ตัดเกรดสตูดิโอหนังฮอลลิวูดปี 2023 ค่ายไหนปัง? ค่ายไหนพัง? สรุปได้ที่นี่!
เป็นตามธรรมเนียมประจำทุก ๆ ปีที่เหล่าสื่อชั้นนำจะทำการสรุปภาพรวมตลอดทั้งปีของวงการหนังฮอลลิวูด โดยในปี 2023 ก็นับว่าเป็นอีกปีที่มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น มีสีสันใหม่ ๆ ที่หลากหลาย แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคที่สร้างบาดแผลสาหัสให้กับวงการไม่น้อยเช่นเดียวกัน และผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการในรอบปีนี้ ผลลัพธ์จากบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาปี 2023 ทำเม็ดเงินรวมไปได้ที่ราว ๆ 8.7 พันล้านเหรียญ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากสถิติในปี 2022 มาประมาณ +18% ด้วยกัน
เว็บไซต์ Variety ระบุว่า ปี 2023 นับว่าเป็นปีที่ฟื้นตัวขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 เกือบจะเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว แต่อุตสาหกรรมก็ต้องมาสะดุดลงเพราะสถานการณ์การประท้วงของสมาพันธ์นักเขียนและสมาพันธ์นักแสดงที่ยืดเยื้อยาวนานไป 3-4 เดือนต่อเนื่องกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผลงานหนังหลาย ๆ เรื่องไม่สามารถให้นักแสดงเดินสายโปรโมตกระตุ้นความสนใจของหนังได้ และมันก็สร้างผลทางอ้อมต่อรายได้หนังด้วย
แต่ก็มี 3 หนังที่โดดเด่นที่สุดในรอบปีนี้หลัก ๆ นั่นก็คือ "Barbie" หนังที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการในปีนี้ กับการเป็นหนังพลังหญิงที่ยิ่งใหญ่ในช่วงกลางฤดูร้อน กับการตีโจทย์ความเป็นตุ๊กตาแสนซื่อในรูปแบบใหม่ ตามมาด้วย "Oppenheimer" ผลงานใหม่ของ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ที่หยิบเอาเบื้องหลังการงานระเบิดปรมาณูอันทรงพลังของโลกขึ้นมาเล่า โดยหนังทั้งสองเรื่องนี้ได้จับมือกันสร้างปรากฏการณ์กลายออกมาเป็น Barbenheimer ด้วยการฉายชนกันในวันเดียวกัน และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ดีทั้งคู่
อีกทั้งยังมีหนังแอนิเมชัน "The Super Mario Bros. Movie" ที่จุดกระแสความนิยมในจักรวาลมาริโอ้ขึ้นมาอีกครั้ง กับการกวาดรายได้แบบเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกได้อย่างน่าสนใจ แต่มีโดดเด่นและย่อมต้องมีถดถอย เพราะกลายเป็นว่าปี 2023 กลับไม่ใช่ปีของกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโรอีกต่อไป ผลงานใหม่ ๆ จาก 2 ค่ายหนังฮีโรยักษ์ใหญ่ มาร์เวล กับ ดีซี ต้องเผชิญหน้ากับผลตอบรับที่ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และส่วนใหญ่ต่างเป็นหนังที่ทำรายได้ได้ไม่เข้าเป้าที่ตั้งเอาไว้
และนี่คือบทสรุปภาพรวมรายได้ทั่วโลกจากบรรดาสตูดิโอหนังต่าง ๆ ในปี 2023 ยักษ์ใหญ่ค่ายไหนสมควรได้รับเกรดอะไรในปีนี้บ้าง...?
ดิสนีย์
รายได้สูง : Guardians of the Galaxy Vol. 3 (845 ล้านเหรียญ), The Little Mermaid (569 ล้านเหรียญ), Elemental (496 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : The Marvels (204 ล้านเหรียญ), Indiana Jones and the Dial of Destiny (383 ล้านเหรียญ), Wish (126 ล้านเหรียญ)
เกรด : C+
พูดได้เลยว่าปีนี้ไม่ใช่ปีของดิสนีย์จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นปีที่สตูดิโอแห่งนี้ตั้งใจจะเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของพวกเขา แต่กลับไม่ใช่ปีที่น่าอภิรมย์และสังสรรค์เลยสักหน่อย เพราะเมื่อปีก่อนพวกเขาอาจจะดีใจที่กอบโกยมหาศาลจาก Avatar: The Way of Water แต่พอมาในปีนี้อะไร ๆ ก็ดูจะล้มเหลวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหนังฮีโรที่พลาดเป็นไปอยู่หลายเรื่อง กลุ่มหนังแอนิเมชันก็ยังไม่ฟื้นตัว
และดิสนีย์ก็ยังมีโปรเจกต์หนังที่ใช้ทุนสร้างสูงเกินจำเป็นที่ออกฉายอยู่หลายเรื่องในปีนี้ หนึ่งในนั้นก็คือ Indiana Jones 5 ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของฮอลลิวูด แต่หนังกลับทำรายได้ได้อย่างล้มเหลวอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ทางด้าน The Little Mermaid ที่แม้รายได้จะพอถูไถไปได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังทำสตูดิโอเจ็บตัวอยู่เล็กน้อยกับทุนสร้างที่ค่อนข้างสูงของหนังเช่นกัน
ต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไปในในปี 2024 ของดิสนีย์ ที่ถือในปีนี้เป็นบทเรียนราคาแพงที่พวกเขาต้องนำกลับไปแก้เกมใหม่ ปีหน้าพวกเขายังเหลือ Deadpool 3 เป็นหนังฮีโรเพียงเรื่องเดียวที่จะฉาย กับบรรดาหนังภาคต่อ Inside Out 2 และ Mufasa: The Lion King รวมทั้งการรีบูตใหม่ของ Kingdom of the Planet of the Apes กับ Alien: Romulus เป็นต้น
พาราเมาท์
รายได้สูง : Scream 6 (169 ล้านเหรียญ), Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem (180 ล้านเหรียญ), PAW Patrol: The Mighty Movie (197 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (567 ล้านเหรียญ), Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves (208 ล้านเหรียญ)
เกรด : B-
เมื่อปีก่อนพวกเขาอาจจะกลับมาท็อปฟอร์มเพราะ Top Gun: Maverick แต่มาในปีนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เพราะกลายเป็นว่าโปรเจกต์หนังบ็อกซ์บัสเตอร์ทุนสูงของพาราเมาท์ กลับไม่ทำเงินได้สักเท่าไหร่ ผลลัพธ์ของ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ก็ค่อนข้างต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมาย รายได้ลดน้อยกว่าภาคที่แล้วไปพอสมควร และหนังเองก็ใช้ทุนสร้างสูงระดับมหาศาลด้วย
Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves ก็จัดได้ว่าเป็นหนังที่ไม่ได้ทำกำไรให้กับสตูดิโอได้ในปีนี้ เพราะว่ากระแสและคำวิจารณ์จะค่อนข้างน่าพอใจ แต่ก็ยังเป็นหนังเอพิคทุนค่อนข้างสูงพอสมควร ผลตอบแทนที่ได้กลับคืนมายังไม่ถือว่าคืนทุนได้มากนัก กลับกลายเป็นว่าหนังแอนิเมชัน อย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem หรือ PAW Patrol: The Mighty Movie ยังพอช่วยพยุงค่ายนี้อยู่ต่อไป
และในปี 2024 พวกเขาก็ยังต้องลุ้นกับผลลัพธ์ในสต็อกของตัวเองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ในตอนนี้ แต่พวกเขาก็มี A Quiet Place: Day One ภาคต้นของหนังหายนะเงียบเสียงอันโด่งดัง มีแอนิเมชัน Transformers One ที่แตกยอดออกจากแฟรนไชส์หลัก รวมทั้งการกลับมาของหนังในตำนาน Gladiator 2 และความสนุกภาคใหม่ใน Sonic the Hedgehog 3
โซนี
รายได้สูง : Spider-Man: Across the Spider-Verse (690 ล้านเหรียญ), The Equalizer 3 (190 ล้านเหรียญ), Napoleon (200 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Dumb Money (20 ล้านเหรียญ), 65 (60 ล้านเหรียญ)
เกรด : B
ก็เป็นอีกปีที่โซนียังหากินได้ต่อเนื่องกับวัตถุดิบเกี่ยวกับไอ้แมงมุม เพราะแอนิเมชันภาคต่อสุดจึ้ง Spider-Man: Across the Spider-Verse ก็คือหนังที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับสตูดิโอได้ดีในภาคนี้ และน่าจะเป็นเพียงผลงานเดียวที่โดดเด่นของค่ายนี้ในรอบปีที่ผ่านมา เพราะดูเหมือนว่าเรื่องอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่หนังก็เซฟตัวเองด้วยการผลิตผลงานหนังเชิงพาณิชย์ทุนสร้างกลาง ๆ เอาไว้ก่อน
The Equalizer 3 ที่กลับมาปิดไตรภาคก็ทำเงินได้สวยอยู่เช่นเดิม กับยอดตัวเลขที่ก็ใกล้เคียงกับ 2 ภาคก่อนที่เคยทำเอาไว้ ขณะที่ Napoleon ก็อาจจะไม่ใช่หนังปังที่พูดได้เต็มปาก เพราะหนังก็เพิ่งจะทำเงินได้คาบเส้นกับทุนสร้างไม่หมาด ๆ ยังไม่เรียกว่าเป็นกำไรกลับคืนมา แต่อย่างน้อย ๆ ปีนี้โซนีก็มีแค่ 65 หนังไซไฟผจญภัยเรื่องเดียวที่พวกเขาน่าจะพลาดไป
ขณะที่มองไปถึงปี 2024 โซนีก็ยังมีวัตถุดิบจากไอ้แมงมุมให้ได้หากินต่อ ไม่ว่าจะเป็น Madame Web, Kraven the Hunter และภาคใหม่ของ Venom ที่ถือว่าเป็นคอนเทนท์สายฮีโรที่มาทดแทนค่ายหลักได้พอประมาณ โดยที่ยังมีภาคต่อ Ghostbusters: Frozen Empire หนังแอนิเมชัน Garfield ฉบับรีบูตใหม่ รวมทั้งเวอร์ชันใหม่ของ Karate Kid และหนังระทึกขวัญรวมดารา Wolfs ก็ถือว่ามีโปรแกรมเด่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ยูนิเวอร์แซล
รายได้สูง : The Super Mario Bros. Movie (1.36 พันล้านเหรียญ), Oppenheimer (951 ล้านเหรียญ), Five Nights at Freddy’s (289 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Fast X (704 ล้านเหรียญ), Renfield (26 ล้านเหรียญ), The Last Voyage of the Demeter (21.8 ล้านเหรียญ)
เกรด : A
บอกได้เลยว่าปีนี้เป็นปีทองของยูนิเวอร์แซลจริง ๆ เพราะพวกเขาถือครอง 2 ใน 3 หนังฮิตแห่งปี อย่าง The Super Mario Bros. Movie กับ Oppenheimer ที่กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นสุด ๆ ประจำปีนี้ นี่คือหนังที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลให้กับค่าย แม้ว่าจะเป็นการลงทุนลงแรงในระดับที่พอสมควร แต่ผลตอบรับที่ได้กลับคืนมาก็ถือว่าชื่นใจสุด ๆ
และไม่เท่านั้น ยูนิเวอร์แซลยังไปได้สวยกับหนังสยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็น Five Nights at Freddy’s หรือ M3GAN ที่ต่างเป็นหนังทุนต่ำที่กวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำกลับคืนมาเข้ากระเป๋าได้เป็นอย่างดี ถึงพวกเขาจะเจ็บตัวไปพอสมควรจาก Fast X ที่แม้จะทำรายได้สูง แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้มกับทุนสร้างมหาศาลที่หนังใช้ไป กลายเป็นว่าหนังแฟรนไชส์ที่เข้าเนื้อตัวเองอยู่ในตอนนี้
ส่วนในปี 2024 ก็น่าจะเป็นอีกปีที่สตูดิโอแห่งนี้น่าจะสดใสได้อยู่ เพราะมีการกลับมาของ Kung Fu Panda 4 กับแอนิเมชัน Despicable Me 4 ที่อาจจะกลับมาเริ่มต้นไตรภาคใหม่ ตามด้วยหนังแอคชันดาราตัวท็อป Argylle และ The Fall Guy พร้อมกับการเปิดตำนานล่าพายุครั้งใหม่ใน Twisters กับหนังมิวสิคัลแฟนตาซีจากละครบอร์ดเวย์ชื่อดัง Wicked Part 1
วอร์เนอร์ บราเธอร์ส
รายได้สูง : Barbie (1.44 พันล้านเหรีญ), The Nun 2 (268 ล้านเหรียญ), Meg 2: The Trench (395 ล้านเหรียญ), Wonka (280 ล้านเหรียญ*)
รายได้ต่ำ : The Flash (270 ล้านเหรียญ), Blue Beetle (129 ล้านเหรียญ), Shazam: Fure of the Gods (133 ล้านเหรียญ), Aquaman and the Lost City (118 ล้านเหรียญ*)
เกรด : B+
นับว่าเป็นปีที่ดี..แต่ก็ยังเป็นปีที่แย่ด้วยเช่นกัน อย่างน้อย ๆ วอร์เนอร์ ก็กลับมาพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อีกครั้ง กับการมีผลงานของตัวเองกลายเป็นหนังฮิตอันดับที่ 1 ของโลกในรอบ 12 ปี กับ Barbie หนังฮิตแห่งปีที่กวาดรายได้ทั่วโลกได้อย่างมหาศาล และเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดคิดเอาไว้ ที่คือสมการที่ลงตัวระหว่างหนังกับการตลาดที่สอดคล้องไปด้วยกันได้อย่างเป็นกรณีศึกษา
ขณะเดียวกัน วอร์เนอร์ก็ยังมี The Nun 2 กับ Meg 2: The Trench ที่เป็นหนังภาคต่อที่ไปได้สวยมาก ๆ จากการฉายในตลาดต่างประเทศ (โดยเฉพะาในเมืองจีน) อีกทั้งยังมี Wonka ที่กำลังกอบโกยอยู่ในช่วงสิ้นปี แต่กระนั้นพวกเขาก็เจ็บหนักเหมือนนกปีกหักจากบรรดาหนังฮีโรยกเซ็ตทั้งหมดในปีนี้ ทุกเรื่องต่างเป็นผลงานที่ทำผลลัพธ์ได้ต่ำกว่าเป้าทั้งหมด นำมาโดย The Flash ที่ใช้ทุนสร้างค่อนข้างบานปลาย แต่กลับไม่สามารถคืนทุนให้กับสตูดิโอได้เลย
และนั่นทำให้ปี 2024 ถึงเวลาที่จะพักเบรกกับหนังแนวซูเปอร์ฮีโรไป เพราะอยู่ในช่วงการยกเครื่องใหม่ให้กับค่ายดีซีพอดี ทำให้จะมีแค่ Joker: Folie á Deux รอฉายอยู่เพียงเรื่องเดียวในหนังกลุ่มนี้ กับของดีสต็อกใหญ่ที่รออยู่จากค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคต่อ Godzilla x Kong: The New Empire กับ Dune: Part Two หนังคาวบอย Horizon: An American Saga ร่วมด้วยหนังไซไฟ Mickey 17 และหนังแอคชันภาคแยก Furiosa และการปัดฝุ่นกลับมาอีกครั้งของ Beetlejuice 2 กับแอนิเมชันเอพิคฟอร์มใหญ่ The Lord of the Rings: The War of the Rohirrim ในช่วงปลายปี
ไลออนส์เกต
รายได้สูง : John Wick: Chapter 4 (440 ล้านเหรียญ), The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes (300 ล้านเหรียญ), Saw X (109 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Joy Ride (15 ล้านเหรียญ), Are You There God? It's Me, Margaret (21 ล้านเหรียญ)
เกรด : B+
ก็ถือว่าเป็นปีที่กลับมาฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีของสตูดิโอแห่งนี้ เพราะว่า ไลออนส์เกต กลับมาใส่เกียร์เดินหน้าลุยสานต่อบรรดาหนังแฟรนไชส์ของตัวเองอีกครั้ง และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ถือว่าประทับใจทุกเรื่องจริง ๆ นำมาโดย John Wick: Chapter 4 ที่ยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเข้าค่ายได้อย่างดี ไม่แปลกใจที่พวกเขายังคงมองหาวัตถุดิบอื่น ๆ แตกยอดออกไปอีกในช่วงระหว่างภาคหลักอาจจะต้องหยุดพัก
โดยในปีนี้ก็กลับมาจับแฟรนไชส์ในตำนานของค่าย The Hunger Games อีกครั้งใน The Ballad of Songbirds and Snakes ที่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในแบบเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกหน ที่ทำให้เห็นว่าศักยภาพของแฟรนไชส์นี้ยังมีเหลืออยู่ และคาดว่าสตูดิโอจะต้องมองหาวัตถุดิบอื่น ๆ มาเสริมเพิ่มเติมได้แน่ เช่นเดียวกับ หนังตระกูล Saw ที่ยังคงเน้นการลงทุนน้อย ๆ และผลลัพธ์กลับคืบมาเยอะ ๆ อีกเหมือนเคย
สำหรับในปี 2024 ก็เตรียมของใหญ่เอาไว้ให้ชวนติดตามเหมือนกัน นอกจาก Ballerina ภาคแยกของจอห์น วิค พวกเขาจะมีหนังจากเกมดัง Borderlands รอฉายอยู่ การกลับมาสานต่อตำนานหนังเขย่าขวัญ The Strangers: Chapter 1 ร่วมด้วยการกลับมาอีกครั้งในภาคใหม่ของ Saw 11 และยังมีหนังแอคชันสงครามของ กาย ริชชี ใน The Ministry of Ungentlemanly Warfare ด้วย
ตารางสรุปรายได้รวมของสตูดิโอหนังในอเมริกา ประจำปี 2023
สตูดิโอ | จำนวนเรื่อง | รายได้รวม |
วอลต์ ดิสนีย์ | 16 | 1.887 พันล้านเหรียญ |
ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ | 21 | 1.877 พันล้านเหรียญ |
วอร์เนอร์ บราเธอร์ส | 16 | 1.316 พันล้านเหรียญ |
โซนี พิคเจอร์ส | 27 | 972 ล้านเหรียญ |
พาราเมาท์ พิคเจอร์ส | 10 | 842 ล้านเหรียญ |
*หมายเหตุ เก็บสถิติข้อมูลรายได้หนังถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2023
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa