Chihayafuru: Kami no Ku เป็นหนังที่มี 3 ภาคด้วยกัน ดัดแปลงมาจากมังงะที่เขียนโดย ยูกิ ซูเอ็ตสึงุ โดยข้าพเจ้านั้นไม่เคยรับชมมังงะ และ อนิเมะมาก่อน เริ่มต้นก็ดูหนังซะเลย บทความรีวิวนี้จึงไม่อาจจะนำไปเปรียบเทียบอะไรกันได้ และกล่าวได้ว่าทั้ง 3 ภาคของเรื่องนี้ มีสารสื่อของหนังที่แตกต่างกันออกไป แต่มีแก่นหลักแท้อยู่หนึ่งข้อนั้นคือ "โชคชะตา มิตรภาพ บทกลอน" และบทความรีวิวนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งนั้นกันในแต่ละภาค เรื่องราวมันเริ่มที่ "ไทจิ" "อาราตะ" "ชิฮายะ" เพื่อสามคนที่ผูกพันกันมาด้วยไพ่คารุตะ แต่เมื่อกาลเวลาผันแปรไปทุกคนต่างเดินไปทางของตัวเอง ก่อนจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ระหว่างไทจิ และ ชิฮายะ เธอได้ชวน ไทจิ ก่อตั้งชมรมคารุตะและลงแข่งชิงแชมป์ แม้ว่าไทจิจะรู้ว่าความรู้สึกของ ชิฮายะ เป็นอย่างไงต่อ อาราตะ แต่เขาก็ยอมที่จะร่วมด้วยกับเธอ ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาเล่นไพ่คารุตะเพื่อเธอ(แล้วใครจะไปรู้ว่าไอ้หนังตบไพ่ มันจะทำให้ลุ้นซะขนตั้งได้ขนาดนี้!)พรสวรรค์ของคนขี้แพ้ ตราบาปของคนขี้โกงคนขี้แพ้คือคนที่ไม่สามารถขุดขุมพลังของตัวเองมาเฉิดฉาย ส่งมอบต่อแก่คนข้าง ๆ หรือรุ่นต่อไปได้ เขาไม่มีความสามารถชนะอุปสรรคข้างหน้าได้ถอดใจยอมแพ้ ถอดนวมทิ้งแล้วยกธงขาวกลางคัน กลับสู่วิถีชีวิตเดิม ๆ ที่เคยเป็นมา เพราะคนขี้แพ้อย่างเรามันไม่มีพรสวรรค์ที่จะทำอะไรสำเร็จได้หรอก แต่กล่าวก็คือ คำคำนั้นมีอยู่จริงหรือ? พรสวรรค์ เป็นคำที่หมายถึงใครบางคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ลืมตาตื่นบนโลกที่หวานปนขมกลม ๆ ใบนี้แล้วคนคนนั้นก็มีความสามารถบางอย่าง ทำมันได้ด้วยไม่ต้องข้ามพ้นผ่านอุปสรรคใด ๆ เลยน่ะหรือ ใช่นั้นหรือเปล่าความหมายของพรสวรรค์หรือแท้จริงแล้ว พรสวรรค์ คือนิยามของคนที่ไม่ย่อท้อกันแน่ คนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า คนที่กัดฟันสู้ต่อไป แพ้มานับหมื่น แต่แล้วยังไง ยังไงสักวันก็ต้องชนะอยู่แล้ว นั้นหรือเปล่าความหมายของพรสวรรค์บนโลกใบนี้มนุษย์ทุกผู้ต่างตกต้องเป็นคนขี้แพ้มาก่อนทั้งนั้น แต่สิ่งที่เขาทำก็คือการคว้าเอาสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาให้ได้ พรสวรรค์ จึงเป็นคำที่จะตกทอดแด่ขี้แพ้ทุกคนที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคนั้นคือพรสวรรค์ของคนขี้แพ้ ผู้ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาแต่ในขณะเดียวกัน กับใครบางคนเขาไม่อาจจะกลายเป็นผู้แพ้ต่อสายตาของคนที่เขารักได้ เขาจึงจำต้องกัดฟันชั่งต่อโชคชะตาแล้วขี้โกงอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เขา ผ่านพ้นไปสู่หนทางที่เฉิดฉาย ตัวหนังชี้ชัดให้เห็นว่าคนขี้โกง ก็เป็นได้แค่คนขี้แพ้ที่ไม่อาจก้าวข้ามผ่านพ้นอุปสรรคตัวเอง เป็นแค่พวกที่ยอมจำนนต่อโชคชะตา หาวิถีจะให้ตนเฉิดฉายทางลัด ซึ่งคนแบบนี้ไม่มีทางไปได้ไกลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมาจากพระเจ้าที่มองอยู่บนฟ้าลงทัณฑ์หรือเปล่า แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว เรารู้กันอยู่ว่าบนโลกใบนี้มีใครบางคนที่ขี้โกงแล้วได้ดี แต่มันจะดีจริง ๆ น่ะหรือ พระเจ้าเข้าข้างคนนั้นจริงหรือ หรืออันที่จริงได้ดีที่เราเข้าใจ เป็นเพียงมายาคติของคนขี้โกงที่สร้างมันขึ้นมาฉายภาพซ้ำให้เราดูเท่านั้นเองเมื่อใครคนหนึ่งเลือกเส้นทางนี้แล้ว ไม่ว่าจะอนาคตจะสว่างหรือมืด แต่ภายในใจของคนคนนั้นก็มีแต่ความมืดมิดบอบช้ำ ไม่อาจหลุดพ้นจากอดีตซึ่งเสมือนเงามืดที่ตามจิกกัดเราจวบจนปัจจุบัน หากถึงตอนนั้นแล้วเราจะโทษฟ้า โทษดิน ก็ไม่สามารถทำได้หรอก เพราะเราเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง ความรู้สึกผิดบาปจะคอยตามหลอกหลอนเจ้าตลอดเวลา เว้นเสียแต่เจ้าจะยอมรับผิด สำนึก ปรับปรุงตัวเอง เป็นคนใหม่ เพราะบนโลกใบนี้มนุษย์ทุกผู้ล้วนควรได้รับโอกาสจากกระทำของตัวเอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องค่อยดูกันไปด้วยแหละนะว่า คนคนนั้นสำนึกผิดจริง ๆ หรือยังและอีกแง่ที่ขาดไปไม่ได้สำหรับหนังเรื่องนี้เลยคือเรื่องทีม แม้ว่าในทีมจะมีคนที่ด้อยแค่ไหน แต่หากเราขาดคนคนนั้นไป มันก็จะเหมือนกินพุดดิ้งโอวัลติน แต่ไม่มีผงโอวัลตินโรยนั่นแหละ (เปรียบเทียบอะไรวะ) กล่าวโดยง่ายคือน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า เราอาจมองคนนั้นว่าเป็นผู้อ่อนแอในด้านที่เราเก่งกาจ แต่อันที่จริงเราก็อ่อนแอในด้านที่เขาเก่งกาจเช่นเดียวกัน เป็นดั่งบทกลอนในเรื่องที่สอนใจคนให้รับรู้ถึงมิตรแท้ และโชคชะตาคำว่าโอกาสและโชคชะตา สิ่งหนึ่งที่ตัวหนังสอนเราไว้คือคำว่าโอกาสและโชคชะตา ทำไมโชคชะตามาเรามาถึงจุดนี้แล้ว ถึงไม่พาเราไปต่อให้สุดทาง โอกาสไม่เคยมา โชคชะตาไม่เคยเข้าข้าง แล้วยังไงล่ะ.... ก็ถ้ามันไม่มา รอยังไง ทำยังไงก็ไม่เคยมา ถ้างั้นก็เป็นเราจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจคว้าสิ่งนั้นมันมาเองไม่ยี่หระ ยอมจำนนต่อคำว่าโชคชะตา หรือของแกเลยโชคชะตา ถ้าแกไม่มา ฉันก็จะหามันเองนั่นแหละมั้งคำว่าโชคชะตาที่แท้จริง จงเป็นผู้ไขว่คว้ามิใช่นั่งนิ่งเฉยเมยต่อคำนั้นทำเพื่อใครสักคนเมื่อถึงวันหนึ่ง วันที่เราถามตัวเองว่า ที่เราทำมาถึงทุกวันนี้ เพื่ออะไร จำเป็นที่จะต้องทำมันจริง ๆ ด้วยหรือ ทำไปแล้วเราได้อะไร ทำไมฟ้าลิขิตให้เรามาอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมถึงลิขิตให้เราเป็นผู้แพ้เกมเสมอมา นอกจากเหตุผลที่เราทำไปเพราะความรักแล้ว หากเราไม่ได้รักที่จะทำสิ่งนั้นจริง ๆ มันจะทำได้หรือเปล่า มันจะผิดไหมที่เราทำมัน หากอันที่จริงแล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เป็นการทำเพื่อใครสักคนล่ะ พระเจ้าจะลงโทษเรามั้ยการทำอะไรสักอย่างเพื่อใครสักคนที่เรารักนั้น จะมีคำใดมาอธิบายถึงเหตุผลที่เราทำได้อีกนอกจากคำว่า "รัก" เพราะรักจึงโอบกอด จึงร้องไห้ จึงเศร้า จึงยิ้มรับ จึงอดทน และจึงยอม ยอมทำทุกอย่างไม่ว่ามันหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม แม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรสุดท้ายสิ่งที่ทำไปทุกอย่างมันจะออกมาเป็นดังที่ใจหวังหรือเปล่า นั้นเป็นสิ่งไม่รู้ สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้ ตอนนี้ที่เราทำเพื่อใครสักคน เพื่อให้เขาคนนั้นได้ยิ้มรับต่อสิ่งที่เราทำให้นั่นแหละสำคัญที่สุด ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็เพียงแต่ยิ้มรับมันไว้ และขอให้โชคดีต่อหนทางข้างหน้าที่เธอเลือกเดินแรกเริ่มเดิมทีแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะดูไตรภาค Chihayafuru ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับการละเล่นโบราณของญี่ปุ่น โดยใช้บทกลอนพันปีมาแข่งกันตบไพ่ชิงไหวพริบใส่กัน ใช่ ผมเชื่อว่าหากรับชมเรื่องนี้จะไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะมันคือบทกลอนญี่ปุ่นแต่เพราะอะไรบางอย่างมันดลใจ ให้ลองหยิบขึ้นมารับชม (และรู้สึกตัวก็ดูรวดไป 3 ภาคเลยทีเดียว) ก็ได้พบว่า จริงแล้วเราเข้าใจมันด้วยจิตใจไม่ใช่เหตุผลทางสมองซะทีเดียวกล่าวได้ว่า Chihayafuru เป็นหนังที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เป็นมากกว่าหนังชีวิตรั้วโรงเรียนญี่ปุ่นที่ไม่ให้เห็นกันดาษดื่นทั่วไปแต่เป็นหนัง Coming of age ที่ทรงพลังให้แง่คิดแก่เราได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียวรับชมได้ไม่ว่าจะเข้าใจกลอนญี่ปุ่นหรือไม่ก็ตาม เพราะตัวหนังก็ท่ายทอดออกมาให้เห็นทางสีหน้า ท่าทางของนักแสดงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งอันเป็นที่สุดอยู่แล้วแต่หากใครสามารถรับรู้เข้าใจนัยของบทกลอนที่ตัวหนังสือ ผมเชื่อว่าจะทำให้ทุกท่านเกิดอรรถรสในการรับชมเป็นอย่างสูง รูปภาพจาก : https://www.youtube.com/watch?v=fOpri4DqBco