รีเซต

บทเรียนในอดีต! ตูมตาม เชิญยิ้ม ยอมรับเคยลุ่มหลงในความดัง จนทำให้ชีวิตดิ่งลงเหว (มีคลิป)

บทเรียนในอดีต! ตูมตาม เชิญยิ้ม ยอมรับเคยลุ่มหลงในความดัง จนทำให้ชีวิตดิ่งลงเหว (มีคลิป)
Entertainment Report_2
1 ธันวาคม 2563 ( 14:45 )
503

ข่าวบันเทิงวันนี้

 เป็นนักแสดงตลกชั้นครูอยู่ในวงการสร้างเสียงหัวเราะ และ รอยยิ้มมายาวนาน 40 ปี "ตูมตาม เชิญยิ้ม" ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เล่าถึงบทเรียนชีวิตราคาแพงที่ทำเอาชีวิตเกือบพังเพราะหลงมัวเมากับแสง สี เสียง ทำงานเยอะ มีเงินมากแต่ไม่เหลือเก็บ แต่ยังดีที่ตั้งสติดึงตัวเองกลับมาทัน ปัจจุบันขอใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี พอเพียง 

 

จริง ๆ ตลกแต่ละคนจะมีมุกตลกแล้วก็หมัดเด็ดของตัวเอง เพื่อเป็นเอกลักษณ์ทำให้ผู้ชมที่ไปดูแล้วจำและติดใจ 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : คือ มันเป็นอาวุธของการแสดงอย่างหนึ่งนะครับ ทำให้คุณผู้ชมที่ดูเราที่คาเฟ่ติดเรา อย่างผม คือ บุคลิกจะพูดช้า 

ก่อนที่จะมาเป็น ตูมตาม เชิญยิ้ม คือ เป็นคนที่พูดช้าแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ยังครับ คือ เรานั่งคิดก่อน เมื่อก่อนเราอยู่กับทีมเล็กๆพอเราออกจากทีมเล็ก ๆ เราก็มาอยู่กับพี่เป็ด เชิญยิ้ม เพราะเขาชวนมาทำงานด้วย คุณเป็ด เขาก็บอกเราว่าแล้วทำยังไงให้มีคาแรกเตอร์ของตัวเอง เราก็มานั่งคิดว่าหนังเรื่อง ตี๋ใหญ่ พ่อตี๋ใหญ่ พูดเราเลยเอาเสียงที่เขาพูดมาลองหัดเป็นเสียงเรา แล้วใส่มุกตลกลงไปในเสียงพูด เลยเป็นที่มาของคาแรกเตอร์ของเรา เพราะว่าบางคณะไม่มีเสียงนี้ 

ตูมตาม เชิญยิ้ม : หลังจากที่จำเขามาแล้วเราก็เอาไปหัดพูดในห้องน้ำ พูดกับกระจก แต่ชีวิตจริงเราก็พูดปกตินะครับ แต่ถามว่าฝึกอยู่นานไหมไม่นานนะครับ ประมาณ 1-2 อาทิตย์เราก็ค้นหาตัวเองเจอ คือ ถ้าเราพูดกับกระจกแล้ว ถ้าเราขำเราเองได้แล้วเก็บไว้ไปเล่นกับคนดู 

ขอบคุณคลิปจากรายการ ต้มยำอมรินทร์

จริง ๆ มีงานอยู่แล้ว แต่พอ อาเป็ด มาชวนคือ ทิ้งงานไปเลยหรือยังไงตอนนั้น
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ทิ้งงานประจำไปเลยครับ ตอนนั้น สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจทิ้งงานประจำก็เพราะว่าอยากจะมีชื่อเสียงกับเขา เพราะอยากให้ครอบครัวสบายบ้างเลยลาออกไปเลย

แล้วอะไรคือสิ่งที่วัดว่าคนนี้เล่นตลกได้ 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : วัดจากเสียงหัวเราะของคนดู แต่ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะคนดูจะขำเพราะว่าเสียงที่ตัวเองพูดออกไปมันช้า แต่คนดูกลับชอบแล้วเราได้รับเสียงหัวเราะของคนดูเยอะ 

เห็นว่าอยู่กับพี่เป็ด เชิญยิ้ม 5 ปี แล้วหลังจากนั้นก็แยกออกมาเปิดคณะตัวเอง แต่ก็ยังใช้นามสกุล เชิญยิ้ม อยู่ 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เป็นนามสกุลที่พี่เขาให้ไปใช้หากินในวงการ เชิญยิ้ม 

ตอนนั้น คือ เป็นตลกที่ดังมากเพราะโกอินเตอร์ไปเล่นที่ต่างประเทศถึง 14 ประเทศ 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ใช่ครับไปกับ พี่เป็ด เราก็ไปพูดเสียงช้า ๆ ยาน ๆ ของเรา ฝรั่งถึงกับงงเลยครับ

ในช่วงที่โด่งดังได้เงินเดือนคือ เป็นแสนต่อเดือนเลย ได้มาจากตรงไหนบ้าง
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ได้มาจากการเล่นตามคาเฟ่ เพราะ 1 คืน เราเล่น 9 รอบ คือ วิลล่า 2 รอบ ดารา 2 รอบ พระราม9 2 รอบ เราขึ้นเล่นหนึ่งรอบคือครึ่งชั่วโมง พอเราจบจากที่นี่เราก็วิ่งไปอีกที่แล้วก็กลับมาที่เดิม เข้าๆออกๆแต่เราไปเล่นแต่ละที่เราก็เปลี่ยนมุกไปเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำเดิม เราก็ดูจากแขกแล้วก็วงที่เขาขึ้นก่อนคณะเราจะได้เล่นไม่ซ้ำกัน เริ่มเล่น 21.00 - ตี 4 ทุกวัน แต่พอเราเล่นตลกเสร็จก็ไม่กลับบ้านไปเล่นสนุ๊กเกอร์ต่อ แต่ ณ ตอนนั้นพอเราทำงานเสร็จในทุก ๆ วันพอแบ่งเงินกันแล้วก็ตาสว่างแล้ว ตีว่าวันละ 4,000 บาท แต่เราแทบไม่มีเงินเก็บเพราะเราไปหมดกับสนุ๊กหมด เพราะเราเล่นตั้งแต่ตี 4 ถึงบ่ายโมง

ตูมตาม เชิญยิ้ม ตลกชื่อดัง 

แบบนี้เสียงานไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ไม่เสียงานครับ พอเราเล่นเสร็จก็กลับไปนอนหกโมงทุ่มหนึ่งก็ไปเล่นต่อ ส่วนมุกเราก็ไปเล่นที่หน้าคาเฟ่

ณ ตอนนั้น เรียกว่าหลงกับแสง สี เสียงไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : หลงครับ หลงระเริง หลงแสงสี 

ในยุคนั้นที่ได้เป็นแสน ๆ เป็นยุคที่ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม ประมาณ 10 บาท เราเคยมีคิด ๆ ไหมว่าจะเก็บเงิน
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ก็มีคิดว่าจะเก็บครับ แต่เพราะว่าพอเรานัดเขาไว้แล้วเราต้องไปเงินที่จะเก็บก็หายไป เงินที่จะเก็บเลยไม่ได้เก็บ แต่พอมาระยะหลังนึกขึ้นได้เราต้องเก็บพอแต่งงานมีครอบครัวเราก็รู้สึกว่าเราต้องดูแลไหนจะครอบครัว ไหนจะภรรยาเราลูก 

การที่เคยอยู่จุดสูงสุด ณ ตอนนั้นแต่ไปหลงอยู่กับแสง สี มีเท่าไหร่ใช้หมด
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ทางบ้านไม่ได้เลยครอบครัวไม่ได้สักบาท เราติดหรู ติดแบรนด์เนมดัง ๆ พอเราเห็นเขาใช่รถ BMW เราก็เปลี่ยนไปใช้แบบเขาพอว่าเราไม่ได้เขาก็ยึดไปตั้งหลายคัน ตอนที่เรามีเงินมากๆตอนนั้นคือ ติดผู้หญิง การพนันไม่ได้เล่น แต่เราติดสนุ๊กแล้วพอเราไม่มีเงินเราก็ยืม ๆ จดหนี้มันทวีคูณขึ้นมา แต่เราใช้เงินเกินตัวทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นคาเฟ่ยังรุ่งเรืองอยู่

แต่จุดหนึ่งที่ทำให้ชีวิตพลิกผันคือ คาเฟ่ที่รุ่งเรืองกับหายไปตอนนั้นชีวิตเป็นยังไงบ้าง
ตูมตาม เชิญยิ้ม : งานไม่มีทำ คาเฟ่ค่อย ๆ หายไป ตอนนั้นเราไม่ได้ปรับตัวไม่ทันเพราะพอคิดว่าจะใช้หนี้ ผู้หญิงก็โทร"มาอีกแล้ว (ติดหญิงของเราคือเราไม่ได้เลี้ยงดูเขานะครับ แต่เวลาเราพาเขาไปทานข้างเราก็เป็นคนจ่ายให้ตลอดแต่เพราะผู้หญิงหลายคนมันเลยหมดเยอะ) แล้วตอนนั้นเรายังลงไม่ได้ 

ซึ่งสุดท้ายชื่อไปอยู่ในรายชื่อตลกตกอับ ขนาดที่เอาเสื้อผ้าเก่าไปขาย หมดจนต้องขอข้าววัดกินตามข่าวที่ออกมาไหม
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ไม่ได้ตามข่าวขนาดนั้น เสื้อผ้าที่ผมเอาไปขายที่ตลาดนัดคือเป็นเสื้อที่ผมใส่ไม่ได้ แล้วที่ผมไปวัดไปขอข้าวกินไม่ใช่ไปหาพระอาจารย์ท่านก็ให้ของที่เขาใส่บาตรมาไปให้หลานกิน เพราะอีกคนถามอีกคนไปลงมันคนละแบบ มันเลยเป็นข่าวออกมาว่า ตูมตาม ตลกตกอับไม่มีข้าวจะกิน

ตอนที่เราลงต่ำสุด สุดขนาดไหน
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ลงถึงขั้นที่ว่าไม่มีเงินเฉย ๆ ไม่มีงาน มีหนี้ 3 อย่าง 

ถึงไม่ได้ตกอับตามข่าวแต่ก็เคยคิดสั้น ฆ่าตัวตาย 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เครียดมากเพราะเราไม่มีงานเลย ไม่สามารถหาเงินเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ เครียดจนขนาดที่ว่าไปซื้อยาเบื่อหนูคิดว่าจะกินทีเดียวแล้วก็ลาเป็นบางคน ตอนนั้นไปลาอาจารย์ (ท่านเป็นร่างทรง) อาจารย์ท่านกบอกว่าเอาไปทิ้งซะยา เพราะตอนนั้นมรสุมมันเยอะ หนี้เยอะ ทั้งเรื่องรถ ขึ้นศาล ท่านก็บอกว่าให้เราไปตั้งสติ อารมณ์ดี ๆ แล้วค่อยโทร.มา เราก็เชื่อท่านนั่งร้องไห้ แล้วคิดใหม่ หนึ่งเก็บ ไม่หมิ่นเงินน้อยไม่รอวาสนา ใครให้งาน ให้ทำอะไรทำหมด แล้วเงินให้ที่บ้านเก็บ

ณ ตอนนั้นเรามองตัวเองยังไงบ้างในสิ่งที่เราทำผิดพลาดไป
ตูมตาม เชิญยิ้ม : มองตัวเองว่าทำแบบนั้นได้ยังไง ถ้าเราตายแล้วคนข้างหลังจะอยู่ยังไง เลยเริ่มต้นใหม่พอสักระยะหนึ่งก็ดีขึ้นเราก็ไปของาน ทำทุกงานที่ทุกคนให้ ให้เท่าไหร่ก็ไปและเราต้องไปก่อนเขา เพื่อให้ครอบครัวของเรารอด ซึ่งหนึ่งในผู้มีพระคุณที่ช่วยเรา คือ พี่เป็ด ช่วยเราใช้หนี้ ซึ่งตอนที่เราหลงอยู่ตอนนั้นมีคนเตือนแต่เราไม่ฟัง เพราะเราคิดว่าอันนี้ของฉันอย่ามายุ่ง แต่พอมาตอนนี้คือ ไม่ใช่แล้ว

ชีวิตรอดกลับมา 1 ครั้ง เพราะความเชื่อความศรัทธา ในตัวของพระอาจารย์ แต่ที่รอดอีกครั้งคือ ถ้าวันไหนไม่มีเงินจริงๆจะจุดธูปขอใคร
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ขอพ่อปู่อาจารย์ บอกว่าพ่อผมไม่มีเงิน เราก็จุดธูป 16 ดอก กลางแจ้งแล้วบอกว่าผมไม่มีเงินกินข้าวเลยขอให้มีงานเข้ามาเยอะ ๆ นะ แล้วก็สวดมนต์บ้าง ตอนเย็นก็มีคนที่เขายืมเงินเราสมัยก่อนเอาเงินมาคืนเราคิดว่าที่เราได้เงินมาคือ ปาฏิหาริย์ ก็เป็นความเชื่อของแต่บุคคลนะครับ

ตอนนี้กลับมามีบทบาทมากขึ้น รับงานละคร ถึงจะเป็นคนขับรถแต่ก็ภูมิใจมาก ๆ
ตูมตาม เชิญยิ้ม : เป็นคนขับรถ เป็นตำรวจ ตอนนี้ละคร 4 เรื่อง เราไม่ได้ใช้บุคลิกที่เราพูดช้าๆทุกเรื่องนะครับ แต่เราจะถามผู้กำกับก่อนว่าอยากให้เราพูดแบบไหน เล่นแบบไหน 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ตอนนี้เราก็เลิกเจ้าชู้แล้ว ส่วนเงินแม่บ้านก็เป็นคนเก็บหมดเลย

ส่วนลูก ๆ ก็ได้เลือดศิลปินจากพ่อไปหมดเลย 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : กิ๊ฟ ชวนชื่น ก็อยู่กับคณะจิ้ม ชวนชื่น ส่วนลูกสาวแสตมป์ ก็ออกเพลง ฝากชีวิตไว้ผิดคน 
ตูมตาม เชิญยิ้ม : ขอฝากด้วยนะครับ ดูผมเป็นตัวอย่างเป็นบทเรียนที่ไม่ควรทำตามเพราะฉะนั้นตอนนี้ใครที่หลงไปทางที่ไม่ดีกลับมาหาตัวเองนะครับ