รีเซต

"เอ๋ มิรา" เข้าให้ปากคำสถานพินิจ ร้องขอเพิกถอนการดูแลบุตรจากอดีตสามี

"เอ๋ มิรา" เข้าให้ปากคำสถานพินิจ ร้องขอเพิกถอนการดูแลบุตรจากอดีตสามี
TNN ช่อง16
12 พฤศจิกายน 2564 ( 22:51 )
102

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนจับตามองเเละท่าจะไม่จบง่ายๆ สำหรับคดีของนักร้องสาว "เอ๋ มิรา" และอดีตสามี ที่ก่อนหน้านี้ได้ไปเผชิญหน้ากันที่ศาลจังหวัดเลย ในคดีหมิ่นประมาทที่อดีตสามีได้ทำการฟ้อง ล่าสุดวันนี้ทางด้านเอ๋ มิรา ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่นพร้อมทนาย เพื่อขอเพิกถอนการดูเเลบุตร โดยในศาลเอ๋ได้เข้าให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่สถานพินิจ


ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ภาพจาก Facebook : ทนายเก่ง ศรีศิวารา ลอว์ เฟิร์ม


ซึ่งวันนี้ (12 พ.ย.64)  "เอ๋ มิรา" ได้ออกมาไลฟ์สดพร้อมกับทนาย และเผยว่า "วันนี้ทางทนายได้ฟ้องเรื่องเพิกถอนการดูแลบุตรให้ และได้คุยกับเจ้าหน้าที่สถานพินิจของเด็ก คุยเรื่องความเป็นมาการใช้ชีวิต ตอนนี้ทำอาชีพอะไรอยู่ รายได้เท่าไหร่ และทำยังไงถึงจะได้เพิกถอนบุตร ซึ่งเอ๋ได้บอกว่า ตอนนี้เอ๋ได้ทำงาน เป็นเจ้าของแบรนด์ มีรายได้เเล้ว จะมีช่วงหนึ่งไม่ได้อยู่กับลูก ความรู้สึกตอนนั้นตั้งตัวไม่ได้ เเละเจ็บปวดมากๆ ตอนนี้พอเริ่มตั้งตัวได้เเล้ว ก็อยากจะดูเเลลูก เลยให้ทนายฟ้องเรื่องเพิกถอน การดูแลบุตรให้

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์


ด้านทนายก็ได้เผยเพิ่มเติมว่า "รายละเอียดเเละเรื่องราวต่างๆ ที่เจ้าพนักงานทำหน้าที่ในวันนี้ ก็จะสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวต่างๆ เหตุและผล ว่าทำไมเราถึงต้องเพิกถอน ต่อไปเจ้าหน้าที่ก็จะมีการพูดคุยกับด้านลูกชายของเอ๋ว่าอยากจะอยู่กับใคร มีความรู้สึกยังไงบ้าง ความพร้อมของเอ๋ และจะมีการสอบพยานอีกสองท่านซึ่งเป็นพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ เเละไว้ใจได้ ซึ่งจะเป็นในส่วนของผู้ใหญ่บ้าน และคุณแม่ของเอ๋ โดยจะใช้การวิดีโอคอล เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ซึ่งไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ตอนนี้ความพร้อมของเอ๋ พร้อมมากที่จะเอาลูกชายมาอยู่ด้วย


ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ซึ่งก็มีเหล่าแฟน เข้ามาถามว่ามีโอกาสสูงไหมที่ลูกชายจะได้อยู่กับแม่ ทางทนายก็ได้บอกว่า "มีโอกาสสูงมาก แต่ว่าในส่วนของอำนาจการปกครองบุตรฝ่ายเดียวหรือไม่ ต้องบอกว่าอาจจะไม่ 100 เปอร์เซนต์ คดีหนี้กล้าฟันธงเลยว่าอำนาจปกครองน่าจะคนละครึ่ง แต่ศาลอาจจะใช้วิธีการที่ดูว่าให้ใครเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรเป็นหลัก จากนั้นค่อยมาดูความเหมาะสม ว่าจะบริหารจัดการเวลายังไง เนื่องจากเด็กมีเรื่องของการเรียนหนังสือ พัฒนาการต่างๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งพ่อแม่จะต้องมาคิดเเล้วว่าลูกจะอยู่กับใคร และจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้น

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์


เชื่อว่าคดีนี้ศาลน่าจะให้ทางด้านลูกชายอยู่กับเอ๋ และดูว่าทางอีกฝ่ายหนึ่งจะมีความพร้อมที่จะมารับเด็กไปอยู่ด้วยเสาร์อาทิตย์ไหม แต่ถ้ามีความพร้อมที่จะมารับ ศาลอาจจะให้จันทร์ถึงศุกร์อยู่กับเอ๋ เรียนหนังสือ หรือช่วงวันหยุดปิดเทอมอีกฝ่ายจะมารับไปอยู่ก็ได้ ถ้าตกลงกันตรงนี้ได้ ก็จะเป็นไปได้สูง เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอเอ๋อาจจะต้องย้ายที่อยู่ และโรงเรียนของลูกชาย เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะเอาเป็นประเด็นในเรื่องของสถานที่เรียนของเด็ก และยอมรับว่าระยะทางค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร ซึ่งถ้าเอ๋สามารถ ซื้อบ้านที่ขอนแก่นได้ ก็จะดี นอกจากเรื่องสถานศึกษาก็คือเรื่องความอบอุ่นของเด็ก ตรงนี้แน่นอนว่าศาลต้องพิจารณา เเละมั่นใจว่าลูกชายต้องเลือกแม่

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์

"เอ๋" ยังเผยอีกว่า "เจ้าหน้าที่มาถามว่า ถ้าลูกได้มาอยู่กับเอ๋ แล้วอีกฝ่ายอยากมารับลูก ก็ยินยอม เพราะในชีวิตจริงลูกก็ต้องการพ่อกับแม่ จะให้ลูกมาอยู่แต่ฝั่งเราก็ไม่ได้ ก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไร แต่ตอนนี้แคร์ความรู้สึกว่าลูกอยากอยู่กับเรา ก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าถ้าเขาจะมารับลูกวันไหน ก็ตามสะดวก ขอแค่มาบอกเราล่วงหน้า" 

ภาพจาก Facebook มิรา ชลวิรัลวานิศร์