รีเซต

ตัดเกรดสตูดิโอหนังฮอลลิวูดปี 2023 ค่ายไหนปัง? ค่ายไหนพัง? สรุปได้ที่นี่!

ตัดเกรดสตูดิโอหนังฮอลลิวูดปี 2023 ค่ายไหนปัง? ค่ายไหนพัง? สรุปได้ที่นี่!
Jeaneration
28 ธันวาคม 2566 ( 17:00 )
330

เป็นตามธรรมเนียมประจำทุก ๆ ปีที่เหล่าสื่อชั้นนำจะทำการสรุปภาพรวมตลอดทั้งปีของวงการหนังฮอลลิวูด โดยในปี 2023 ก็นับว่าเป็นอีกปีที่มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น มีสีสันใหม่ ๆ ที่หลากหลาย แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคที่สร้างบาดแผลสาหัสให้กับวงการไม่น้อยเช่นเดียวกัน และผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการในรอบปีนี้ ผลลัพธ์จากบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาปี 2023 ทำเม็ดเงินรวมไปได้ที่ราว ๆ 8.7 พันล้านเหรียญ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากสถิติในปี 2022 มาประมาณ +18% ด้วยกัน

เว็บไซต์ Variety ระบุว่า ปี 2023 นับว่าเป็นปีที่ฟื้นตัวขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 เกือบจะเต็มร้อยเปอร์เซนต์แล้ว แต่อุตสาหกรรมก็ต้องมาสะดุดลงเพราะสถานการณ์การประท้วงของสมาพันธ์นักเขียนและสมาพันธ์นักแสดงที่ยืดเยื้อยาวนานไป 3-4 เดือนต่อเนื่องกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ผลงานหนังหลาย ๆ เรื่องไม่สามารถให้นักแสดงเดินสายโปรโมตกระตุ้นความสนใจของหนังได้ และมันก็สร้างผลทางอ้อมต่อรายได้หนังด้วย

แต่ก็มี 3 หนังที่โดดเด่นที่สุดในรอบปีนี้หลัก ๆ นั่นก็คือ "Barbie" หนังที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการในปีนี้ กับการเป็นหนังพลังหญิงที่ยิ่งใหญ่ในช่วงกลางฤดูร้อน กับการตีโจทย์ความเป็นตุ๊กตาแสนซื่อในรูปแบบใหม่ ตามมาด้วย "Oppenheimer" ผลงานใหม่ของ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ที่หยิบเอาเบื้องหลังการงานระเบิดปรมาณูอันทรงพลังของโลกขึ้นมาเล่า โดยหนังทั้งสองเรื่องนี้ได้จับมือกันสร้างปรากฏการณ์กลายออกมาเป็น Barbenheimer ด้วยการฉายชนกันในวันเดียวกัน และทำรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ดีทั้งคู่

อีกทั้งยังมีหนังแอนิเมชัน "The Super Mario Bros. Movie" ที่จุดกระแสความนิยมในจักรวาลมาริโอ้ขึ้นมาอีกครั้ง กับการกวาดรายได้แบบเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกได้อย่างน่าสนใจ แต่มีโดดเด่นและย่อมต้องมีถดถอย เพราะกลายเป็นว่าปี 2023 กลับไม่ใช่ปีของกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโรอีกต่อไป ผลงานใหม่ ๆ จาก 2 ค่ายหนังฮีโรยักษ์ใหญ่ มาร์เวล กับ ดีซี ต้องเผชิญหน้ากับผลตอบรับที่ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจน และส่วนใหญ่ต่างเป็นหนังที่ทำรายได้ได้ไม่เข้าเป้าที่ตั้งเอาไว้

และนี่คือบทสรุปภาพรวมรายได้ทั่วโลกจากบรรดาสตูดิโอหนังต่าง ๆ ในปี 2023 ยักษ์ใหญ่ค่ายไหนสมควรได้รับเกรดอะไรในปีนี้บ้าง...?

ดิสนีย์

รายได้สูง : Guardians of the Galaxy Vol. 3 (845 ล้านเหรียญ), The Little Mermaid (569 ล้านเหรียญ), Elemental (496 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : The Marvels (204 ล้านเหรียญ), Indiana Jones and the Dial of Destiny (383 ล้านเหรียญ), Wish (126 ล้านเหรียญ)
เกรด : C+

พูดได้เลยว่าปีนี้ไม่ใช่ปีของดิสนีย์จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นปีที่สตูดิโอแห่งนี้ตั้งใจจะเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของพวกเขา แต่กลับไม่ใช่ปีที่น่าอภิรมย์และสังสรรค์เลยสักหน่อย เพราะเมื่อปีก่อนพวกเขาอาจจะดีใจที่กอบโกยมหาศาลจาก Avatar: The Way of Water แต่พอมาในปีนี้อะไร ๆ ก็ดูจะล้มเหลวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหนังฮีโรที่พลาดเป็นไปอยู่หลายเรื่อง กลุ่มหนังแอนิเมชันก็ยังไม่ฟื้นตัว

และดิสนีย์ก็ยังมีโปรเจกต์หนังที่ใช้ทุนสร้างสูงเกินจำเป็นที่ออกฉายอยู่หลายเรื่องในปีนี้ หนึ่งในนั้นก็คือ Indiana Jones 5 ที่จัดว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของฮอลลิวูด แต่หนังกลับทำรายได้ได้อย่างล้มเหลวอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ทางด้าน The Little Mermaid ที่แม้รายได้จะพอถูไถไปได้อยู่บ้าง แต่ก็ยังทำสตูดิโอเจ็บตัวอยู่เล็กน้อยกับทุนสร้างที่ค่อนข้างสูงของหนังเช่นกัน

ต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไปในในปี 2024 ของดิสนีย์ ที่ถือในปีนี้เป็นบทเรียนราคาแพงที่พวกเขาต้องนำกลับไปแก้เกมใหม่ ปีหน้าพวกเขายังเหลือ Deadpool 3 เป็นหนังฮีโรเพียงเรื่องเดียวที่จะฉาย กับบรรดาหนังภาคต่อ Inside Out 2 และ Mufasa: The Lion King รวมทั้งการรีบูตใหม่ของ Kingdom of the Planet of the Apes กับ Alien: Romulus เป็นต้น

พาราเมาท์

รายได้สูง : Scream 6 (169 ล้านเหรียญ), Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem (180 ล้านเหรียญ), PAW Patrol: The Mighty Movie (197 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (567 ล้านเหรียญ), Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves (208 ล้านเหรียญ)
เกรด : B-

เมื่อปีก่อนพวกเขาอาจจะกลับมาท็อปฟอร์มเพราะ Top Gun: Maverick แต่มาในปีนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เพราะกลายเป็นว่าโปรเจกต์หนังบ็อกซ์บัสเตอร์ทุนสูงของพาราเมาท์ กลับไม่ทำเงินได้สักเท่าไหร่ ผลลัพธ์ของ Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ก็ค่อนข้างต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมาย รายได้ลดน้อยกว่าภาคที่แล้วไปพอสมควร และหนังเองก็ใช้ทุนสร้างสูงระดับมหาศาลด้วย

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves ก็จัดได้ว่าเป็นหนังที่ไม่ได้ทำกำไรให้กับสตูดิโอได้ในปีนี้ เพราะว่ากระแสและคำวิจารณ์จะค่อนข้างน่าพอใจ แต่ก็ยังเป็นหนังเอพิคทุนค่อนข้างสูงพอสมควร ผลตอบแทนที่ได้กลับคืนมายังไม่ถือว่าคืนทุนได้มากนัก กลับกลายเป็นว่าหนังแอนิเมชัน อย่าง Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem หรือ PAW Patrol: The Mighty Movie ยังพอช่วยพยุงค่ายนี้อยู่ต่อไป

และในปี 2024 พวกเขาก็ยังต้องลุ้นกับผลลัพธ์ในสต็อกของตัวเองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ในตอนนี้ แต่พวกเขาก็มี A Quiet Place: Day One ภาคต้นของหนังหายนะเงียบเสียงอันโด่งดัง มีแอนิเมชัน Transformers One ที่แตกยอดออกจากแฟรนไชส์หลัก รวมทั้งการกลับมาของหนังในตำนาน Gladiator 2 และความสนุกภาคใหม่ใน Sonic the Hedgehog 3

โซนี

รายได้สูง : Spider-Man: Across the Spider-Verse (690 ล้านเหรียญ), The Equalizer 3 (190 ล้านเหรียญ), Napoleon (200 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Dumb Money (20 ล้านเหรียญ), 65 (60 ล้านเหรียญ)
เกรด : B

ก็เป็นอีกปีที่โซนียังหากินได้ต่อเนื่องกับวัตถุดิบเกี่ยวกับไอ้แมงมุม เพราะแอนิเมชันภาคต่อสุดจึ้ง Spider-Man: Across the Spider-Verse ก็คือหนังที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำให้กับสตูดิโอได้ดีในภาคนี้ และน่าจะเป็นเพียงผลงานเดียวที่โดดเด่นของค่ายนี้ในรอบปีที่ผ่านมา เพราะดูเหมือนว่าเรื่องอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่หนังก็เซฟตัวเองด้วยการผลิตผลงานหนังเชิงพาณิชย์ทุนสร้างกลาง ๆ เอาไว้ก่อน

The Equalizer 3 ที่กลับมาปิดไตรภาคก็ทำเงินได้สวยอยู่เช่นเดิม กับยอดตัวเลขที่ก็ใกล้เคียงกับ 2 ภาคก่อนที่เคยทำเอาไว้ ขณะที่ Napoleon ก็อาจจะไม่ใช่หนังปังที่พูดได้เต็มปาก เพราะหนังก็เพิ่งจะทำเงินได้คาบเส้นกับทุนสร้างไม่หมาด ๆ ยังไม่เรียกว่าเป็นกำไรกลับคืนมา แต่อย่างน้อย ๆ ปีนี้โซนีก็มีแค่ 65 หนังไซไฟผจญภัยเรื่องเดียวที่พวกเขาน่าจะพลาดไป

ขณะที่มองไปถึงปี 2024 โซนีก็ยังมีวัตถุดิบจากไอ้แมงมุมให้ได้หากินต่อ ไม่ว่าจะเป็น Madame Web,  Kraven the Hunter และภาคใหม่ของ Venom ที่ถือว่าเป็นคอนเทนท์สายฮีโรที่มาทดแทนค่ายหลักได้พอประมาณ โดยที่ยังมีภาคต่อ Ghostbusters: Frozen Empire หนังแอนิเมชัน Garfield ฉบับรีบูตใหม่ รวมทั้งเวอร์ชันใหม่ของ Karate Kid และหนังระทึกขวัญรวมดารา Wolfs ก็ถือว่ามีโปรแกรมเด่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

ยูนิเวอร์แซล

รายได้สูง : The Super Mario Bros. Movie (1.36 พันล้านเหรียญ), Oppenheimer (951 ล้านเหรียญ), Five Nights at Freddy’s (289 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Fast X (704 ล้านเหรียญ), Renfield (26 ล้านเหรียญ), The Last Voyage of the Demeter (21.8 ล้านเหรียญ)
เกรด : A

บอกได้เลยว่าปีนี้เป็นปีทองของยูนิเวอร์แซลจริง ๆ เพราะพวกเขาถือครอง 2 ใน 3 หนังฮิตแห่งปี อย่าง The Super Mario Bros. Movie กับ Oppenheimer ที่กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นสุด ๆ ประจำปีนี้ นี่คือหนังที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลให้กับค่าย แม้ว่าจะเป็นการลงทุนลงแรงในระดับที่พอสมควร แต่ผลตอบรับที่ได้กลับคืนมาก็ถือว่าชื่นใจสุด ๆ

และไม่เท่านั้น ยูนิเวอร์แซลยังไปได้สวยกับหนังสยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็น Five Nights at Freddy’s หรือ M3GAN ที่ต่างเป็นหนังทุนต่ำที่กวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำกลับคืนมาเข้ากระเป๋าได้เป็นอย่างดี ถึงพวกเขาจะเจ็บตัวไปพอสมควรจาก Fast X ที่แม้จะทำรายได้สูง แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้มกับทุนสร้างมหาศาลที่หนังใช้ไป กลายเป็นว่าหนังแฟรนไชส์ที่เข้าเนื้อตัวเองอยู่ในตอนนี้

ส่วนในปี 2024 ก็น่าจะเป็นอีกปีที่สตูดิโอแห่งนี้น่าจะสดใสได้อยู่ เพราะมีการกลับมาของ Kung Fu Panda 4 กับแอนิเมชัน Despicable Me 4 ที่อาจจะกลับมาเริ่มต้นไตรภาคใหม่ ตามด้วยหนังแอคชันดาราตัวท็อป Argylle และ The Fall Guy พร้อมกับการเปิดตำนานล่าพายุครั้งใหม่ใน Twisters กับหนังมิวสิคัลแฟนตาซีจากละครบอร์ดเวย์ชื่อดัง Wicked Part 1

วอร์เนอร์ บราเธอร์ส

รายได้สูง : Barbie (1.44 พันล้านเหรีญ), The Nun 2 (268 ล้านเหรียญ), Meg 2: The Trench (395 ล้านเหรียญ), Wonka (280 ล้านเหรียญ*)
รายได้ต่ำ : The Flash (270 ล้านเหรียญ), Blue Beetle (129 ล้านเหรียญ), Shazam: Fure of the Gods (133 ล้านเหรียญ), Aquaman and the Lost City (118 ล้านเหรียญ*)
เกรด : B+

นับว่าเป็นปีที่ดี..แต่ก็ยังเป็นปีที่แย่ด้วยเช่นกัน อย่างน้อย ๆ วอร์เนอร์ ก็กลับมาพลิกฟื้นสถานการณ์ได้อีกครั้ง กับการมีผลงานของตัวเองกลายเป็นหนังฮิตอันดับที่ 1 ของโลกในรอบ 12 ปี กับ Barbie หนังฮิตแห่งปีที่กวาดรายได้ทั่วโลกได้อย่างมหาศาล และเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดคิดเอาไว้ ที่คือสมการที่ลงตัวระหว่างหนังกับการตลาดที่สอดคล้องไปด้วยกันได้อย่างเป็นกรณีศึกษา

ขณะเดียวกัน วอร์เนอร์ก็ยังมี The Nun 2 กับ Meg 2: The Trench ที่เป็นหนังภาคต่อที่ไปได้สวยมาก ๆ จากการฉายในตลาดต่างประเทศ (โดยเฉพะาในเมืองจีน) อีกทั้งยังมี Wonka ที่กำลังกอบโกยอยู่ในช่วงสิ้นปี แต่กระนั้นพวกเขาก็เจ็บหนักเหมือนนกปีกหักจากบรรดาหนังฮีโรยกเซ็ตทั้งหมดในปีนี้ ทุกเรื่องต่างเป็นผลงานที่ทำผลลัพธ์ได้ต่ำกว่าเป้าทั้งหมด นำมาโดย The Flash ที่ใช้ทุนสร้างค่อนข้างบานปลาย แต่กลับไม่สามารถคืนทุนให้กับสตูดิโอได้เลย

และนั่นทำให้ปี 2024 ถึงเวลาที่จะพักเบรกกับหนังแนวซูเปอร์ฮีโรไป เพราะอยู่ในช่วงการยกเครื่องใหม่ให้กับค่ายดีซีพอดี ทำให้จะมีแค่ Joker: Folie á Deux รอฉายอยู่เพียงเรื่องเดียวในหนังกลุ่มนี้ กับของดีสต็อกใหญ่ที่รออยู่จากค่ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคต่อ  Godzilla x Kong: The New Empire กับ Dune: Part Two หนังคาวบอย Horizon: An American Saga ร่วมด้วยหนังไซไฟ Mickey 17 และหนังแอคชันภาคแยก Furiosa และการปัดฝุ่นกลับมาอีกครั้งของ Beetlejuice 2 กับแอนิเมชันเอพิคฟอร์มใหญ่ The Lord of the Rings: The War of the Rohirrim ในช่วงปลายปี

ไลออนส์เกต

รายได้สูง : John Wick: Chapter 4 (440 ล้านเหรียญ), The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes (300 ล้านเหรียญ), Saw X (109 ล้านเหรียญ)
รายได้ต่ำ : Joy Ride (15 ล้านเหรียญ), Are You There God? It's Me, Margaret (21 ล้านเหรียญ)
เกรด : B+

ก็ถือว่าเป็นปีที่กลับมาฟื้นตัวได้เป็นอย่างดีของสตูดิโอแห่งนี้ เพราะว่า ไลออนส์เกต กลับมาใส่เกียร์เดินหน้าลุยสานต่อบรรดาหนังแฟรนไชส์ของตัวเองอีกครั้ง และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ถือว่าประทับใจทุกเรื่องจริง ๆ นำมาโดย John Wick: Chapter 4 ที่ยังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเข้าค่ายได้อย่างดี ไม่แปลกใจที่พวกเขายังคงมองหาวัตถุดิบอื่น ๆ แตกยอดออกไปอีกในช่วงระหว่างภาคหลักอาจจะต้องหยุดพัก

โดยในปีนี้ก็กลับมาจับแฟรนไชส์ในตำนานของค่าย The Hunger Games อีกครั้งใน The Ballad of Songbirds and Snakes ที่เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในแบบเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกหน ที่ทำให้เห็นว่าศักยภาพของแฟรนไชส์นี้ยังมีเหลืออยู่ และคาดว่าสตูดิโอจะต้องมองหาวัตถุดิบอื่น ๆ มาเสริมเพิ่มเติมได้แน่ เช่นเดียวกับ หนังตระกูล Saw ที่ยังคงเน้นการลงทุนน้อย ๆ และผลลัพธ์กลับคืบมาเยอะ ๆ อีกเหมือนเคย

สำหรับในปี 2024 ก็เตรียมของใหญ่เอาไว้ให้ชวนติดตามเหมือนกัน นอกจาก Ballerina ภาคแยกของจอห์น วิค พวกเขาจะมีหนังจากเกมดัง Borderlands รอฉายอยู่ การกลับมาสานต่อตำนานหนังเขย่าขวัญ The Strangers: Chapter 1 ร่วมด้วยการกลับมาอีกครั้งในภาคใหม่ของ Saw 11 และยังมีหนังแอคชันสงครามของ กาย ริชชี ใน The Ministry of Ungentlemanly Warfare ด้วย

ตารางสรุปรายได้รวมของสตูดิโอหนังในอเมริกา ประจำปี 2023

สตูดิโอจำนวนเรื่องรายได้รวม
วอลต์ ดิสนีย์161.887 พันล้านเหรียญ
ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์211.877 พันล้านเหรียญ
วอร์เนอร์ บราเธอร์ส161.316 พันล้านเหรียญ
โซนี พิคเจอร์ส27972 ล้านเหรียญ
พาราเมาท์ พิคเจอร์ส10842 ล้านเหรียญ

*หมายเหตุ เก็บสถิติข้อมูลรายได้หนังถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2023

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa