอกว่าไม่ต้องหมอเขาเก่ง ก็ทำตามนั้น ก็จบด้วยคำว่ามีอะไรอีกไหม เขาก็บอกไม่มีอะไรล่ะ ก็หมดไม่มีอะไรล่ะ เราก็คุยกันแค่นี้
ขอบคุณคลิปจากรายการ คลับฟรายเดย์โชว์
อาต๋อย มองว่าเรื่องการเป็นมะเร็งเป็นแค่เรื่องหนึ่งเท่านั้น
ต๋อย ไตรภพ : ใช่ !! มันเป็นเช่นนั้นเอง มันไม่ได้เป็นจากเขาหรือจากเรา ไม่ได้เป็นเพราะใคร เพราะเป็นจากธรรมชาติ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนุษย์ต้องเข้าใจธรรมชาติ มนุษย์ต้องเข้าใจเรื่องนี้มันเกิดได้ มนุษย์ต้องเข้าใจว่ามนุษย์ต้องตายได้ ต้องป่วย ต้องเจ็บ ผมเข้าใจเพราะอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้น !! จะให้ผมตกใจ เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ แล้วผมก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ แล้วเขาก็เป็นคนแข็งแรง แข็งแรงจริง ๆ แล้วเขาก็ถามผมหลังจากนั้นวันสองวัน พี่...แตงต้องบอกลูกไหม ผมบอกต้องบอก ลูกไม่เหมือนเรา เกิดวันหนึ่งเธอเป็นมากเยอะมากหรืออะไรก็ตาม แล้วถ้าเขาบอกว่าทำไมไม่บอกเขาตั้งนานแล้วอย่างนี้ เธอตายไปแล้วนะ ฉันยังอยู่ ฉันต้องนั่งทนกับมันเหรอ คือ เราพูดกันอย่างนี้นะ แล้วจะบอกเมื่อไหร่พี่ เราก็บอกเมื่อเธอพร้อม โอเค .. เราก็เรียกลูกมาคุย
ต๋อย ไตรภพ : พอลูกมาถึง พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยด้วย เราก็เป็นคนบอกลูกว่า แม่เป็นมะเร็งนะ ภาพแรกที่เราเห็นหน้าลูกชายเราจำได้เลย ลูกชายกำมือแล้วเขาก็ทุบโต๊ะ แล้วเขาก็เอาหน้าล้มลงไปที่โต๊ะ แล้วลูกสาว ร้องไห้เหมือนในหนังเลย ประมาณสัก 10-15 วิ แล้วลูกสาวก็หยุด ตาลก็หยุด ไม่เอาไม่ร้องละ ไม่ใช่เวลาที่จะร้องไห้ ไม่ใช่!! แล้วก็เริ่มถาม แล้วแม่จะทำยังไง ตูนก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วสูดหายใจทำอย่างไรครับ แล้วคุยกันเลยปกติ แล้วก็แบบนี้ครับ เข้มแข็งทั้งบ้าน
ภรรยาต๋อย ไตรภพ เป็นมะเร็ง
ต๋อย ไตรภพ : คือแบบนี้นะ คุณเข้าใจว่าคำว่า ความเข้มแข็งและความเป็นส่วนตัวที่เราพูดกันมาตลอด คุณเชื่อไหม เขาเป็นมะเร็ง ผมไปหาหมอกับเขาครั้งเดียว รักษามา 2-3 ปีแล้วนะคุณ ที่ไปทีเดียวเพราะเขาไปแล้วต้องนั่งคุยประวัติทั้งผม และเขา หลังจากนั้นที่เขารักษาให้คีโม เขาไม่เคยให้ผมไปด้วยอีกเลย ไม่ให้ผมไป ไม่ใช่หมายถึงว่าผมไม่ไปด้วย แต่เขาเป็นคนที่ไม่ให้ผมไป เธอไม่ต้องไป เพราะมันไม่มีความจำเป็น เพราะตอนไปให้คีโม มันต้องนอนแล้วเอายาเข้าเส้น แล้วเขาก็จะเพลียมาก ผมบนหัวของภรรยาผม ผมไม่เหลือสักเส้นบนหัว แล้วก็ต้องมาซื้อวิกใส่ มีโพกหัวสวย ๆ ใส่กันบางเป็นปีเลยนะครับ แต่เขาไม่เคยมีว่าพี่ไปด้วย เราถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง เขาจะบอกเราว่า ไม่เป็นไร ไหวไหม ไหว เขาเก่งจริง ๆ เราถามว่ากลัวตายไหม กลัว แต่มันต้องตาย
ต๋อย ไตรภพ : แล้วมันมีเรื่องตลกกว่านั้นคือ เขารู้ว่าเป็นมะเร็งแล้วเขาต้องรักษาตัววันที่ 23 กุมภาพันธ์ ผ่าตัด เขาบอกหมอว่าไม่ หมอบอกว่าทำไม เลื่อนไปก่อนขอไปเที่ยว ญี่ปุ่น ก่อน เขาก็มาบอกเรา เราก็บอกว่าทำไมไม่รักษาก่อน เขาบอกว่าเธอเกิดรักษาแล้วไม่หาย เกิดรักษาแล้วใช้เวลานานล่ะ ไปก่อนดีกว่าแล้วเก็บความทรงจำดี ๆ ไว้ ผมว่าเขาเข้มแข็งมาก
ต๋อย ไตรภพ : พี่แตง ตอนนี้สุขภาพมากดี ๆ เลย เขาอยากไปเที่ยวทะเลใจจะขาดแล้ว มันไปไม่ได้เพราะติดโควิด
นอกเหนือจากความเข้มแข็ง พี่ต๋อย มักจะบอกกับลูกว่าไม่ต้องเก่งเหมือนพ่อก็ได้
ต๋อย ไตรภพ : คือ อย่างนี้เขาเป็นลูกไตรภพ เหมือนที่ผมเข้ามาแล้วพวกคุณยกมือให้เกียรติผม ผมรู้สึกว่าพวกคุณให้เกียรติผมขอบคุณจริง ๆ เพราะงั้นทุกคนก็จะพูดกับเขาตอนนั้นเป็นเด็ก เขาจะพูดว่าพ่อเก่งมากอย่างโน้น อย่างนี้โตขึ้นต้องเก่งเหมือนพ่อ คุณพูดแบบนั้นเด็กได้รับแรงกดดันขนาดไหน งั้นทุกครั้งที่ผมได้ยินคนพูด ผมจะเรียกลูกมากอดแล้วกระซิบบอกลูกว่าอย่าเก่งเหมือนพ่อนะ อย่าเก่งเหมือนพ่อเด็ดขาดจงเก่ง อย่างที่ลูกอยากเก่ง จงเป็นอย่างที่ลูกอยากเป็น แต่ไม่ต้องเป็นเหมือนพ่อ นั่นคือ เหตุผลที่คนถึงถามว่าทำไมไม่เคยผลักดันให้ลูกเข้าวงการนี้ ก็ผมสอนลูกแบบนี้ แล้วผมจะดันลูกเข้าวงการนี้ได้อย่างไร
ต๋อย ไตรภพ : ผมชอบให้พลังบวกทุกคน เพราะผมไม่คิดว่าพลังลบมี
ขอบคุณคลิปจากรายการ คลับฟรายเดย์โชว์
อาต๋อย บอกว่าลูกชายคือความภูมิใจ บอกกับลูกสาวว่าเขาคือความรัก
ต๋อย ไตรภพ : ใช่ !! ลูกชายคือความภูมิใจ ลูกสาวคือหัวใจ ผมบอกเขาอย่างนี้ แต่ลูกชายคือความภูมิใจของผมจริง ๆ เขาเป็นคนที่ทำให้ผมภูมิใจจริง ๆ ผมไม่ได้พูดเล่นนะ คุณเชื่อไหมว่าผมว่าผมเก่งแค่ไหนหรืออะไรยังไงก็ตามถ้าเทียบกับเขาในอายุที่ผมเท่าเขา แล้วถ้าย้อนกลับไปผมไม่ได้เศษหนึ่งส่วนสี่เขาเลยเขาโชคดีที่เขารู้จักเรียนรู้จากเราไปเท่านั้นเอง สำหรับ ลูกสาวถ้าเราเรียกเราระหว่างความภูมิใจกับหัวใจ เราเลือกหัวใจอยู่แล้วเข้าเป็นคนตลกทำให้เรามีความสุข ผมพอใจกับพวกเขาแล้ว ผมเคยพูดกับเขาคำหนึ่ง ขออนุญาตพูดตรงนี้ ที่พูดให้ทำดี บอกลูกให้เข้าใจคนด้วยนะ มองคนให้เป็นและมองให้ถูกต้องลูกอย่ามองว่าทุกคนอยากทำเลว หรือ ทำไม่ดี หรือทำผิด เขาไม่มีมีโอกาสเลือกต่างหาก บางทีเขาอยู่ในที่ที่เจ้านายบังคับให้เขาทำแบบนั้น หรืออยู่ในที่ที่เหตุการณ์ ครอบครัวเขาต้องทำสิ่งนั้น ไม่งั้นเขาอยู่ไม่รอด และการทำไม่ดีของเขามันเกิดจากภาวะบังคับทั้งสิ้นนะลูกบางคน แต่ถ้าคนที่ทำไม่ดีด้วยตัวเองสิ่งนั้นลูกไม่ต้องเอามาพูดลูกไม่เคยอยู่ในภาวะแบบนี้เลยในภาวะบังคับ แล้วถ้าลูกทำไม่ดีเมื่อไหร่ก็ตามลูกรู้ไว้ด้วยนะว่ามันเจ็บปวดกว่าเขากี่เท่า เพื่อนผมยังว่าผมเลยว่าไม่สอนลูกให้เข้มแข็ง ผมบอกเขาว่าคุณสอนลูกให้เข้มแข็งกับโลก แต่ผมสอนลูกให้เข้มแข็งกับธรรม