ปิดฉากอย่างงดงามไปแล้วสำหรับ Twenty Five, Twenty One ซีรีส์คุณภาพที่ไม่ควรพลาดใน Netflix โดย Twenty Five, Twenty One ได้นักเขียนบทชื่อดังอย่าง ควอนโดอึน และกับผู้กำกับ จองจีฮยอน ผู้สร้างผลงานจาก Search: WWW เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้ดูเรื่องนี้ก็ต้องตกหลุมรักซีรีส์เรื่องนี้กันอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ทั้งเศรษฐกิจ โควิด และการใช้ชีวิตในโลกนี้ที่ไม่ได้ง่ายเลย แต่ซีรีส์เรื่องนี้จะช่วยปลอบประโลมและโอบกอดคนดูทุกคน ผ่านเรื่องราวของหญิงสาวที่มุ่งมั่นกับความฝันและมิตรภาพของเธอที่เกิดขึ้นในยุค 90เพราะฉันอายุ 18 ยังเด็กเกินกว่าจะเสียอะไรไป สิ่งเดียวที่ฉันมีและจะสูญเสียมันไปไม่ได้ คือ ความฝันและความปรารถนาเรื่องย่อว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1998 ของ "นาฮีโด" เด็กสาวมัธยมตอนปลาย ที่หลงใหลในกีฬาฟันดาบ โดยมี "โกยูริม" นักกีฬาฟันดาบที่เป็นไอดอลของเธอ เนื่องด้วยสถานการณ์ของยุคสมัย IMF ทำให้เศรษฐกิจพัง เกิดความยากลำบากขึ้นไปทุกแห่งหน นาฮีโดจึงต้องย้ายโรงเรียนมาอยู่โรงเรียนเดียวกับโกยูริม และระหว่างนั้นเธอเองก็ได้พบกับ "แพคอีจิน" ชายหนุ่มที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับนาฮีโดหลังจากที่ครอบครัวของตัวเองแตกสลายล้มละลายกันไปคนละทิศละทาง จนเขาเองต้องมารับทำงานพาร์ทไทม์ ส่งหนังสือพิมพ์และงานดูร้านเช่าหนังสือการ์ตูน จนทำให้ได้มีโอกาสพบนาฮีโดบ่อยๆ และเกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมามากมาย ทั้งเรื่องราวความสุข ความทุกข์ และการเติบโตบนความเจ็บปวด ที่จะทั้งเขาและเธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้ใน Twenty Five, Twenty One การดำเนินเรื่องซีรีส์นี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด 16 Episode ดำเนินเรื่องด้วย Dynamic ที่ดีมาก ในช่วงตอนต้นๆ เล่าได้สนุกมากพาเราไปสัมผัสความคลาสสิคของยุค 1990-2000 ไม่ว่าจะรายละเอียดยิบย่อย เล็กน้อยแค่ไหนซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถเอาอยู่ทั้งหมด มีการปูรายละเอียดผ่านตัวละครอย่างดี ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อลงล็อคกันได้อย่างพอดิบพอดีและแนบเนียน และในช่วงท้ายก็พาทุกตัวละครและทุกความรู้สึกมาได้อย่างครบถ้วนด้วย แม้จะมีจุดที่อาจจะดึงช่วงนานไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยม แทบจะไม่ได้ละสายตาออกจากซีรีส์เรื่องนี้เลย และในเรื่องของภาพและเสียง เรียกได้ว่าเป็นงานประณีตสุดๆ ทั้งการเลือกซาวด์ประกอบและสถานที่ ส่วนเพลงประกอบก็ไพเราะมากทุกเพลง ช่วยเสริมกันกับตัวเรื่องได้เป็นอย่างดี มาในด้านของการแสดงกันบ้าง "คิมแทรี" กับการมารับบท "นาฮีโด" นักกีฬาฟันดาบได้อย่างเข้มข้น อีกทั้งการถ่ายถอดความเป็นนาฮีโดออกมาได้อย่างงดงามและเป็นธรรมชาติมาก ทำให้ทุกคนที่ได้ดูต้องตกหลุมรักกับความน่ารักของนาฮีโดเข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะเป็นนาฮีโดในโหมดนักเรียนธรรมดา หรือ นักกีฬาฟันดาบ ต่างก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจและความพยายามอย่างหนักของคิมแทรีจริงๆ ส่วนพระเอกอย่าง "นัมจูฮยอก" กับการรับบท "แพคอีจิน" เป็นผลงานการแสดงของนัมจูฮยอกที่เราเองที่เป็นคนดูยังตกใจและตะลึงที่ได้เห็นการถ่ายถอดความรู้สึกอันมากมายขนาดนี้ เป็นผลงานการแสดงอีกหนึ่งเรื่องที่รีดความสามารถของนัมจูฮยอกออกมาได้อีกไปอีกระดับเลยทีเดียว ประทับใจมาก และอีกคนที่จะไม่พูดถึงเป็นไม่ได้ "โบนา" หรือ "โกยูริม" แม้ว่าโบนาจะได้แสดงหนังมาหลายเรื่องแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโบนาในฐานะนักแสดง ยอมรับว่าประทับและภูมิใจมาก แสดงบทของโกยูริมได้อย่างเต็มที่มากๆ นี่เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์ค่อนข้างสูงและมีหลายมิติมากๆ หวังว่าจะได้เห็นโบนาในผลงานการแสดงอื่นๆอีกในอนาคตด้วยสิ่งที่จะพรากความฝันเธอไปไม่ใช่ฉัน แต่เป็นยุคสมัยต่างหากล่ะหลังจากที่ไ่ด้รับชมต้องยอมรับว่าตัวซีรีส์มันพาคนดูอย่างเรามาไกลกว่าที่คิดมากๆ เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ Coming of Age ที่เล่าออกมาได้ครบทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะในด้านความสัมพันธ์ มิตรภาพ การตามหาความฝัน ครอบครัว การเติบโต และเล่าความเป็นชีวิตออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ จนเราเผลอน้ำตาไหลตามไม่รู้กี่รอบเพราะตัวซีรีส์มันทำงานกับคนดูอย่างเราค่อนข้างมาก เริ่มต้นด้วยการบดขยี้ความฝัน สะท้อนชีวิตผ่านมุมมองของนาฮีโด จนคนดูเริ่มน่วมแล้วค่อยๆเค้นออกมาเป็นความเจ็บปวดในระหว่างการเติบโต ที่ต้องมีทั้งความทุกข์และความสุข และในนั้นเรื่องราวก็ค่อยๆสอนเรา ให้กำลังใจเราด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน โอบกอดคนดู ส่งมวลพลังอะไรบางอย่างให้กับเรา จนพาไปปลดล็อคอะไรบางอย่างใน ซึ่งเชื่อว่าแต่ละคนจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป เนื้อหาต่อไปนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องและที่ชอบมากๆคือการที่ซีรีส์เรื่องนี้พาตัวละครเติบโตออกมาได้อย่างดีทุกตัวละคร ทุกตัวต่างก็เติบโตไปในทางของตัวเองมีเรื่องราวของตัวเอง และเราเองที่เป็นคนดูก็เหมือนได้เติบโตตามไปด้วยและที่สำคัญคือความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องระหว่างนาฮีโดกับแพคอีจิน มันเป็นความสัมพันธ์ที่สวยงามมากๆ แม้ในตอนที่ความสัมพันธ์ถูกทำให้จบลงก็ยังคงงดงาม มีอยู่ประโยคหนึ่งที่รู้สึกชอบมากๆคือตอนที่นาฮีโดบอกว่า "เราไม่น่ารักกันแบบนี้เลย เรารักไม่เป็นด้วยซ้ำ" มันเป็นประโยคที่ชวนกลับไปคิดอะไรเยอะมาก ประทับใจมากส่วนในตอนจบสำหรับ End Credit ที่กำลังพยายามเข้าสู่เว็บไซต์ Barro ซึ่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันกับที่ปรากฎในเรื่อง Search: WWW ที่ทั้งผู้กำกับและนักเขียนเคยสร้างผลงานเอาไว้ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามีการเชื่อมต่อกันระหว่างทั้งสองเรื่องนี้หรือไม่ สรุปTwenty Five, Twenty One เป็นก้อนพลังที่สดใหม่มากๆ ในแง่มุมหนึ่งมุมใดก็เหมือนได้รู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น เหมือนได้เติมเต็มความสุข และได้เติมพลังดีๆ จนอยากจะส่งต่อพลังงานดีๆแบบนี้ออกไปให้กับคนอื่นๆอีก แม้ว่าจะไม่สามารถย้อนกลับในวันวานหรือย้อนกลับไปในวัยเด็กๆที่อยากจะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่ตกผลึกออกมาจากซีรีส์เรื่องนี้คือ เราจะเติบโตอย่างดีขึ้นเรื่อยๆแม้มันจะเจ็บปวดหรืออาจจะยากลำบากไปในบางครั้ง แต่เราจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน แม้ยุคสมัยจะพรากความสุขและบีบบังคับให้เรายอมรับทุกอย่าง แต่ก็หวังว่าทุกคนเปิดโอกาสให้ตัวเองได้จะมีความสุขกันบ้าง https://www.youtube.com/watch?v=B1-HXPccaxkขอบคุณวิดีโอ ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ จาก Netflix Thailandขอบคุณภาพปก และภาพประกอบที่ 1/2 จาก @NetflixKR - ภาพประกอบ 3/4/5 จาก @netflix เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!