Movie Review Twisters (2024) ทวิสเตอร์ส บันเทิงเต็มรูปแบบที่สนุกตื่นตาแค่ว่าเนื้อหาไม่ตื่นใจเพราะไม่ว่ายังไงก็ยังทำให้อดคิดถึงของเก่าไม่ได้จนเสน่ห์ที่พึงมีมันหายไป รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ในยุค 90 เป็นช่วงเวลาที่มีหนังคลาสสิคในความทรงจำมากมายสำหรับผู้เขียนอาจเพราะอยู่ในวัยที่หาเงินเองได้การตระเวนดูหนังสองสามเรื่องในช่วงวันหยุดวันเดียวจึงเป็นเรื่องที่ประทับในความทรงจำ ใช่แล้วท่านอ่านไม่ผิดเพราะเวลานั้นในจังหวัดเชียงใหม่โรงหนังส่วนใหญ่ยังเป็นโรงแสตนด์อะโลนที่อยู่ห่างกันตามมุมต่างๆของตัวเมือง แล้วคนรักหนังที่ใช้เวลาช่วงวันหยุดดูหนังอย่างบ้าคลั่งอย่างผู้เขียนจึงต้องตะเวนทั่วเมืองเพื่อจะดูแล้วก็มีหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่จำได้ว่าตีตั๋วดูซ้ำแล้วซ้ำอีกทั้งพากย์ไทยและซาวด์แทร็คที่เรียกกันในเวลานั้น หนังเรื่องนั้นคือหนังหายนะธรรมชาติปี 1996 เกี่ยวกับนักล่าพายุทอร์นาโดเพื่อศึกษาและพยากรณ์การเกิดขึ้นของมันที่ผลของการวิจัยนั้นจะช่วยเหลือผู้คนอีกมากมาย หนังกำกับโดย Jan de Bont นำแสดงโดย Helen Hunt และ Bill Paxton ผู้ล่วงลับซึ่งก็คือ Twister ที่มีชื่อไทยสุดเร้าใจว่าทอร์นาโดมฤตยูถล่มโลก ซึ่งหนังมันสนุกตื่นตาตื่นใจในเวลานั้นแล้วก็จบลงอย่างประทับใจจนเหลือเชื่อว่าจะมีใครหยิบเอามาทำใหม่อีกครั้งซึ่งก็คือเรื่องนี้ Kate (Daisy Edgar-Jones) หัวหน้าทีมนักล่าพายุที่มีความมุ่งหมายจะวิจัยการหยุดยั้งพายุทอร์นาโดที่เริ่มเกิดขึ้นถี่ขึ้นในรัฐโอกลาโฮม่าบ้านเกิด ทว่าในภารกิจที่น่าจะสำเร็จแต่การคาดการณ์ความรุนแรงของพายุของ Kate พลาดทำให้สูญเสียเพื่อร่วมทีมที่เป็นเพื่อนสนิทไปสามคนเหลือเพียง Javi (Anthony Ramos) ห้าปีต่อมา Kate ที่หันหลังให้ทุกอย่างแม้กระทั่งบ้านไปทำงานพยากรณ์อากาศที่นิวยอร์คก็ได้พบกับ Javi เพราะเขามาชวนเธอกลับไปใช้ความสามารถพิเศษในการอ่านการเกิดพายุ ใช่แล้ววันนี้ Javi คือหัวหน้าทีมวิจัยล่าพายุที่เขามีเทคโนโลยีขั้นสูงที่จะวิจัยมันแล้ว Kate ก็ปฏิเสธแต่สุดท้ายหัวใจก็เรียกร้องให้กลับมาล่าพายุอีกครั้ง ทว่าทีมไฮเทคของ Javi ก็มีคู่แข่งคือทีมล่าพายุลูกทุ่งคาวบอยเจ้าถิ่นนำโดย Tyler (Glen Powell) ที่ล่าพายุเพื่อทำคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียแถมยังกวนประสาทแล้วยังต้องมาแย่งกันเพื่อไปให้ถึงพายุ แต่...ทุกอย่างก็มีเหตุผลของมันทั้งทีมของ Javi และทีมของ Tyler ที่จะสร้างจุดเปลี่ยนให้กับการล่าพายุครั้งใหม่ของ Kate ฉลาดที่ไม่ยึดโยงกับของเก่ามากนักแม้โครงสร้างยังแทบจะมาจากพิมพ์เขียวเดียวกันทำให้เหมือนมีทางของตัวเอง จะว่าไปนอกจากเครื่องมือที่ชื่อโดโรธีแล้วงานฉบับนี้แทบไม่มีอะไรยึดโยงกับของเก่าเลยทำให้อาจเรียกว่างานภาคต่อหรืองานรีเมคไม่ได้ แต่จะเรียกว่างานรีบูทก็คงไม่ถึงกับขัดใจเพราะหนังมีทางไปเป็นของตัวเองในเนื้อหาที่ถูกปรับเข้ามาให้ดูร่วมสมัย กระนั้นโครงสร้างของเรื่องยังเหมือนกับใช้พิมพ์เขียวจากของเก่ามาทั้งการแข่งขันกันล่าพายุหรือเป้าประสงค์ในการยอมเสี่ยงชีวิตวิ่งเข้าหาอันตราย ซึ่งการที่หนังออกมาในช่วงเวลานี้ที่การเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมาเหมือนของเก่าในยุค 90 คงไม่ได้ผลกับคนดูรุ่นใหม่ก็ใส่ชั้นเชิงมาไว้สักเล็กน้อย ทำให้ในเรื่องนี้ไม่มีใครที่น่าชิงชังหรือไม่มีคนแอสโฮลล์แม้แต่คนเดียวหรือง่ายๆไม่มีตัวโกงตัวอิจฉาเหมือนสมัยนั้นที่มันต้องมี เพราะนี่คือเรื่องของคนที่จะเอาชนะธรรมชาติตัวร้ายตัวจริงจึงเป็นพายุบทหนังจึงเหมือนเอาพิมพ์เขียวของฉบับเก่ามารีโนเวทใหม่ให้ดูไฉไลขึ้นมีชั้นเชิงมีอะไรหวือหวามากขึ้นนั่นเอง ใส่ความตื่นเต้นตื่นตามาเต็มที่เพราะตั้งใจมาให้สนุกแล้วทุกอย่างที่จัดมาก็ทำหน้าที่ได้อย่างลงตัวแต่มันก็ขาดบางอย่างไป ด้วยเทคนิคทางด้านภาพสมัยนี้บอกเลยว่าไม่ยากที่จะสร้างความตื่นตามามอบให้เพราะมันออกมาสมจริงเหมือนกับไปอยู่ในเหตุการณ์ประมาณนั้น แล้วก็ยังชัดเจนที่จะมาเป็นความบันเทิงโดยใช้งานด้านภาพมาสร้างสถานการณ์เอาชีวิตรอดให้คนดูตื่นเต้นลุ้นระทึกได้ตลอดอันนี้ต้องชื่นชม ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องอัดอะไรแบบนี้มาเพื่อให้อะดรีนาลีนของคนดูหลั่งแต่จังหวะเวลามันใช่มีผ่อนหนักผ่อนเบามีเร่งมีพักหายใจทำให้ในความตื่นเต้นไม่ล้า แต่ว่าก็รู้ๆกันอยู่ว่าของเก่ามันกลายเป็นงานขึ้นหิ้งไปแล้วเมื่อของใหม่มาจึงเหมือนไม่เหลืออะไรให้ตื่นใจคือสนุกได้แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น อาจเพราะความสดใหม่ที่เคยมีมันหายไปเพราะของเก่ายังประทับในความทรงจำคนดูเพราะคงไม่มีใครลืมซีนที่วัวลอยมาหรืออาการลุ้นแทบกลั้นหายใจที่ไต้สะพานไม้ นั่นหมายความว่าของใหม่เสน่ห์มันหายไปเพราะต่อให้ตื่นตาแค่ไหนแต่ถ้ามันไม่ตื่นใจก็คงได้เท่านั้น แม้เสน่ห์ของตัวเรื่องจะหายไปแต่เสน่ห์ของนักแสดงกลับมาชดเชยได้อย่างดีทำให้หนังดูดีขึ้นมาอีกเยอะ แม้ว่าเสน่ห์ในตัวเรื่องมันหายไปแต่อาจต้องยอมรับว่าได้พลังดาราและเสน่ห์ของนักแสดงมาช่วยทดแทนได้อย่างลงตัว ทำให้ในหนังที่เอาจริงออกจะเป็นความบันเทิงธรรมดาที่ผ่านมาแล้วผ่านไปอีกเรื่องไม่มีอะไรให้ประทับใจหรือจดจำ กระนั้นสิ่งที่คนดูประทับใจคือเสน่ห์ที่ขึ้นกล้องสุดๆและเคมีที่เข้ากันดีของ Daisy Edgar-Jones ที่ผู้เขียนเพิ่งเคยดูเธอครั้งแรกกับ Glen Powell ที่เมื่อหนังจบลงอาจไม่มีฉากไหนซีนใดประทับในความทรงจำ แต่บุคลิกและความเป็นตัวละครพระเอกนางเอกของทั้งคู่ต่างหากที่กลายเป็นคนดูลืมไม่ลงแม้ว่าบทของตัวละครอาจเอาใครมาเล่นก็ได้ แต่ Daisy Edgar-Jones กับ Glen Powell สามารถทำให้กลายเป็นภาพติดตาทำให้หนังดูดีขึ้นอีกเยอะจนไม่นึกถึงนักแสดงคนอื่นเลยจนกระทั่ง Anthony Ramos ที่มีบทเด่นรองลงมากลายเป็นเบาบางแบนราบไร้เสน่ห์ไม่ต่างจากตอนเล่น Transformers: Rise of the Beasts เมื่อปีที่แล้ว ชัดเจนว่าต้องการมาเพื่อความบันเทิงซึ่งก็ได้ตามนั้นแต่สำหรับคนดูรุ่นเก่าแล้วยังไงก็ยังอดคิดถึงความตื่นใจจากของเก่าไม่ได้ เมื่อตอนที่ผู้เขียนรู้ว่าจะมีการสร้างฉบับใหม่ขึ้นมาสารภาพเลยว่าไม่มีความคิดอยากดูและมองด้วยความด้อยค่าด้วยซ้ำ และยังต้องออกตัวก่อนว่าก่อนที่จะได้ดูฉบับนี้ในการลงสตรีมมิ่งผู้เขียนเห็นฉบับปี 1996 มาลงจอก่อนเลยเปิดให้หายคิดถึงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบในใจ แต่เมื่อได้ดูของใหม่ในวันนี้ที่เคยด้อยค่าคงต้องขอพระเจ้าให้อภัยเพราะหนังออกมาดูสนุกเป็นความบันเทิงตั้งแต่เปิดจนบทสรุปสุดท้าย หรือเรียกง่ายๆว่าดูสนุกในทุกช่วงเวลาต่อให้เป็นช่วงสนทนาเสน่ห์ของนักแสดงก็เอาคนดูอยู่นั่นคือยอมรับว่าหนังดูสนุกจริงตื่นเต้นตื่นตาจริงจนคิดว่าหนังแบบนี้ต้องดูจอใหญ่ในโรงเท่านั้นอรรถรสจึงจะสมบูรณ์เต็มที่ แต่เมื่อไม่ได้แบบนั้นและมองเข้าไปอย่างแยกแยะหนังไม่มีเสน่ห์ที่พึงมีคือมันไม่สดใหม่เหมือนเมื่อยี่สิบแปดปีที่แล้วเสน่ห์จึงหายไปเพราะความสนุกและลูกเล่นบางอย่างได้ถูกหนังที่ออกมาหลังจากนั้นเล่นมาหมดแล้วมั้ง ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Instagram twistersmovie เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !