Movie Review The Moon ปฏิบัติการพิชิตจันทร์ (2023) ตื่นเต้นลุ้นระทึกแทบกลั้นหายใจตั้งแต่ต้นจนจบทั้งที่เหมือนหยิบเอานู่นนี่นั่นมาขยำรวมกันแต่จัดระเบียบได้ดีจนกลายเป็นความระทึกที่มีหัวใจ อวกาศและดวงจันทร์นับเป็นดินแดนลึกลับน่าค้นหาและอยู่นอกเหนือจิตนาการใดๆทำให้ในโลกภาพยนตร์มีหนังเกี่ยวกับอวกาศและดวงจันทร์ออกมามากมายจนนับไม่ถ้วน กระนั้นส่วนมากมักจะมาจากทางฮอลลีวู้ดเป็นส่วนใหญ่อาจเพราะด้วยเรื่องของเทคโนโลยีที่ทางฝั่งอเมริกาสามารถไปถึงดวงจันทร์มาแล้วทำให้ในความน่าเชื่อถือของบทหนังมีความเป็นไปได้ แล้วของแบบนี้ก็เลยกลายเป็นความท้าทายที่จะออกไปสู่อวกาศและเหยียบดวงจันทร์ทั้งในโลกแห่งความจริงและในโลกภาพยนตร์แต่ก็ต้องวนมาหาเรื่องของความเป็นไปได้อีกเช่นกัน เพราะบางครั้งถ้าเป็นหนังที่มาแนวสมจริงแล้วมาจากแหล่งที่ยังไม่สามารถมีเทคโนโลยีชั้นสูงก็เหมือนจะเป็นเรื่องฝันกลางวันการเขียนบทออกมาให้คนดูเชื่อจึงท้าทายอย่างมาก แต่เมื่ออวกาศและดวงจันทร์ไม่ใช่สมบัติของชาติใดชาติหนึ่งแล้วหลายชาติก็ลองไปอวกาศและดวงจันทร์ผ่านงานภาพยนตร์มาแล้วก็ถึงคิวเกาหลีบ้างที่อุตสาหกรรมบันเทิงพัฒนามาก็ไกลพอตัว แล้วการพิชิตอวกาศและดวงจันทร์ของเกาหลีคราวนี้ก็เป็นดังต่อไปนี้ ห้าปีหลังจากล้มเหลวในการส่งยานขึ้นสู่อวกาศเพื่อพิชิตและสำรวจดวงจันทร์เป็นชาติที่สองของมวลมนุษยชาติที่ต้องสังเวยชีวิตนักบินอวกาศไปสามคนความพยายามก็มาถึงอีกครั้ง คราวนี้มีนักบินที่ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจคืออีซังวอน (คิมแรวอน),โจยุนจอง (อียีคยอง) และฮวังซอนอู (โดคยองซู หรือ D.O แห่ง EXO) ที่ภารกิจถูกพายุสุริยะพัดเข้าใส่จนยานอวกาศเสียหาย และระหว่างซ่อมแซมนั้นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในอวกาศได้พรากชีวิตของอีซังวอนและโจยุนจองไปเหลือเพียงฮวังซอนอูอยู่บนยานที่เสียหายเพียงลำพัง ทางองค์การด้านอวกาศของเกาหลีจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์คิมแจกุก (ซอลคยองกู) ผู้ที่ออกแบบยานอวกาศลำก่อนที่เป็นต้นแบบของยานลำนี้เพื่อมาช่วยเหลือ แต่เมื่อจะได้กลับสู่โลกฮวังซอนอูกลับต้องการลงจอดบนดวงจันทร์เพื่อปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนั้นถ้าไม่เกิดฝนดาวตกมาถล่มดวงจันทร์ตอนที่ฮวังซอนอูอยู่บนนั้น แล้วหลังจากนั้นจากภารกิจสำรวจก็กลายเป็นภารกิจกู้ภัยสุดท้ายอาจกลายเป็นภารกิจเอาชีวิตให้รอด เหมือนหยิบเอาหนังท่องอวกาศและพิชิตดวงจันทร์มาขยำรวมกันแต่ก็ว่าไม่ได้เพราะเรื่องแบบนี้อาจไม่มีทางไปมากนัก กับบทหนังของผู้กำกับควบเขียนบทคิมยองฮวา (ฝ่าเจ็ดนรกไปกับพระเจ้า 1-2) อาจต้องยอมรับว่าเห็นแรงบันดาลใจจากหนังแนวนี้ที่เคยผ่านมามากมายทั้ง Ad Astra (2019),Gravity (2013),Deep Impact (1998),Armageddon (1998) หรือแม้กระทั่ง Space Cowboys (2000) นี่เอาแค่ที่ผ่านไปไม่นานคนดูรุ่นกลางยังจำกันได้ที่เก่ากว่านี้ยังมีอีกเยอะ นั่นคือทุกสิ่งที่หนังเหล่านี้มีทั้งเค้าโครงและลูกเล่นชั้นเชิงสามารถพบได้จากหนังเกาหลีเรื่องนี้ที่อาจต้องรับสภาพว่าเมื่อดูไปก็ต้องคิดถึงฉากต่างๆที่เคยเห็นมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะหนังแบบนี้มันก็มีพิมพ์เขียวมาจากฝั่งฮอลลีวู้ดกันทั้งนั้นการที่เกาหลีหยิบเอามาเล่าใหม่ก็ไม่แปลกเพราะบางทีฝรั่งเองยังเล่นเองเลย นั่นเพราะเรื่องแนวนี้อาจไม่เหลือทางไปมากนักแต่กับเรื่องนี้มีดีอยู่อย่างคือแม้จะหยิบเอานู่นนี่นั่นมารวมกันแต่จัดระเบียบได้ดีมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงทำให้เรื่องไม่มีสะดุด ความต่างคือมิติที่ทับซ้อนอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการที่เนียนมากจนเหมือนไม่ได้ซ่อนดราม่าไว้แต่สุดท้ายกลับได้ผล เมื่อหยิบเอาสิ่งต่างๆจากหนังหลายเรื่องมาใส่ความเป็นเกาหลีที่ต้องชมคือหนังลื่นไหลดูง่ายไม่พยายามซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร จนถ้ามองผ่านๆอาจเห็นเป็นหนังที่ตั้งใจมาขายความบันเทิงที่ฉากหน้าด้วยซ้ำแต่นั่นอาจไม่ใช่เกาหลีเพราะเกาหลีจะมีเอกลักษณ์ที่ดราม่าที่จะมาในงานทุกแนวแค่อาจไม่ทุกเรื่องแต่ก็ส่วนมากล่ะน่า แต่กับเรื่องนี้ต้องยอมรับว่าการแฝงดราม่าแบบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ที่ไม่ใช่ความซับซ้อนกลับเนียนดีมากคือความเนียนของมันคือเป็นเนื้อเดียวกันกับตัวเรื่อง หรืออธิบายง่ายๆว่าตาไม่เห็นแต่ใจสัมผัสได้ด้วยการเล่นกับอารมณ์คนดูผ่านเหตุการณ์ที่พัฒนาไปอย่างไม่รู้จะควบคุมยังไง และความฉลาดคือการเล่นเรื่องความเป็นความตายและตราบาปในใจที่เล่นระดับสากลทำให้เมื่อถึงตอนท้ายก็จับใจไม่น้อยทั้งที่ไม่ทันสังเกตมาก่อน นั่นเพราะดราม่ามันมาพร้อมพัฒนาการของเหตุการณ์ทำให้เมื่อใจสัมผัสได้อะไรที่ต้องการให้จับใจก็ได้ผล ระดมทุกสถานการณ์ความตื่นเต้นลุ้นระทึกจากงานแนวนี้มาใส่เป็นระยะในเวลาที่พอเหมาะจังหวะที่พอดีทำให้อะดรีนาลีนหลั่งได้ตลอด แน่นอนว่าเมื่อดูแล้วนึกถึงภาพที่เคยเห็นมาแทบตลอดเวลาแต่ต้องชื่นชมว่าการระดมความตื่นเต้นตื่นตามาใส่ตลอดเวลาทำให้หนังออกมาบันเทิงแบบสุดจัด ก็ใช่ที่ลูกเล่นแบบนี้มันเคยเห็นมานักต่อนักแต่การที่จะยังใช้ได้ผลคือภาพที่สมจริงแล้วหนังก็ได้งานเทคนิคที่ตื่นตาแม้อาจไม่ตื่นใจเพราะเหตุผลที่ว่าแต่ก็ไม่มีอะไรให้ตำหนิ ถึงแม้เหตุการณ์ที่บานปลายไปเรื่อยๆจนเหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกซวยซ้ำซากจะทำให้เอะใจบ้างว่าก่อนส่งยานขึ้นมาไม่มีข้อมูลเรื่องพายุสุริยะหรือฝนดาวตกเลยหรือ ซึ่งก็ช่างมันเถอะเพราะฉากแอ็กชันใหญ่ๆที่ระดมใส่เข้ามานั้นความดีของมันคือจังหวะเวลามันใช่เพราะมีช่วงเล่าเรื่องมีช่วงพักหายใจไม่ใช่ถล่มจมธรณีจนเหนื่อยที่จะดู นั่นคือมาในเวลาที่พอเหมาะความตื่นเต้นลุ้นระทึกจึงจัดเต็มอะดรีนาลีนหลั่งได้ตลอดเรื่อง ซึ่งเหตุผลหลักก็ง่ายๆคือคนดูเอาใจช่วยตัวละครจนเกือบจะสวดภาวนาให้เสียแล้ว เมื่อเป็นความท้าทายบนความทะเยอทะยานที่สูงจึงเหมือนเป็นภาพยนตร์แห่งชาติที่รวมนักแสดงมีระดับมาอย่างคับคั่ง เมื่อเป็นการพิชิตดวงจันทร์ที่เป็นครั้งแรกกระมังในหนังเกาหลีเป็นหนังฟอร์มยักษ์ไม่ต่างจากหนังของชนชาติหรือหนังแห่งชาติจึงมีนักแสดงมีระดับมามีส่วนร่วมอย่างคับคั่งทั้งบทหลักบทรองและบทรับเชิญ ซึ่งโฟกัสหลักจริงๆอยู่ที่สองคนคือหนึ่งผู้ประสบภัยคือโดคยองซูหรือ D.O. กับคนที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือที่มีอดีตพัวพันกันคือซอลคยองกู แต่เอฟซีของ D.O. อาจต้องยอมรับหน่อยว่าบทของเขาเป็นบทที่มาเพื่อขายแต่มิติอาจจะเบาบางกว่าบทของซอลคยองกูอยู่บ้าง ทำให้ถ้าว่ากันที่ความลึกล้ำทางการแสดงซอลคยองกูที่เก๋ากว่าดูดีกว่าแต่เมื่อไม่ได้เผชิญหน้ากันตรงๆก็ไม่มีใครข่มใคร นั่นคือต่างคนต่างมีดีพอที่จะสะกดอารมณ์คนดูได้ขณะขึ้นจอทั้งยังเสริมด้วยคิมฮีแอกับพัคบยองอึนที่มาตรฐานยังไม่ตก หนังยังได้บทรับเชิญที่ยอดเยี่ยมของคิมแรวอน,อียีคยอง,อีซองมินและคนอื่นอีกมากหลายแต่เป็นใครบ้างต้องไปพิสูจน์กันเอาเอง แม้จะเหมือนเคยเห็นมาในหนังฝรั่งแต่เกาหลีก็ยังใส่ความเป็นเกาหลีเข้าไปโดยไม่โปรชาติตัวเองทำให้เป็นความบันเทิงที่มีหัวใจ ถึงแม้ดูแล้วจะคิดถึงหนังฝรั่งแต่ก็ไม่ใช่การเปรียบเทียบเพราะหนังยังมีความเป็นตัวของตัวเองมีความเป็นเกาหลีที่จัดจ้าน แน่นอนในหนังแนวนี้มักจะมีการโปรชาติตัวเองแต่เกาหลีเลือกที่จะเสนอในความเป็นจริงว่าบางครั้งบางเหตุการณ์ก็ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากชาติที่เชี่ยวชาญกว่า ทั้งยังมีดราม่าที่แฝงไว้เพื่อให้จับใจบนความบันเทิงฟ้าถล่มแผ่นดินทลายสนุกตื่นเต้นเร้าใจบนตัวเรื่องที่ลื่นไหลไม่มีสะดุดทำให้ดูสนุกดูเพลินจนลืมเวลาพร้อมกับอาการสั่นแข้งสั่นขากัดฟันเพราะลุ้น แน่นอนหนังแบบนี้มักจะมีอะไรมาบีบหัวใจซึ่งเกาหลีก็ทำได้และเนียนเสียด้วยซึ่งผู้เขียนชอบมากกับฉากที่คิมฮีแอในบทเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NASA พูดปลุกใจนักบินอวกาศนานาชาติที่ดูไม่ยัดเยียดเหมือนหนังฝรั่งบางเรื่อง หนังยังได้งานดนตรีที่ควบคุมอารมณ์คนดูได้ทั้งฮึกเหิมตื่นเต้นซาบซึ้งที่เข้ากันดีสุดๆกับภาพที่เห็นบนจอที่เสียดายที่ไม่ได้ดูจอใหญ่ในโรง ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram cjenmmovie จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !