รีวิวซีรีส์ "Maxton Hall โลกที่ขวางระหว่างเรา" ไฮสคูลรสน้ำเน่า แต่ฟินเพลินพรรณนา
กลายเป็นซีรีส์ที่สร้างปรากฏการณ์ไม่เบาไปทั่วโลก สำหรับออริจินัลซีรีส์เรื่องใหม่จาก Prime Video ที่เป็นซีรีส์สัญชาตเยอรมัน แต่กลับมีฉากหลังเป็นชนชั้นสังคมในอังกฤษ นี่ก็คือ "Maxton Hall: The World Between Us แม็กซ์ตัน ฮอลล์ โลกที่ขวางระหว่างเรา" แนวโรแมนติกดรามากับรสชาติแห่งความรักในหมู่วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยอุปสรรคระหว่างชนชั้น ที่พล็อตค่อนข้างเชยสนิท แต่กลับเปล่งประกายได้ดีเพราะสูตรสำเร็จที่บริโภคง่าย ๆ
Maxton Hall: The World Between Us เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายขายดีของ โมนา แคสเชน ที่ชื่อว่า Save Me เล่าเรื่องราวของ รูบี้ เบลล์ เด็กสาวที่ได้รับทุนการศึกษาให้เข้าเรียนที่โรงเรียนแม็กซตัน ฮอลล์ ที่นับว่าเป็นโรงเรียนของพวกกลุ่มชนชั้นสูง แต่มันก็เป็นประตูและใบเบิกทางให้เธอได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด อันเป็นปณิธานอันแรงกล้าของเธอ
ดังนั้น รูบี้ จึงพยายายามมุ่งมั่นในการทำคะแนนและทำตัวที่ดีระหว่างที่ร่ำเรียน พร้อมกับทำตัวดั่งล่องหน เพื่อไม่เป็นที่สนใจของกลุ่มนักเรียนไฮโซที่รายล้อมไปทั่วบริเวณ กระทั่งการเข้ามาของ เจมส์ โบฟอร์ด ทายาทมหาเศรษฐี ที่เป็นหนุ่มฮอตที่สุดในโรงเรียน ที่เขาเข้ามารังควานและทำให้ชีวิตอันแสนสงบของเธอยุ่งเหยิง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการปะทะกันของหนุ่มสาวเลือดร้อน ที่โลกเหวี่ยงพวกเขาเข้ามาข้องเกี่ยวกันในแบบที่ไม่ควรจะเป็นไปได้
พล็อตน้ำเน่ากลิ่นฟุ้งสไตล์นิยาย 10 บาท
ให้ตายเถอะ! Maxton Hall: The World Between Us ก็คือซีรีส์ทำให้เราเหม็นกลิ่นน้ำเน่าที่อบอวลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง มันคือพล็อตสูตรสำเร็จแบบนิยายรักเฉิ่ม ๆ ที่ยังคงตีพิมพ์และขายได้ตลอดกาล มันเป็นลีลาที่คาดเดาได้ไม่ยากเย็นอะไร เหมือนกับหยิบส่วนผสมของหนังเก่า ๆ และวรรณกรรมคลาสสิกมาปรุงแต่งใหม่ด้วยรสชาติกับอรรถรสที่ชวนเพลิน
ท่ามกลางยุคที่เราได้เห็นหนังรักไฮสคูลเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งซีรีส์และหนังที่พวกสตรีมมิงขยันคลอดออกมาให้ชมกันทุก ๆ ไตรมาส ถึงมันจะเป็นคอนเทนท์ที่ไม่มีความแปลกใหม่อะไรเลย ซ้ำซากจำเจ กลิ่นอายของเรื่องนี้ก็เหมือนหยิบเอา Twilight กับหนังชุด After มาผสมโรงกัน ในลักษณะที่ไม่ได้ขายความหวาบหวิวอะไร พร้อมกับใส่ความเป็น โรมิโอ-จูเลียต และเสน่ห์แบบซีรีส์ Bridgerton หยอดเข้ามาหน่อย ๆ มันคือความน้ำเน่ารสเดิมที่ออกมา..ก็อร่อยดี
เสน่ห์กับเคมีนักแสดงจุดประกาย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าซีรีส์เฉย ๆ เรื่องนี้ ค่อนข้างได้ดีเพราะเคมีกับพลังงานอันเปล่งประกายของนักแสดงจริง ๆ "แฮร์เรียต เฮอร์บิก-มัทเทิน" กับ "เดเมียน ฮาร์ดุง" ที่ถือว่าเป็นดาราดาวรุ่งจากฝั่งเยอรมัน เรียกได้ว่าพวกเขาแจ้งเกิดจากซีรีส์เรื่องนี้แบบเต็มประดาเลย พวกเขาถ่ายทอดและตีความตัวละครนำออกมาได้อย่างไหลลื่น ซ้ำยังปล่อยเสน่ห์ออกมาได้อย่างทรงพลังด้วย
ขณะที่ตัวละครสมทบอื่น ๆ ก็ไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งขว้าง ไม่ว่าจะเป็น "ซอนยา ไวเซอร์" ในบทน้องสาวฝาแฝด หรือเพื่อนซี้ LGBTQ+ อย่าง "จัสตุส ไรนส์เนอร์" และ "เฟดยา ฟาน ฮูเอ้" กับคาแรกเตอร์ท่านพ่อสุดเฮี้ยบ ทุก ๆ ตัวละครต่างได้รับการใส่ใจและปฏิบัติในทางที่ดีและเหมาะเจาะกับเรื่องราว เป็นจุดที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับให้กับซีรีส์ได้อีกด้วย
พัฒนาการตัวละครที่ไม่ธรรมดา
แม้ว่าเนื้อเรื่องของ Maxton Hall: The World Between Us จะน้ำเน่าสะบัด แต่ที่ทำให้ประหลาดใจไม่เบา กลายเป็นการให้ความสำคัญและการใส่ใจในพัฒนาการของตัวละครที่บอกเลยว่าไม่ธรรมดาเลย รูบี้ กับ เจมส์ ที่เป็นคู่รักของเรื่อง ที่พวกเขาต้องโดดเด่นที่สุดเป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณดูไปถึงตอนที่ 6 แล้วลองหันกลับมามองดูตอนแรกของเรื่องอีกที จะพบเห็นว่าตัวละครของพวกเขาค่อนข้างเดินมาไกลอย่างมีลำดับขึ้นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
เช่นเดียวกับ การผูกปมพัฒนาการตัวละครสมทบอื่น ๆ ที่หยอดเอาไว้ได้น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ลิเดีย กับ ครูเกรแฮม แม้ว่าจะมีแอร์ไทม์ให้พวกเขาไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ทุกจุดและทุกลำดับใจความสำคัญของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ค่อย ๆ ถูกยกระดับทางความรู้สึกไปทุกครั้ง หรือจะเป็นคู่รักไม่เปิดเผยระหว่าง แอลิสแตร์ กับ เคช และคู่ท่านพ่อท่านแม่ มอร์ติเมอร์ กับ คาร์เดเลีย ก็ต่างเป็นปมประเด็นความสัมพันธ์ที่ซีรีส์โปรยทางเอาไว้ได้อย่างน่าค้นหา แม้แต่ตัวละครคนขับรถ อย่าง เพอร์ซีย์ ก็ยังชวนให้ขบคิดบางอย่าง
โปรดักชันและงานสร้างดีงามกว่าที่คิดไว้
ถึงจะเห็นเป็นซีรีส์รักไฮสคูลกินน้ำเน่า ๆ แบบนี้ แต่อย่างประเมินเรื่องนี้ต่ำเกินไป เพราะองค์ประกอบงานสร้างของเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้เกินกว่าที่คาดหวังเอาไว้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น มุมกล้องและงานออกแบบโปรดักชัน ถ่ายทำออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะหลาย ๆ ซีนที่เลือกจะใช้แสดงธรรมชาติเข้ามาช่วยส่งเสริม
ขณะที่ฉากและเช็ตต่าง ๆ ถูกสรรค์สร้างออกมาได้ค่อนข้างพิถีพิถัน ไม่จกตาและไม่ดูถูกคนดูด้วย ไม่ว่าจะเป็นฉากปราสาทที่เป็นโรงเรียน หรือจะเป็นฉากเล็ก ๆ ของบ้านของรูบี้ ต่างเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ได้อย่างน่าพอใจ เช่นเดียวกับ เพลงประกอบ นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ถูกใส่เข้ามาได้ค่อนข้างเหมาะเจาะและตรงจังหวะดี เป็นการส่งเสริมอารมณ์ของซีรีส์ได้อยู่หมัด และฟินจริง ๆ
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Maxton Hall: The World Between Us ถือว่าเป็นซีรีส์รักวัยรุ่นสุดแสนน้ำเน่า ที่ดันสนุกและเพลินดีจริง ๆ เป็นความน้ำเน่าที่อย่าปรามาสและประเมินค่าที่ต่ำเกินไป เพราะเรื่องนี้สร้างตอบโจทย์และประคับประคองมาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ดีแบบจัดจ้าน เป็นซีรีส์รักที่ทำออกมาได้ถึงในหลาย ๆ จุด เป็นเรื่องราวแค่ 6 ตอนที่กำลังเหมาะเจาะพอดี เผลอ ๆ อาจจะรู้สึกว่าสั้นไป แต่อย่างน้อย ๆ เรื่องนี้เติมแต่งมาด้วยความเข้มข้น ถึงใจถึงอารมณ์ในหลาย ๆ ด้าน มอบผลลัพธ์ที่มากกว่าที่คิดเอาไว้
ข้อมูลเกี่ยวกับซีรีส์: Maxton Hall โลกที่ขวางระหว่างเรา
- ประเภท: โรแมนติก / ดรามา
- ผู้กำกับ: มาร์ติน ชไรเออร์, ทาเร็ก ร็อลห์ลิงเงอร์
- นำแสดงโดย: แฮร์เรียต เฮอร์บิก-มัทเทิน, เดเมียน ฮาร์ดุง, ซอนยา ไวเบอร์, เฟดยา ฟาน ฮูเอ้
- ความยาว: ซีซั่น 1 - 6 ตอน
- กำหนดฉายในไทย: 9 พฤษภาคม 2024 (Prime Video)
Movie.TrueID METRIC: Maxton Hall โลกที่ขวางระหว่างเรา
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa