เวลาผู้คนทั่วไปนึกถึงภาพของสงคราม คนเรามักจะนึกถึงการรบพุ่งกันด้วยอาวุธ การต่อสู้ของเหล่าทหารทั้งหลายที่เป็นผู้ชาย มักจะสะท้อนภาพของการพลัดพรากจากครอบครัวบ้านเกิดเพื่อออกรบ ภาพของวีรบุรุษสงคราม แต่จะมีสักกี่คนที่นึกถึงความเลวร้ายอีกด้านหนึ่ง ที่หนังทั้ง 3 เรื่องนี้หยิบมาสะท้อนถึงความเจ็บปวดของ "Comfort women" เหล่าหญิงสาวชาวเกาหลีที่ถูกจับไปเป็นเชลย เพื่อสนองความใคร่ให้แก่ทหารญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองSnowy Road (2017)ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Snowy Road หนังดราม่าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เด็กสาวชาวเกาหลีหลายร้อยหลายพันคน ต้องกลายเป็นหญิงบำเรอกามในค่ายทหารญี่ปุ่น หนังเล่าเรื่องราวผ่านสองเด็กสาว ชเวจองบุน (Hyang-gi Kim) และ คังยองเอ (Sae-ron Kim) เด็กสาวสองคนที่แตกต่างกัน เมื่อ จองบุน เป็นเพียงเด็กสาวบ้านๆที่แอบชอบพี่ชายของ ยองเอ ส่วน ยองเอ เป็นเด็กสาวจากครอบครัวที่มีฐานะ เธอจึงมีความทะนงตนและมองว่า จองบุน ไม่เหมาะกับพี่ชายของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหน จองบุนกับยองเอ ก็ต้องเจอกับความโหดร้ายของสงครามไม่ต่างกัน เมื่อทั้งสองคนถูกจับไปเป็นเชลยในสงคราม เพื่อสนองตัณหาของเหล่าทหารที่จากบ้านจากเมืองมาไกล หนังออกฉายเป็นทางการในปี 2017 แต่อันที่จริงก่อนหน้าเคยถูกทำเป็นมินิซีรี่ส์ 2 ตอนฉายทางช่อง KBS1 ในปี 2015 ก่อนจะถูกตัดต่อใหม่กลายมาเป็นหนังยาวออกฉาย แม้หนังจะเล่าเรื่องราวโชคชะตาเลวร้ายที่เด็กสาวสองคนต้องเผชิญ แต่เป้าประสงค์ของหนังจริงๆคือ การสื่อสารถึงคนหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่มักมองไม่เห็นค่าของโอกาสที่มีในยุคปัจจุบัน ที่คนในอดีตแบบ จองบุนและยองเอ ไม่มี เมื่อความใฝ่ฝันของ ยองเอ คือการเป็นครู ส่วน จองบุน ที่ยากจนไม่มีโอกาสก็อยากเรียนหนังสือ แต่เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวในปัจจุบันที่มีโอกาสมากมาย กระทั่งรัฐให้ทุนเรียนฟรีๆพวกเขากลับไม่เห็นคุณค่า หนังเรื่องนี้จึงเหมือนเสียงสะท้อนจากผู้คนในอดีต ที่ส่งมายังคนหนุ่มสาวในปัจจุบันให้เห็นถึงความสำคัญ คุณค่าของโอกาสที่พวกเขาไม่เคยมีSpirits' Homecoming (2016)ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : Spirits' Homecoming หนังอีกหนึ่งเรื่องที่บอกเล่าเรื่องราวชะตากรรมของเด็กสาวชาวเกาหลี ที่ถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องราวของเด็กสาวสองคน จองมิน (Han-na Kang)และยองฮี (Seo Mi-Ji) รวมถึงเด็กสาวชาวเกาหลีอีกหลายคน ถูกจับตัวไปเพื่อสนองความใคร่ในค่ายทหาร โดยหนังเล่าสลับกับเหตุการณ์ในปี 1991 เรื่องราวของ อึนคยอง (Choi Ri) เด็กสาวที่ประสบเหตุร้ายกับตัวเองและครอบครัว จนนำพาให้เธอได้มาอยู่กับ ยองอ็ก (Son Sook) ร่างทรงที่ทำให้ อึนคยอง ได้สัมผัสกับความรู้สึกของเด็กสาวในอดีตและพาพวกเธอกลับบ้านอีกครั้ง หนังเล่าในมุมมองที่อยากให้คนภายนอกเข้าใจถึงหัวอกของผู้หญิง ที่กลายเป็นเครื่องมือระบายความใคร่ในสงคราม ในช่วงที่ประเทศเกาหลีใต้ประกาศเปิดการลงทะเบียน เพื่อให้เหยื่อได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ส่วนที่สื่อสารประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจน คงเป็นประโยคของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่พูดว่า “ใครจะกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกกับคนอื่นล่ะ นอกจากคนบ้า ใช่ไหมล่ะ” เป็นหนังดราม่าที่มีความฟูมฟายหนักเอามากๆ แม้ฉากในหนังจะไม่ได้นำเสนอออกมาอย่างรุนแรง แต่จากเนื้อหาวิธีการเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ มันบิ้วซะจนคนดูอย่างเราไม่มีทางไม่เสียน้ำตาให้กับหนังได้เลยI Can Speak (2017)ขอบคุณเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ : I Can Speak หนังดราม่า คอมเมดี้ ที่สับขาหลอกคนดูด้วยความคอมเมดี้ในช่วงต้น ก่อนที่จะดัดหลังด้วยดราม่าเรียกน้ำตาจากคนดู เรื่องราวของ พัคมินแจ (Lee Jehoon) เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตกรุงโซลที่เพิ่งถูกย้ายมาใหม่ เขาเป็นคนเจ้าระเบียบทำงานเปะเวอร์ทุกอย่าง แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเมื่อ พัคมินแจ ต้องมาเจอกับคุณยายนาอ๊กบุน (Moon-hee Na) คุณยายนักร้องเรียนประจำสำนักงานเขต ยายนาอ๊กบุญร้องเรียนสารพัดเรื่อง จนทุกคนในชุมชนต่างเอือมระอา แต่แล้ววันหนึ่งอยู่ดีๆไม่รู้ว่าแกกินอะไรผิดสำแดง เดินมาขอร้องให้ พัคมินแจ ชวนสอนภาษาอังกฤษให้ เพื่อแลกกับการที่แกจะสงบศึกเลิกเป็นนักร้องเรียน หนังอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงชะตากรรม ของเด็กสาวชาวเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพียงแต่คราวนี้หนังไม่ได้หยิบเอาเหตุการณ์ในอดีตมากล่าวถึง แต่เป็นการเล่าถึงผู้หญิงเหล่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ การต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังไม่มีลูกหลาน สะท้อนถึงสังคมที่อยากให้คนรุ่นใหม่ มองผู้สูงอายุเป็นอีกคนในครอบครัว แม้ด้วยความที่เป็นคนสูงวัย อาจมีความเอาแต่ใจไปบ้างก็ตาม เป็นหนังดีที่แนะนำให้ดูอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้เราเข้าใจคนสูงอายุมากขึ้น แล้วก็ทำให้เห็นว่าคำ “ขอโทษ” มันก็สำคัญไม่น้อยกว่าการเยียวยาด้วยเงินทองเขียนโดยแอดมิน เพจ ปีนรั้วดูหนัง