*คำเตือน: เนื้อหานี้เป็นเพียงการรีวิวภาพยนตร์ ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน สำหรับตัวผมประทับใจมาก แรงสมคำร่ำลือ ยกให้เรื่องนี้เป็น 1 ใน list ภาพยนตร์ที่ชอบในปีนี้ไปทันที เป็นแนว Crime + Drama + Thriller ผลงานของผู้กำกับชาวอิหร่าน Alli Abbasi ผู้ที่เคยฝากผลงานมาแล้วจากหนังสวีเดนที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง Border (2018) และ เป็นตัวแทนเข้าชิงราวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ปี 2023 ที่จะถึงอีกด้วยนำเสนอเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศอิหร่าน มาอิงเป็นวัตถุดิบหลักในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสังหารโสเภณี 16 ราย ที่เคยสร้างความสั่นผวาทั่วประเทศจนทางการให้สมญานามว่า ฆาตกรแมงมุม ทำให้โครงเรื่องมีความน่ากลัวน่าสนใจเป็นทุนเดิม เมื่อได้รับการปรุงแต่งดัดแปลงอิริยาบถไปบ้างก็ยังคง concept ความเสื่อมโทรมของศาสนา ความเน่าเหม็นของสังคมด้วยท่าทีหดหู่ จริงจัง เข้าใจง่าย แม้เหตุการณ์จะเคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี 2000 – 2001 แต่ยังคงร่วมสมัยต่อเหตุการณ์ยุคปัจจุบันระยะเวลา 1 ชั่วโมง 56 นาทีที่สนุก ระทึก เดินเรื่องเรื่อย ๆ ตรงประเด็น บางช่วงดูดร๊อปเพื่อลดความตึงเครียด แต่ชวนติดตามได้ต่อ ไม่แวะข้างทางใส่ drama ให้เรียกร้องความสนใจ เลือกมุ่งไปที่ประเด็นการสืบสวนคดีฆาตกรรมจริงจัง มีการแนะนำที่มาระหว่างนางเอก กับ ฆาตกร ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธจากทักษะและความเฉลียวทั้งคู่เฉือดเฉือนไปมา ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ scene เผชิญหน้าระหว่างนางเอก กับ ฆาตกร ที่นำแสดงโดย Zar Amir-Ebrahimi นักแสดงสาวชาวอิหร่านจาก Tehran taboo (2017) กับ ลุง Mehdi Bajestani จาก There are things you don’t know (2010) สร้างความกดดันร่วมในสถานการณ์ชวนอึดอัดได้ดี เสียดายคือหนังรีบเปิดตัวฆาตกรเร็วไปหน่อย ถ้าสังเกต Details ให้ดีก็จะเดาได้ ไม่ชวนให้เสียเวลาสงสัยอะไรกันต่อ แต่ไม่ได้มีผลต่อการดำเนินเรื่องเท่าไหร่ ทั้งคู่ทำหน้าที่ได้ดี มี scene ที่ได้ปล่อยของเท่ากัน กลายเป็นว่าหนังสามารถไปต่อได้ลื่นไหลไปจนจบการยกย่องเชิดชูฆาตกรประหนึ่งฮีโร่ผู้พิทักษ์โลก ไม่ต่างอะไรกับการเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ในเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ประชาชนก็เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ก็จะมีคนดีย์แบบนี้ก่อเหตุต่อไปไม่จบสิ้น แถมชักใยให้สังคมมองว่า โสเภณี เป็นอาชีพสกปรก น่ารังเกียจในสายตาของคนชนชั้นสูง ข้าราชการ แม้กระทั่ง คนชนชั้นเดียวกัน เนื่องด้วยระบบโครงสร้างถูกออกแบบให้ชายเป็นผู้นำ ผู้หญิงจึงมีสถานะเป็นแค่ผู้ตาม สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ไม่มีสิทธิ์เลือกแม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นคน ทารุณทั้งทางกายและใจได้สะดวก มันจึงตอกย้ำให้ภาพลักษณ์ดูแย่ลงไปอีก เช่น Scene ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในห้องพักของนางเอก แล้วพูดจาเชิงลวนลามกึ่งบังคับ และ Scene ที่นางเอกพูดโชว์ข้อมูลที่มีมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับถูกสวนกลับว่า อย่ารู้มาก ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ นี่เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทั้งที่ปากบอกว่า อย่าตัดสินคนที่เครื่องแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความถือยศอวดอีโก้ความเป็นชายข่มขู่สตรี เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวว่าตนเองจะเสียหน้า ซึ่งช่างย้อนแย้งกับสิ่งที่เห็นซะเหลือเกิน ทั้งที่เจตนามันคิดไม่ดีตั้งแต่แรกบทพูดของตัวละครแต่ละ Dialogue ไม่ว่าจะเป็นนางเอก ฆาตกร และทุกคน มีความหมายทุกคำ สื่อให้เห็นว่าความคิด คือ สิ่งที่น่ากลัวแล้ว แต่จิตใจคนยิ่งขนลุกกว่าเมื่อแปรเปลี่ยนเป็นรูปธรรม เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ ก็เปลี่ยนมาใช้กำลังทำร้าย เพียงเพราะมุมมองที่ต่างกัน โอเค คนต่างมีความคิดแตกต่างได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายใครจนถึงแก่ความตาย นั่นมันผิดศีลธรรม ผิดกฎหมายด้วย ที่สลดกว่าคือดันมีคนเห็นด้วยกับคนผิด แถมไปทำตามอีก มันเลยทำให้สังคมอยู่ยากขึ้น อันตรายขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวก็ไม่อาจรับรองความปลอดภัยได้ นี่คือตัวอย่างกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า การศึกษา เป็นสิ่งสำคัญมากแค่ไหน ไม่ใช่สักแต่ว่าเขาพูดอะไรก็เชื่อฟังอย่างเดียว ต้องสอนให้รู้จัก คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และ มีสติเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเห็นคนทำผิดแล้วบอกว่าฉันเป็นคนดีย์ ที่หนักเข้าไปอีกคือ ดันมีคน support ให้กำลังใจ เคารพเป็น idol จนกลายเป็นลัทธิบูชาตัวบุคคล ตั้งกฎอะไรขึ้นมาเลียนแบบพฤติกรรมเพื่อรับใช้พระเจ้า ซึ่งผิดตั้งแต่ไปฆ่าเขาแล้ว ไม่งั้นสังคมจะไม่เป็นระเบียบสิ คำถามต่อมาคือ คนอื่นที่ไม่เห็นด้วยล่ะ ชีวิตเขาจะอยู่ยังไง ความปลอดภัยจะหาได้จากไหนกันบทสรุปจบได้ลงตัวแต่ หดหู่ใจกับการตั้งคำถามต่อรัฐว่าให้อะไรแก่ประชาชนในเรื่องบ้าง สิ่งที่ฆาตกรทำไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ทำเพื่อใคร สังคมได้อะไรจากเรื่องนี้ การอยู่ในสังคมที่มุ่งเน้นแต่ความเชื่อ ระบบอุปถัมภ์บุญคุณที่สืบทอดด้วยความเคลือบแคลงใจจนอยากสะอิดสะเอียนเต็มที แม้จะไม่มีคำตอบจากผู้รักษากฎหมายออกมาซักคำ นอกจากภาพแห่งความล้มเหลวของระบบราชการที่ป่วยเกินเยียวยา สิ่งที่ผมสะเทือนใจอีกอย่างคือ ตอนในศาลที่ผู้พิพากษาถามฆาตกรว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเหยื่อที่ถูกฆาตกรรม แต่ตัวฆาตกรกลับตอบด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน ไม่สะทกสะเทือนว่า ฉันทำสิ่งที่ถูกต้องตามความประสงค์ของพระองค์ เหยื่อเหล่านี้สมควรตาย เพราะขัดต่อศาสนา แล้วสิ่งที่ผมตกใจยิ่งกว่าคือ พวกคนในห้องต่างหัวเราะชอบใจ เหมือนว่าเป็นเรื่องตลก ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกสงสารเหยื่อ สมเพชคนเหล่านี้มาก ไม่ใช่แค่ฆาตกรรวมถึงคนพวกนี้ควรพาไปโรงพยาบาลศรีธัญญารักษาอาการทางจิตอย่างด่วนขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับขอขอบคุณภาพประกอบโดย :TIFF Official Website = ภาพประกอบหน้าปก 1 / ภาพประกอบหน้าปก 2 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6Wild Bunch International Sales Official Website = ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !