THEY WON'T FEAR IT... UNTIL THEY UNDERSTAND IT.AND THEY WON'T UNDERSTAND IT... UNTIL THEY 'VE USED IT.(พวกเขาจะไม่กลัว...จนกว่าจะเข้าใจและพวกเขาจะไม่เข้าใจ...จนกว่าจะได้ทดลองใช้มัน)- J. Robert Oppenheimer -หากจะเอ่ยถึงชื่อของผู้กำกับผู้ทรงอิทธิพลอันสูงสุดจากวงการภาพยนตร์ หนึ่งในนั้น ก็คงจะมีชื่อของพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg หรือผู้กำกับสายเวทีรางวัลแห่งซีนีม่าอย่าง Martin Scorsese แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักชายผู้ชื่อว่า 'Christopher Nolan' นักสร้างหนังอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง และมีเอกลักษณ์ในการสร้างหนังของตัวเองไม่แพ้ผู้กำกับชื่อดังก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าของผู้ปลุกชีพผลงานไตรภาค The Dark Knight อัศวินรัตติกาล (2005-2012) ที่สร้างกระแสเปลี่ยนโลกและแสดงให้เห็นว่า หนังซุปเปอร์ฮีโร่ดี ๆ ก็มีได้เช่นกัน และล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Nolan ที่จะมาพลิกโฉมโลกกับการเล่าเรื่องราวของชายผู้มอบอาวุธทำลายล้างแด่มนุษยชาติ ชนิดที่ว่าอาจจะทำลายโลกใบนี้ได้เลยกับ Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์https://www.instagram.com/p/Cr3gyD6p4RA/Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ ภาพยนตร์ระทึกขวัญชีวประวัติจาก Christopher Nolan ผู้ยึดมั่นในประสบการณ์แห่งภาพยนตร์ เจ้าของผลงานสุดพิศวง และท้าทายอย่าง Inception (2010), Interstellar (2014), Dunkirk (2017) และ Tenet (2020) ที่จะพาท่านผู้ชมย้อนกลับไปในช่วงประวัติศาสตร์โลกอีกครั้ง Oppenheimer เล่าเรื่องราวของ J. Robert Oppenheimer (Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ชายผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาอาวุธระเบิดปรมาณูภายใต้โครงการ The Manhattan Project ที่มีพลังทำลายล้างอันรุนแรงจนสามารถยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ แต่ใครจะรู้ว่า อาวุธที่เขาสร้างขึ้นเพื่อจบสงคราม มันกำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนกลับอัดแน่นด้วยบทพูด และความรู้สึกที่ตึงเครียดhttps://www.instagram.com/p/CuVOJVAxDZY/หากคุณเคยมีประสบการณ์ชมผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมาของผู้กำกับวิสัยทัศน์ไกลอย่าง Christopher Nolan มาก่อนบ้างแล้ว คุณจะรู้ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่ Nolan ชอบให้ผู้ชมได้สัมผัส คือ ความรู้สึกอันแสนตึงเครียดที่ทรงพลังจากเหล่าตัวละครต่าง ๆ และเหตุการณ์ภายในเรื่อง ดังเช่นใน Inception (2010) หรือ Dunkirk (2017) ที่ผู้ชมจะสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นได้ชัดเจนมาก ซึ่ง Oppenheimer ก็ได้นำความรู้สึกแบบนั้นกลับมาให้ผู้ชมได้สัมผัสกันอีกครั้ง แต่ครานี้ Oppenheimer จะไม่ได้มีฉากแอ็กชันชวนลุ้นระทึกมาช่วยประคับประคองผู้ชม ดังนั้น หากใครที่คาดหวังฉากแอ็กชันมันส์ ๆ เล่นท่ายากแบบผลงานก่อนหน้านี้อย่าง Tenet (2020) ก็อาจจะต้องขอปรับความเข้าใจกันใหม่ เพราะ ตัวขับเคลื่อนที่แท้จริงใน Oppenheimer ก็คือ บทสนทนาที่อัดแน่นและเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกและพลังที่ยากจะละสายตา และเชื่อว่าด้วยความเป็นบริบทอันดีเลิศของเรื่องราวจากฝีมือของ Nolan แล้ว คุณจะไม่อาจละสายตาจาก Oppenheimer ได้จริง ๆYou are the man who gave them the power to destroy themselves... and the world is not prepared.(คุณเป็นคนให้อำนาจพวกเขาทำลายตัวเอง...และโลกไม่พร้อมรับมือ)- Niels Bohr -หนึ่งในสิ่งที่ดีจากภาพยนตร์เรื่องนี้จนอยากที่จะพูดถึงมาก คือ การชวนให้เราตั้งคำถามไปพร้อมกับ Oppenheimer เองว่า สิ่งที่กระทำมันควรหรือถูกต้องแล้วหรือไม่? เชื่อว่าผู้ชมหลายคนก็ต้องตั้งคำถามและสับสนแบบเดียวกันในขณะชมภาพยนตร์ ซึ่งก็ต้องขอชื่มชนการนำเสนอของ Nolan ที่ได้ถ่ายทอดให้ผู้ชมในยุคปัจจุบันได้เห็นและไตร่ตรองถึงความสำคัญของเรื่องนี้ นับเป็นความท้าทายอย่างสูงที่ Nolan ทำได้สำเร็จงานภาพแบบแทบไม่มี CGI สไตล์ Nolanhttps://www.instagram.com/p/Cs8tq4KLQg8/เชื่อว่าผู้ชมหลายคนคงจะรู้ว่า Christopher Nolan ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานของเขาด้วยเทคนิคพิเศษแบบทำมือมากกว่าจะใช้ภาพจอเขียว CGI ดังนั้นใน Oppenheimer ก็เช่นกัน หนึ่งในความสำเร็จที่น่าประทับใจที่สุดที่ Christopher Nolan ได้มอบให้ คือ การสร้างฉากระเบิดปรมาณูที่เกิดขึ้นได้จริงด้วยเทคนิคพิเศษ ที่จะช่วยมอบความรู้สึกและพลังที่สมจริงที่สุดที่งานภาพจะสามารถถ่ายทอดได้ เรียกได้ว่า เรื่องงานภาพในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้แพ้หรือด้อยไปกว่าผลงานก่อนหน้านี้ของ Nolan อย่าง Interstellar (2014) เลยแม้แต่น้อยนักแสดงคุณภาพคับคั่ง ชวนลุ้นออสการ์https://www.instagram.com/p/CgjeY5vr_Co/ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพยนตร์โดย Christopher Nolan แล้ว สิ่งหนึ่งที่ด้อยไม่ได้เลย คือ นักแสดงคุณภาพที่ล้นจอและคอยถ่ายทอดเรื่องราวให้เข้าถึงอารมณ์มากที่สุด โดยเฉพาะในบทบาทของ J. Robert Oppenheimer ที่ต้องมอบอารมณ์อันแสนตึงเครียดมากกว่าใคร ๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้นักแสดงผู้เคยรับบทสมทบในภาพยนตร์ของ Nolan มาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น Batman Begins (2005), Inception (2010) และ Dunkirk (2017) อย่าง Cillian Murphy ได้ก้าวขึ้นมารับบทนำในภาพยนตร์ของ Nolan เป็นครั้งแรก นักแสดงที่ซึ่งผู้ชมหลายคนคงจะคุ้นเคยกับบทบาทที่น่าจดจำของเขาอย่าง หัวหน้ามาเฟียผู้ดีสูบบุหรี่ Thomas Shelby จากซีรีส์น้ำดีฝั่งอังกฤษ Peaky Blinders (2013-2022) เป็นอย่างดี ซึ่ง Cillian ได้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของ Oppenheimer ออกมาได้อย่างงดงาม และแทบจะไม่มีที่ติ เพราะ ถ้าหากได้ชม คุณจะรู้ว่า การแสดงของ Cillian ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของภาพยนตร์ก็ว่าได้เลย แอบชวนลุ้นให้บทบาทนี้ของเขาสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมได้เลยทีเดียวhttps://www.instagram.com/p/CuZvGsjrghV/นอกจากบทบาทของ Oppenheimer แล้ว ฝั่งนักแสดงสมบทที่มารับบทเป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้น้อยหน้าแต่อย่างใด เริ่มตั้งแต่การกลับมาอีกครั้งของ Matt Damon หลังจากที่เจ้าตัวเคยร่วมงานกับ Nolan มาแล้วเล็กน้อยใน Interstellar (2014) กับบทบาทพลโท Leslie Groves ๋Jr. ผู้กำกับโครงการ The Manhattan Project ที่ต้องขอบอกว่า เคมีระหว่างเขากับ Oppenheimer ให้ความรู้สึกน่าชมไม่เบาเลย บทบาทของ Emily Blunt และ Florence Pugh ก็เช่นกัน ที่ทั้งคู่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวช่วงชีวิตอันแสนซับซ้อนของ Oppenheimer ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบทบาทนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังแห่งยุคอย่าง Niels Bohr ที่รับบทโดย Kenneth Branagh ที่กลับมาเล่นให้ Nolan เป็นครั้งที่ 3 หลังจาก Dunkirk (2017) และ Tenet (2020) และหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพัทธภาพอย่าง Albert Einstein รับบทโดย Tom Conti ก็สร้างความประทับใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่น้อยhttps://www.instagram.com/p/CuZvEK4rhsi/แต่อีกหนึ่งนักแสดงที่ไม่พูดไม่ได้เลย คือ Robert Downey Jr. นักแสดงมากฝีมือที่ได้ทิ้งภาพจำบทบาทประจำตัวของเขาอย่าง Tony Stark/Iron Man ในจักรวาล MCU สู่การรับบทตัวละครสมทบ หนึ่งในตัวละครที่มีส่วนสำคัญต่อชีวิตของ Oppenheimer อย่าง Lewis Strauss ที่ทำให้เห็นเราได้เห็นว่า Downey ถือเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนนึงในวงการภาพยนตร์ก็ว่าได้เลย ด้วยบทบาทที่เขาถ่ายทอดในเรื่องนี้ก็มีสิทธิ์ทำให้เขาสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายชายยอดเยี่ยมได้เช่นกันโดยสรุป Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ คือ อีกหนึ่งผลงานระดับคุณภาพจากฝีมือและวิสัยทัศน์ของผู้กำกับนามว่า Christopher Nolan ที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าของภาพยนตร์ได้อีกครั้ง ด้วยการพาไปสำรวจเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นด้วยความรู้สึกอันทรงพลังและยากที่จะละสายตาของชายผู้เปลี่ยนแปลงโลกอย่างไม่มีวันหวนกลับด้วยการสร้างระเบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยเจอ 10/10 - Extremely Tense and Powerhttps://www.youtube.com/watch?v=dRTD5UKcQgQOppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ วันนี้ในโรงภาพยนตร์ขอบคุณข้อมูล รูปภาพและวิดีโอที่มาข้อมูล: oppenheimermovie.comภาพปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 จาก Official Instagram oppenheimermovieคลิปวิดีโอจาก Youtube: UIP Thailandจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !