ชวนชม Bloody Heart (2022) ละเมียดเร้าใจที่อาจไม่ใหม่จนต้องตะลึง แต่ถึงฟอร์มงานสร้างระดับภาพยนตร์แม้ดูไปบ่นไปจะชอบดูซีรีส์เกาหลีแต่ก็มีที่มองข้ามนั่นคือซีรีส์จักรๆวงศ์ๆของเกาหลีมักจะดูเป็นลิเกในสายตา ทำให้หมางเมินมองข้ามเสมอมาจนกระทั่งมาเปิดใจดูงานระดับมาสเตอร์พีซของซีรีส์เกาหลีก็ว่าได้ไม่นับเฉพาะแนวย้อนยุคอย่าง Mr.Sunshine จึงได้ทราบว่าเกาหลีไม่ลิเกแล้ว ด้วยมาตรฐานงานด้านบทที่ละเมียดในการผสานเรื่องราวประวัติศาสตร์เข้ากับเรื่องแต่งได้อย่างลงตัว งานด้านภาพและคุณภาพการถ่ายทำระดับที่เหมือนดูงานภาพยนตร์เรื่องยาว (มาก) มากกว่า หลังจากสัมผัสคุณภาพที่ต้องเชิดชูมาก็ไม่เคยรังเกียจซีรีส์เกาหลีย้อนยุคอีกเลยแม้ว่าเรื่องที่เล่าอาจไม่ได้ไปไกลมากนัก เพราะส่วนใหญ่ก็เอาเหล้าเก่ามาใส่ขวดใหม่วนเวียนในเรื่องของขุนนางผู้ฉ้อฉลที่พยายามมีอำนาจเหนือราชบัลลังก์ผ่านเรื่องบุญคุณความแค้น เพียงแต่เหล้าที่จะเอาไปใส่ขวดนั้นรสชาติจะดีขนาดไหนและขวดที่ใส่จะสวยงามขนาดไหนเท่านั้นกับงานใหม่ที่เข้ามาให้ดูด้วยความน่าสนใจว่าด้วยเรื่องของสามมุมชีวิต หนึ่งคือมหาเสนาบดีฝ้ายซ้ายพัคเยวอน (จางฮยอก) ขุนนางที่มีอำนาจเหนือองค์ราชาและควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ อีกหนึ่งคือพระราชาอีแท (อีจุน) ผู้มีความแค้นกับการที่พระบิดาถูกมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายต้อนจนมุม จนต้องสละชีพพระมเหสีที่เป็นพระมารดาของพระราชาที่ทรงเป็นองค์รัชทายาทเมื่อขณะนั้น กับอีกหนึ่งคือแม่หญิงยูจอง (คังฮันนา) หญิงสาวที่เข้ามาสู่เกมนี้โดยไม่เต็มใจเมื่อนางเองได้รับผลจากการพยายามชิงอำนาจคืนมาขององค์รัชทายาทซึ่งก็คือพระราชาอีแท แน่นอนว่านางมีความแค้นกับการที่ถูกล้างตระกูลแต่นางไม่ทราบว่าชายที่นางมีใจให้เสมอมาคือองค์รัชทายาทเดิมที่ดึงเอาครอบครัวนางมาสู่จุดล่มสลาย เรื่องของสามคนสามมุมจึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีรายละเอียดยังไง เพราะเดาได้ว่าปลายทางคนร้ายก็ต้องได้รับผลของการกระทำที่คนดูต้องเฝ้ารอดูอย่างใจจดจ่อแต่ทำไมผู้เขียนจึงต้องมาชวนชมตั้งแต่จบตอนที่สองไม่ใช่ตอนที่สี่อย่างที่เป็นมาตรฐานของผู้เขียนเอง ประการแรกเพราะเรื่องนี้ที่ผ่านไปสองตอนมองเห็นความละเมียดในรายละเอียดของบทที่วางพื้นฐานตัวละครได้อย่างน่าสนใจทั้งสามตัวละครที่ว่ามา และเห็นทิศทางความเร้าใจที่จะทวีเพิ่มขึ้นเมื่อความจริงบางอย่างหรือความคิดบางประการได้เผยออกมา กระทั่งแผนที่ซ้อนแผนปรากฎผลซึ่งมองเห็นความเชือดเฉือนหักเหลี่ยมกันรออยู่ในอนาคตข้างหน้า ที่น่าจะบันเทิงไม่น้อยเพราะแค่สองตอนยังมอบความระอุในอารมณ์คนดูได้ด้วยความสัมพันธ์ของตัวละคร ทั้งยังมองเห็นว่าพระราชาที่ไร้อำนาจมิใช่พระราชาที่อ่อนแอและพร้อมเอาคืนเพียงแต่จะเอาคืนอย่างไรเท่านั้น ซึ่งเห็นได้จากงานด้านบทที่ดูแล้วละเมียดไม่เร่งเรื่องให้เร็วเกินไปจนดูจงใจ แต่ให้เก็บเกี่ยวความรู้สึกรักและชังไว้เพื่อพัฒนามิติทางหัวใจคนดูประการที่สองคืองานด้านภาพและโปรดัคชั่นที่ดูแปลกตาถ้าว่ากันที่นี่คือละครโทรทัศน์ คนดูจะรู้สึกเร้าใจกับมุมกล้องที่ดูแปลกไป ฉากและโลเกชั่นที่ดูต่างไปจากซีรีส์ย้อนยุคที่เคยดูมาที่มักจะถ่ายทำกันที่เดิมจนเห็นเป็นภาพที่คุ้นตา แต่เรื่องนี้แม้จะมองเห็นบ้างแต่เทคนิคทางด้านภาพทำให้ดูเหมือนไม่ซ้ำ และยังมีสถานที่ถ่ายทำที่สวยแลดูแปลกไปจากที่เคยเห็น ด้วยการเสนอภาพแสงและสีที่อาจเรียกว่าฟิล์มนัวร์ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อเสนอความหม่นที่เห็นเป็นความมืดประหนึ่งจะสื่อถึงด้านมืดของอำนาจ รวมถึงการใช้ภาพสโลว์และภาพมุมกว้างที่มักจะไม่ได้เห็นในงานด้านละครโทรทัศน์ เรียกได้ว่างานด้านโปรดัคชั่น เทคนิคการถ่ายทำ การตัดต่ออยู่ในระดับงานภาพยนตร์ที่เคยได้เห็นมาใน Mr.Sunshine จนมาเจออีกครั้งในเรื่องนี้ที่ดูไปก็ไม่ต่างจากการดูหนัง อ้อ..เกือบลืมไปว่างานด้านคอสตูมเสื้อผ้าก็ดูเนี้ยบขึ้นเป๊ะทุกการตัดเย็บขึ้นไม่ใช่ใส่ตัวเดิมหลวมๆโคร่งๆกันอีกแล้วและประการที่สามคือจางฮยอกที่รับเล่นซีรีส์โทรทัศน์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในรอบสองปีหลังจาก Tell Me What You Saw และการมารับบทมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จครั้งนี้แน่นอนว่าจางฮยอกรับบทร้ายเต็มที่ และเท่าที่ดูไม่ใช่แค่ร้ายธรรมดาแต่น่าจะร้ายจนน่ารังเกียจถ้ามองจากสองตอนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่แฟนๆจางฮยอกจะยังได้รับรางวัลจากการรับบทร้ายครั้งนี้คือการที่บทของเขาเป็นศูนย์กลางของเรื่อง เป็นตัวกำหนดอารมณ์คนดูว่าจะรักใครเกลีดใครและเท่าที่เห็นผ่านมาสองตอนจางฮยอกสามารถใช้การแสดงของเขาเพิ่มดีกรีความเข้มของการเก็บเกี่ยวอารมณ์คนดูทำให้มีความแรงขึ้นได้ ร่วมด้วยอีจุนและคังฮันนาที่สองตอนที่ผ่านมาเห็นเคมีที่ลงตัวในการรับส่งในฐานะพระนาง แล้วด้วยความเข้ากันดีแบบนี้เมื่อปัจจัยตกกระทบเรื่องที่ปิดเร้นไว้เผยออกมาอาจถึงกับเรียกน้ำตาได้ซึ่งก็ต้องตามดูต่อไป เพราะทั้งสองก็พิสูจน์ตัวเองมาพอสมควรแล้วสรุปจากสองตอนที่ผ่านมาเรื่องนี้อาจไม่ใช่อะไรที่ใหม่จนแหวก กลับกันคือเมื่อเห็นมิติของตัวละครก็พอทราบว่าเรื่องจะลงเอยเช่นไร แต่กับสองตอนที่ผ่านมาแค่สองตอน ย้ำ แค่สองตอนความเข้มข้นพลิกผันเชือดเฉือนชิงไหวชิงพริบยังเข้มข้นปานนี้ แถมยังมีฉากแอ็คชั่นสวยๆดูสนุกที่ดูดีเกินมาตรฐานงานละครโทรทัศน์ให้เห็น ประกอบกับพระเอกนางเอกดูดีน่ามองในชุดย้อนยุคที่มีรายละเอียดเนี้ยบกว่าที่เคยเห็นมา การแสดงของจางฮยอกที่เข้มข้นทุกวินาทีที่ขึ้นจอ ทำให้เรื่องนี้แม้ว่าอาจยังบอกไม่ได้ว่าถึงที่สุดจะยังเป็นไปตามขนบหรือไม่เพราะยังอีกไกล แต่ที่มองเห็นได้ตั้งแต่ตอนนี้คือรายละเอียดที่มองเห็นการเย็บที่เก็บทุกฝีเข็มทั้งยังได้การแสดงชั้นดีมาถ่ายทอด งานด้านภาพ ฉาก และงานด้านเทคนิคระดับฉายจอใหญ่ได้สบาย จึงเป็นงานที่ต้องมาชวนชมกันต่อไปเพราะเชื่อเหลือเกินว่า แค่สองตอนยังขนาดนี้ต่อไปต้องมอบความบันเทิงที่เร้าใจเป็นแน่เป็นสองตอนที่ดูดีในทุกทางจึงต้องออกมาชวนชมและรอตอนต่อไปไปด้วยกันโดยดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 จาก Facebook KBS 드라마ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 จาก Instagram kbsdrama เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!