เมื่อเร็ว ๆ มานี้ได้ยินข่าวฉลองครบรอบ 20 ปี แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์และหนังสือที่มีความยอดนิยมมาตั้งแต่วัยเด็กของใครหลาย ๆ คน แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานภาพยนตร์ชุดนี้ก็ยังคงยอดนิยมอยู่ ทางผู้เขียนเชื่อว่า ต้องมีหลายคนแหละที่วนกลับไปดูซ้ำ ๆ ที่เชื่อแบบนั้นเพราะตัวผู้เขียนก็วนกลับไปดูซ้ำบ่อย ๆ จ้า วันนี้เราเลยจะมาหวนรำลึกถึงเรื่องราวของแฮร์รี่กันอีกครั้ง โดยการเฟ้นหาเรื่องลับของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีในหนังสือ แต่ไม่มีภาพยนตร์มาฝากกันจะมีเรื่ออะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย1. ทารกที่อยู่ในคำทำนายคนที่พิชิตเจ้าแห่งศาสตร์มืด ข้อแรกขอเริ่มที่ทารกในคำทำนายก่อนเลย ในภาคที่ 5 ภาคีนกฟีนิกซ์จะพูดถึงคำทำนายถึงคนที่จะพิชิตเจ้าแห่งศาสตร์มืด ตัวผู้เขียนดูภาพยนตร์แล้วแอบสงสัย เพราะหลังจากปรากฏคำทำนายออกมาแล้ว ในภาคที่ 6 นั้นในเรื่องเหมือนมีการถกเถียงว่าใครกันแน่ที่เป็นเด็กคนนั้น ซึ่งแน่นอนว่าตัวแอร์รี่นั้นก็คิดว่าเป็นเขานั่นแหละ ส่วนคนดูก็มั่นใจว่าเป็นแอร์รี่ แต่ในหนังสือนั้นปรากฏชื่อ 2 เด็กทารกนอกจากแฮร์รี่แล้ว ยังมี เนวิล ลองบอตทอม ด้วย ส่วนตัวรู้สึกอยากให้มีฉากนี้นะ เพราะแค่วอลโด มอร์ รู้ว่ามีเด็กที่สามารถฆ่าเขาได้แค่คนเดียวยังกระอักกระอ่วนขนาดนั้น ถ้ารู้ว่ามี 2 คนจะเป็นแบบไหนกันนะ 2. สเนปทำให้แฮร์รี่เป็นอัมพาต ( ชั่วคราว ) ยังคงอยู่ในภาค 5 ในฉากท้ายเรื่องที่สเนปจำใจต้องปลิดชีพดัมเบิลดอร์นั้น ตามเนื้อหาในหนังสือ เขาจะต้องทำให้แฮร์รี่เป็นอัมพาตชั่วคราวก่อน และโยนเสื้อคลุมล่องหนใส่เขาเพื่อไม่ให้ใครเห็น ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาแทรกแซงสิ่งที่เขากำลังจะทำ ซึ่งจะต่างกับในภาพยนตร์ ที่แฮร์รี่แค่ยืนแอบอยู่ข้างล่าง แหมน่าเสียดายนะ น่าจะเพิ่มเข้ามาหน่อย แต่ถ้ามีฉากนี้มา คนคงรู้สึกไม่ชอบสเนปหนักแน่ ๆ 3. ความทรงจำอันเลวร้ายที่สุดของสเนป ไหน ๆ ก็กล่าวถึงสเนปไปแล้ว ก็มาต่อที่เนื้อหาของสเนปอีกสักข้อ ในฉากที่สเนปฝึกแฮร์รี่ให้ต่อต้านคาถาควบคุมจิตใจ แล้วแฮร์รี่ใช้คาถาย้อนกลับจนเห็นความทรงจำอันเลวร้ายบางส่วนของสเนปที่เขาถูกกลั่นแกล้ง แต่นั่นยังไม่ใช่ความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดของสเนป ส่วนที่ร้ายที่สุดของเขาคือ การที่เขาเคยเรียก ลิลี่ พอตเตอร์ ว่า “เลือดสีโคลน” และหลังจากนั้น ลิลี่ ก็ไม่เคยให้อภัยเขาเรื่องนี้เลย และถ้ามันมีส่วนนี้ในภาพยนตร์ สเนปคงถูกมองว่าร้ายยิ่งขึ้นเลยล่ะนะ แต่พอเป็นฉากที่เขาโดนแกล้ง ความไม่ชอบในตัวสเนปมันก็ดูเบาลง และคนดูก็เริ่มเห็นใจสเนปบ้าง4. ความสัมพันธ์ของดัดลีย์และแฮร์รี่ ข้อนี้ส่วนตัวผู้เขียนอยากให้ในเรื่องมาก ๆ มันคงจะดีถ้าคนที่เคยไม่ชอบหน้ากัน ได้เข้าใจกันและกัน สำหรับฉากของสองคนนี้ในเรื่องนั้นคือไม่ลงรอยกัน ดัดลีย์แกล้ง และล้อเลียนแฮร์รี่เสมอมา แม้กระทั่งตอนโดนผู้คุมวิญญาณโจมตีแล้วได้แฮร์รี่ช่วยไว้ ก็ไม่มีฉากขอบคุณอะไรสักนิด แต่ในหนังสือนั้น หลังจากที่ดัดลีย์รอดมา เขาได้กล่าวขอบคุณแฮร์รี่จากใจจริง และไม่ใช่แค่แฮร์รี่ช่วยครอบครัวนี้นะ ภาคีฟินิกซ์ก็ยังช่วยพาครอบครัวดัดลีย์ไปซ่อนในที่ที่ปลอดภัยอีกด้วย5. ป้าเพ็ตทูเนียไม่ได้เกลียดลิลี่ ถัดจากดัดลีย์ผู้เป็นลูก เรามาต่อที่ข้อเท็จจริงของเพ็ตทูเนียที่มีในหนังสือแต่ไม่มีในภาพยนตร์ก็คือ ความรู้สึกที่อยู่ก้นบึ้งของใจของเธอนั่นเอง จริง ๆ เพ็ตทูเนีย ไม่ได้เกลียดลิลี่ที่เป็นแม่มด แต่เธออิจฉาต่างหาก หลังจากที่ลิลีได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์ ตัวเพ็ตทูเนียเองก็ได้เขียนจดหมายถึงดัมเบิลดอร์เพื่อขอเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์บ้าง แต่ดันถูกปฏิเสธ ก็คงจะเจ็บใจปน ๆ กับอิจฉา ก็เลยแสดงออกมาแบบนั้น6. เพ็ตทูเนียบอกลากับแฮร์รี่ก่อนจะแยกจากกัน ยังอยู่ที่เรื่องราวของ เพ็ตทูเนียนะคะ เพราะไม่ได้เกลียดลิลี่ผู้ที่เป็นน้องสาว และแม่ของแฮร์รี่ เลยไม่มีเหตุผลที่จะเกลียดแฮร์รี่ และจริง ๆ แล้ว แฮร์รี่กลับเป็นเครื่องเตือนถึงสิ่งที่เธอเคยทำไว้กับน้องสาว เธอรู้สึกว่าเธอนั้นละเลยน้องสาว และที่รู้สึกเกลียดโลกเวทมนตร์นั่นก็เพราะ การตายของน้องสาวที่ถูกพ่อมดชั่วร้ายสังหารนั้น ทำให้เธอรู้สึกว่าเหล่าพ่อมดแม่มดไม่ได้สนใจไยดีกับชีวิตของมักเกิล แต่เธอก็ไม่สามารถยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้วแสดงความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกออกมาอย่างตรงไปตรงมาได้ เลยใช้การแสดงออกแบบร้าย ๆ กับแฮร์รี่ ซึ่งในหนังสือเล่มสุดท้ายได้กล่าวส่วนนี้ไว้ แต่ในหนังภาคสุดท้ายนั้นจะมีแค่ฉากที่พวกเขาเก็บของออกจากบ้านไปแบบดื้อ ๆ เลย ไม่มีแม้แต่คำเอ่ยลา ส่วนในหนังสือนั้นป้าเพ็ตทูเนียได้บอกลากับแฮร์รี่เป็นครั้งสุดท้าย และเกือบจะอวยพรให้แฺฮร์รี่อยู่รอดปลอดภัย แต่ก็อย่างที่บอกว่าเขาไม่อาจยอมรับความรู้สึกตรงนั้นได้เลยไม่พูดอะไร แค่บอกลาไปเท่านั้นเอง 7. เอลฟ์ต่อสู้ในสงครามพ่อมดแม่มดครั้งสุดท้าย ในภาพยนตร์เราจะเห็นเอลฟ์เพียงคนเดียวที่ออกมาต่อสู้และช่วยแฮร์รี่ แต่ในหนังสือนั้นเอล์ฟประจำบ้านทุกตน คืออีกหนึ่งกลุ่มที่เข้าร่วมการต่อสู้ในสงครามพ่อมดแม่มดครั้งสุดท้าย พวกเขาออกมาสู้กับผู้เสพความตาย โดยใช้แค่มีดทำครัวเป็นอาวุธ โอ้โห ส่วนตัวรู้สึกอยากให้มีฉากนี้มาก ๆ มันคงจะให้ความรู้สึกที่ฮึกเหิม และนึกภาพไม่ออกเลยว่า เอลฟ์ที่ถือมีดทำครัวออกมาสู้ จะดูโหดหรือน่ารักกันแน่8. สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหลังเรียนจบ เฮอร์ไมโอนีเป็นคนเดียวที่เรียนจบ ส่วนแฮร์รี่และรอนไม่ได้กลับไปเรียนต่อหลังจบสงครามพ่อมดแม่มด แต่ถึงจะเรียนไม่จบทั้งคู่ก็ได้ทำงานในกระทรวงเวทมนตร์ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้น หลังจากจบเรื่องราวทั้งหมด เธอได้ก่อตั้งสมาคมเรียกร้องสิทธิเอลฟ์ (ส.ร.ร.ส.อ.) เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับเอลฟ์ประจำบ้าน ช่างเป็นคนเก่ง และจิตใจดีจริง ๆ 9. แฮร์รี่ไม่เคยหักไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ในภาพยนตร์หลังจบเรื่องราวทั้งหมด เราจะเห็นแฮร์รี่หักไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ที่ถือเป็นไม้กายสิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดไป แต่ทว่าเนื้อหาในหนังสือนั้นต่างออกไป คือแฮร์รี่ไม่เคยหักไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ มีการกล่าวอ้างว่าไม่มีใครสามารถใช้มันได้อีกแล้วนอกจากแฮร์รี่ และแฮร์รี่ในตอนนั้นเขาก็ผจญภัยกับมันมามากพอแล้ว เขาจึงเลือกที่จะนำมันกลับไปที่สุสานของดัมเบิลดอร์ และคืนมันให้กับดัมเบิลดอร์ในสภาพปกติ ผู้เขียนรู้สึกว่าไม่มีฉากนี้ก็ไม่แย่นะ เพราะการที่แฮร์รี่เลือกจะหักทิ้งมันทำให้รู้สึกเหมือนว่า ตัวเขานั้นไม่สนใจอำนาจ ต่อให้มีของที่ทรงพลังในมือเขาก็ไม่คิดที่จะพึ่งพามัน เขาเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเขาเอง 10. เหตุผลที่ทำให้แฮร์รี่คิดว่ากวางผู้พิทักษ์คือพ่อของตัวเอง ในภาพยนตร์ ปรากฏให้เห็นว่าแฺฮร์รี่นั้นคิดเองเออเองว่า กวางตัวนั้นเป็นพ่อของเขาเองแน่ ๆ เพราะในภาพยนตร์ไม่มีใครกล่าวถึงความสามารถของเจมส์ให้แฮร์รี่และคนดูรู้มากนัก แต่ในหนังสือนั้นมีการอธิบายถึงหลักความเป็นไปได้ เพราะพ่อของเขา เจมส์ พอตเตอร์นั้นใช้เวลาถึง 3 ปีในการเรียนรู้ที่จะเป็นแอนิเมจัส ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ในที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แฮร์รี่คิดว่ากวางตัวนั้นไม่ใช่ใครอื่น ต้องเป็นพ่อของเขาแน่ ๆ 11. ทำไมโวลเดอมอร์เกลียดมักเกิลมาก ครอบครัวของโวลเดอมอร์ไม่ได้สมบูรณ์แบบ พ่อและแม่จริง ๆ ก็ไม่ได้รักกัน เพราะแม่ของเขานั้นเลือกที่จะใช้ยาเสน่ห์กับพ่อ จนกระทั่งแม่ของทอมตั้งครรภ์จึงหยุดใช้ยาเสน่ห์ เพราะคิดว่าพ่อของทอมจะเห็นแก่เด็กในท้อง แต่ไม่ใช่เลย เขาทิ้งแม่ของทอมในทันที และเมื่อแม่คลอดทอมออกมา แม่ของทอมก็ตายจากไป ทำให้ทอมเกลียดพ่อที่เป็นมักเกิล รวมถึงเกลียดตัวเองที่มีเลือดของมักเกิลอยู่ด้วย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาจงเกลียดจงชังมักเกิลทั้งหมด จนคิดว่าเลือดบริสุทธิ์ไม่ควรข้องเกี่ยวกับพวกมักเกิล ซึ่งส่วนนี้ก็ไม่มีภาพยนตร์ และ เจ.เค.โรว์ลิ่งได้อธิบายเพิ่มว่า นี่เป็นวิธีเชิงสัญลักษณ์ในการแสดงให้เห็นว่าเขาเติบโตมาในสภาพที่ขาดความรัก จริง ๆ แล้วตัวโวลเดอมอร์เองนั้นก็เป็นเด็กที่มีปัญหาอันเนื่องมาจากครอบครัวนั่นเอง12. ชาร์ลี วีสลีย์บอกวิธีรับมือมังกรกับแฮร์รี่ ชาร์ลี วีสลีย์ลูกชายคนที่ 2 ของตระกูลวีสลีย์ แต่กลับเป็นคนเดียวที่ไม่มีปรากฏตัวในภาพยนตร์เลย ในภาพยนตร์ก็จะมีกล่าวถึงเขาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดเยอะ ส่วนในหนังสือนั้นก็กล่าวถึงเล็กน้อยเช่นกัน แต่มีฉากให้เขาออกมามีบทบาทบ้าง ซึ่งก็จะเป็นในเล่มที่ 4 ถ้วยอัคนี ในตอนที่แฮร์รี่และครอบครัววีสลีย์จะไปชมการแข่งขันแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพ ซึ่งในการไปที่นันเนี่ยก็ทำให้แฮร์รี่และชาร์ลีได้พบกัน และพูดคุยกันเกี่ยวกับการรับมือกับมังกร ในภาพยนตร์นั้นไม่มีฉากชาร์ลีพบกับแฮร์รี่เลย จะมีเป็นแค่รอนที่เป็นคนส่งข่าวบอกเรื่องมังกรกับแฮร์รี่แค่นั้นเอง แหมเปิดตัวลูกชายตระกูลวีสลีย์มาทุกคนแล้ว ทำไมไม่มีชาร์ลีอีกสักคน คิดแล้วก็น่าเสียดาย13. ผู้เปิดเผยเรื่องกองทัพดับเบิลดอร์ในภาค 7 พาร์ท 1 ข้อนี้จะว่าไม่มีในภาพยนตร์ก็ไม่ใช่ เพราะว่ามี แต่เป็นการปรับเปลี่ยนบทค่ะ ในภาพยนตร์จะไม่มีบทให้ตัวละครที่ชื่อว่า มารีเอตต้า เอจคอมป์ ที่เป็นเพื่อนซี้ของโชแชง ผลเลยไปตกที่โชของเราที่ต้องเป็นผู้ถูกบังคับให้ดื่มสัจจะเซรุ่มเพื่อให้คลายความลับกองทัพดับเบิลดอร์ที่นำโดยแฮร์รี่ ซึ่งในหนังสือนั้นผู้ที่คลายความลับนี้คือมารีเอตต้าค่ะ และหลังจากนั้นแฮร์รี่กับโชแชงก็จะห่าง ๆ กันไป เพราะผลลัพธ์มันจบลงเหมือนกัน มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อป้องกันความยืดเยื้อผู้จัดทำภาพยนตร์จึงเลือกตัดตัวละครอื่น และให้บทกับโชแทนไปเลยนั่นเอง14. ออกัสต้า ลองบัตท่อม คุณยายที่เข้มงวดของเนวิล ในภาพยนตร์นั้นเราจะเห็นเนวิลกล่าวถึงคุณยายแค่นิดเดียวคือในภาค 3 ในตอนที่เรียนการรับมือกับบ็อกการ์ต ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างตามความกลัวของผู้ที่อยู่ตรงหน้า และเนวิลก็รับมือด้วยการนึกภาพสเนปสิ่งที่เขากลัวให้อยู่ในชุดของคุณยายของเขา ก็ไม่ได้เห็นคุณยายของเนวิลอยู่ดี แต่ในหนังสือนั้นจะมีบรรยายเกี่ยวกับครอบครัวลองบัตท่อม กล่าวถึงพ่อแม่ที่ถูกรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล และคุณยายของเนวิล ที่ชื่อว่าออกัสต้า เธอเป็นคนที่เลี้ยงดูเนวิลมา นอกจากนี้หนังสือยังลงรายละเอียดเกี่ยวกับออกัสตาว่าเธอเป็นคนที่เข้มงวดมาก และมีความคล่องตัว มีความเร็วสูงมาก อีกทั้งยังมีบทบาทในการช่วยเนวิลต่อสู้ในสงครามพ่อมดแม่มดครั้งสุดท้ายที่ฮอกวอตส์อีกด้วยมักเกิลต้องไม่พลาด "Harry Potter" 7 ภาค 8 เรื่อง ครบทุกตอน กลับมาให้ได้ชมที่ TrueID และนี้ก็คือเรื่องราวที่ไม่มีในภาพยนตร์แต่มีในหนังสือ หลาย ๆ ฉาก ตัวผู้เขียนก็อยากให้มีนะ เพราะคงจะเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้มากขึ้น แต่ก็เข้าใจได้ว่าถ้าจะใส่ทุกรายละเอียดตามหนังสือเลย เนื้อเรื่องอาจจะยืดยาวเกิน 2 ชั่วโมงเป็นแน่ หากใครรู้สึกคิดถึงแฮร์รี่ อยากจะรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์อีกครั้ง สามารถรับชมได้ที่ TrueID ได้เลยน้า และสุดท้ายนี้ถ้ารู้สึกชอบก็แชร์ออกไปได้เลย และถ้าใครมีซีรีส์หรือภาพยนตร์เด็ด ๆ สนุก ๆ อยากจะแนะนำ ก็คอมเมนต์ไว้ได้เลย เราจะได้ไปตามดูค่ะ และถ้าอยากจะติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ของเรา ก็สามารถติดตามได้ที่ facebook (ท่องเที่ยว) : แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย YouTube : I Tell You Trytwitter : Artinimeบทความ True ID : หญิงเถื่อนเรียบเรียงโดย : หญิงเถื่อนขอบคุณภาพจาก Harry Potter - ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 / ภาพที่ 14 / ภาพที่ 15 / ภาพปก - 1,2,3,4,5,6,7,8,9อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจได้ที่- รีวิวหนังใหม่ TheConjuring 3 : The Devil Made Me Do It น่ากลัวแค่ไหนมาชม- รีวิว รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร ปฐมบท ภาพยนตร์ใหม่ สนุกมันส์ บน netflix- รีวิว รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวแอ็กชันย้อนยุค บน netflix- Tokyo Revengers โตเกียว รีเวนเจอร์ส กับ 5 ตัวละครสุดเก่งที่ควรรู้จัก- 10 ผลงานสุดปัง ของ ใบเฟิร์นพิมพ์ชนก บอกเลยว่าต้องดู- แนะนำ 14 อนิเมะสไตล์โชเน็น ( shonen ) สนุกมันส์ ไม่ควรพลาดชม- รีวิวชีรีส์ shadow and bone : ตำนานกรีชา ซีรีส์แนวแฟนตาซีสุดปัง- 9 เหตุผลที่ทำให้ ดาบพิฆาตอสูร Demon Slayer ครองใจคนดูทุกเพศทุกวัย*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 22 มิถุนายน 2565